ปั่นจักรยาน บนเส้นทางในฝันที่นิวซีแลนด์ กับ 100 Plus
จากแคมเปญชิงโชค “100 Plus ปั่นลัดฟ้า 2 ตอนกอดนิวซีแลนด์” ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. และมีการจับรางวัลกันไปหลายรอบ จนสิ้นสุดแคมเปญ
โดย/ภาพ Withaya Heng
จากแคมเปญชิงโชค “100 Plus ปั่นลัดฟ้า 2 ตอนกอดนิวซีแลนด์” ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือน มี.ค. และมีการจับรางวัลกันไปหลายรอบ จนสิ้นสุดแคมเปญ ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา บัดนี้ถึงเวลาที่ 100 Plus จะพาผู้โชคดีที่ได้รับรางวัล พร้อม 2 พรีเซนเตอร์ พี่ตูน บอดี้สแลม และโจอี้ บอย บินลัดฟ้าสู่เมืองควีนส์ทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศที่อยู่สุดขอบซีกโลกใต้
เรียกว่าลงไปใต้กว่านั้นก็ขั้วโลกใต้แล้วล่ะ ฤดูกาลของที่นี่จึงแตกต่างจากประเทศอื่นๆ ที่เราคุ้นเคยค่อนข้างมาก เราเดินทางไปในช่วงวันที่ 14-18 ต.ค. เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของที่นั่น และถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับคนไทย ด้วยหิมะบนภูเขายังไม่ละลายจนหมด มองไปที่ไหนก็มีแต่วิวภูเขาหิมะที่สวยงาม ในขณะที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นมากนัก หนาวกำลังดี ได้ใส่เสื้อหนาวที่ซื้อมาแล้วไม่เคยได้ใส่ในเมืองไทยสักที ถ้าล่วงเลยไปกว่านี้เข้าเดือน พ.ย. จะเป็นฤดูร้อนแล้ว ซึ่งอากาศจะอุ่นถึงร้อนและแดดแรงมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวโซนยุโรปจะชื่นชอบช่วงเวลานั้นมากกว่า
ทริปนี้นอกจากจุดประสงค์หลัก คือการมาปั่นจักรยานบนเส้นทางจากทะเลสาบ Pukaki ไปสู่ทะเลสาบ Tekapo แล้ว 100 Plus ยังจัดเต็ม พาไปสัมผัสทุกไฮไลต์ของเมืองควีนส์ทาวน์ ซึ่งถือว่าเป็นเมืองศูนย์กลางแห่งกิจกรรม Outdoor - Adventure อย่างแท้จริง
เริ่มจากการนั่งรถกระเช้าขึ้นสู่ยอดเขา Skyline ยอดเขาชั้นแรกจะเป็นจุดชมวิวและเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางจักรยานแบบดาวน์ฮิลล์ใน Skyline Bike Park ตรงจุดนี้เราเลือกหมวกกันกระแทกขนาดพอเหมาะแล้วขึ้นกระเช้าแบบกอนโดล่าขึ้นไปอีกชั้น เพื่อไปเล่น Luge Ride รถเลื่อนสี่ล้อไม่มีเครื่องยนต์อาศัยแรงโน้มถ่วงของโลกปล่อยไหลลงเขาลงมาตามทางที่ทำไว้ การบังคับควบคุมก็ทำได้ง่ายๆ คือโยกคันโยกมาตรงกลางคือเดินหน้า โยกเข้าหาตัวจนสุดคือเบรก เมื่อได้ลองฝึกการบังคับควบคุมแล้ว เจ้าหน้าที่จะปั๊มเครื่องหมายไว้ที่หลังมือของเรา และให้ลงไปในเส้นทางสำหรับ Beginner เมื่อไหลลงไปถึงข้างล่างแล้ว นั่งกอนโดล่ากลับขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้คนที่มีเครื่องหมายที่หลังมือจะได้ลงเล่นในเส้นทาง Advance ซึ่งจะมีความชันมากกว่า ระยะทางยาวกว่า นอกจากความสนุกแล้ว วิวที่เราเห็นจากเส้นทาง คือภาพกว้างของเมืองควีนส์ทาวน์ และทะเลสาบ Wakatipu อันงดงามปรากฏอยู่ตรงหน้า
กิจกรรมอีกอย่างที่ถือเป็นต้นตำรับของแท้จากควีนส์ทาวน์ คือ Shotover Jet Boat การนั่งเรือเจ็ตโบ๊ตไปตามแม่น้ำ Shotover แต่จะนั่งแบบธรรมดาๆ ก็จะเสียชื่อดินแดนแห่งการผจญภัย เรือเจ็ตโบ๊ตที่นี่จึงวิ่งด้วยความเร็วปานจะเหาะ ลัดเลาะโฉบเฉี่ยวแก่งหินผากลางน้ำ เฉียดเข้าใกล้แบบว่าได้กลิ่นกันเลยทีเดียว ตบท้ายด้วยการหมุนควงเรือ 360 องศา ที่เรียกเสียงกรี๊ดออกมาได้จากทุกคน
น้ำในแม่น้ำที่เห็นเป็นสีฟ้าใสสวยงามเช่นนี้เป็นน้ำที่เกิดจากหิมะบนยอดเขาละลายไหลลงมา ผ่านชั้นตะกอนหินที่มีแร่ธาตุที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ สีของแม่น้ำหรือทะเลสาบแต่ละแห่งจึงไม่เหมือนกันด้วย ความงามของสายน้ำในเมืองควีนส์ทาวน์ได้กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมท้าความกล้าขึ้นมาอีกชนิด นั่นคือ Bungee Jump ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกที่สะพาน Kawarau Gorge Suspension เหนือแม่น้ำ Kawarau
การโดดดิ่งลงไปหาลำน้ำสีมรกตเบื้องล่างที่ท้าทายคนทั้งโลกมาเกือบ 30 ปี เป็นการวัดใจวัดความกล้าของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ตลอดเวลาที่เรายืนชมการโดด เราได้เห็นผู้คนหลากรูปแบบ บางคนมาโดดเป็นคู่ บางคนโดดโดยไม่ลังเล บางคนต้องกล่อมแล้วกล่อมอีกร่วมสิบนาทีก็ยังไม่ยอมโดด แต่อย่างว่าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นเองคงไม่รู้หรอกว่าจะรู้สึกอย่างไร ปัจจุบันการโดดบันจี้จัมพ์ครั้งหนึ่งมีค่าใช้จ่ายร่วม 5,000 บาท (205 ดอลลาร์นิวซีแลนด์) ซึ่งจะได้ภาพถ่ายและเสื้อยืดที่ระลึกกลับไปด้วย
ออกจากสะพาน Kawarau Gorge เราออกจากเมืองควีนส์ทาวน์มุ่งหน้าสู่เทือกเขาเมาท์คุก (Mt.Cook) เพื่อวันรุ่งขึ้นเราจะได้เดินทางมาจุดสตาร์ทในการปั่นจักรยานใกล้ขึ้น แต่การเดินทางเข้าสู่เมาท์คุกในช่วงเวลานี้กลับเป็นโบนัสก้อนใหญ่สำหรับคณะเรา ด้วยวิวทิวทัศน์ไม่ว่าจะตรงหน้าหรือสองข้างทางนั้นสวยงามไปหมด คิดว่าถ้าเหลียวไปมองด้านหลังก็คงสวยไม่แพ้กันด้วย
วันนี้... เมาท์คุ้กไม่ขี้อายเหมือนทุกครั้ง เผยโฉมออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน แถมโลมไล้ด้วยแสงแดดยามเย็นและสวมหมวกเมฆเก๋ๆ ให้เป็นที่โดดเด่นสุดประทับใจ
อ้าว... ยังไม่ได้เริ่มปั่นเลยเนื้อที่ของเราในวันนี้หมดลงเสียแล้ว ติดตามต่อคราวหน้านะครับ แย้มพรายให้นิดๆ ว่า งานนี้มีแต่สวย สวยกว่า และก็สวยยิ่งขึ้นไปอีกครับ