กระทบไหล่หนุ่มญี่ปุ่นสุดฮอต เคนโตะ ยามาซากิ

โดย  เพ็ญแข สร้อยทอง ภาพ : GEM

นับเป็นโอกาสสุดแสนพิเศษ เมื่อเราได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน ‘Kiss that Kills’ - Up Close & Personal with Kento Yamazaki ซึ่งจัดขึ้นเพื่อให้แฟนๆ ของนักแสดงหนุ่มชาวญี่ปุ่น “เคนโตะ ยามาซากิ” ได้มามีตแอนด์กรีตกับขวัญใจของพวกเขาอย่างใกล้ชิด ณ โรงแรม เดอะ มิร่า ฮ่องกง เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา งานนี้ยังเป็นการฉลองที่ซีรี่ส์เรื่องใหม่ของ เคนโตะ ยามาซากิ ออกฉายในหลายประเทศ (พร้อมกับญี่ปุ่น) แฟนคลับซึ่งเข้าร่วมงานเป็นผู้โชคดีจากการเล่นเกมจากฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย (แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นสาวๆ) โดยเจ้าภาพคือ ช่อง GEM

แฟนๆ ในห้องกรี๊ดต้อนรับกันดังสนั่น เมื่อ เคนโตะ ยามาซากิ ปรากฏตัว ก่อนพิธีกรจะชักชวนพูดคุยถึงการมาเยือนฮ่องกงของเขา เคนโตะ บอกว่า เขาอยากจะไป “หยำฉา” คือ ดื่มชากับติ่มซำแบบชาวฮ่องกง และถ้ามีเวลาก็อยากจะไปเที่ยวชมฮ่องกงบ้าง

จากนั้นการสนทนาก็เคลื่อนไปสู่เรื่องราวเกี่ยวกับ Kiss that Kills นักแสดงหนุ่มวัย 23 ปี เคนโตะ ยามาซากิ พูดถึงตัวละครซึ่งได้รับบทบาทในเรื่องนี้ว่า “เขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อเงิน เป็นคนไม่ดี ก่อนจะได้มาพบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา”

Kiss that Kills เป็นผลงานการสร้างของ นิปปอนทีวี ซึ่ง เคนโตะ ยามาซากิ ผู้โด่งดังจากบทนักเรียนวัยรุ่นอย่างเช่นใน Orange, No Longer Heroine ฯลฯ (อีกหนึ่งผลงานดังของเขาคือ การรับบท แอล จาก Death Note เวอร์ชั่นทีวี) ครั้งนี้เขาได้รับงานที่ท้าทาย นอกจากจะได้บทนำในละครทีวีครั้งแล้ว ด้วยบทบาทที่โตขึ้นกว่าเดิมในการแสดงเป็น โอทาโระ “บาร์โฮสต์” อันดับหนึ่ง หนุ่มหล่อผู้ไร้หัวใจ ไม่ต้องการความรัก ด้วยตีทุกอย่างเป็น “ราคา” และปรารถนาอำนาจ ทั้งนี้เพราะเขาผ่านประสบการณ์ย่ำแย่เลวร้ายมาก่อน

ในขณะที่ โอทาโระ กำลังพยายามหลอกล่อทายาทสาวสวยของตระกูลร่ำรวยให้มาติดบ่วงเสน่ห์ เขาก็ได้พบกับผู้หญิงผิวขาวซีด ทาปากแดง ผู้มอบ “จูบมรณะ” ให้กับเขา จูบซึ่งทำให้ชายหนุ่มหายใจลำบาก มีอาการหัวใจวาย ก่อนจะเสียชีวิต และฟื้นคืนชีพ เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก โอทาโระ จึงต้องค้นให้พบว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ และเขาจะสามารถคลี่คลายเรื่องลึกลับซึ่งอยู่เบื้องหลัง “จูบ” และ “การตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ได้หรือเปล่า

ระหว่าง เคนโตะ กับตัวละครที่ได้รับบทบาทนั้นมีความแตกต่างอย่างมาก เขาจึงรู้สึกว่า “บทบาทนี้เป็นงานที่ท้าทายที่สุด” ความน่าสนใจของเรื่องยังอยู่ที่ฉากการเดินทางข้ามกาลเวลา และมีโลกคู่ขนานเข้ามาเกี่ยวข้อง “เรื่องราวมันสนุก น่าสนใจติดตามว่า สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ตอนแรก โอทาโระ คิดว่าเป็นความฝัน แต่เขาก็พบกับเหตุการณ์ต่างๆ นั้นซ้ำไปมา ก่อนจะตระหนักว่า มันคือ ความจริง”

ถึงจะมีความแตกต่างอย่างมาก แต่ เคนโตะ และตัวละครซึ่งเขารับบทบาทมีบางส่วนคล้ายกัน ตรงที่มีความพยายามทำให้ทุกอย่างดีขึ้น พัฒนาขึ้น นักแสดงหนุ่มยังหวังว่า เขาจะได้รับประโยชน์จากการแสดงบทนี้ด้วย

เคนโตะ ยามาซากิ เล่าถึงการทำงานในกองถ่ายซึ่งมีเพื่อนๆ อายุรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่หลายคน รวมถึงขวัญใจสาวๆ อย่าง แมคเคนยู อาราตะ ซึ่งเคยทำงานร่วมกันมาแล้วในหนังเรื่อง Jojo’s Bizarre Adventure “เขาเป็นคนหน้าตาดี เท่ พูดภาษาอังกฤษก็เก่ง” เคนโตะ ชื่นชมเพื่อน

ส่วน มูกิ คาโดวากิ ผู้รับบท สาวจูบมรณะนั้น พวกเขาเคยร่วมงานกันมา 3 ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นการทำงานใกล้ชิดกันที่สุด ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เพราะว่า มูกิ นั้นเป็นคนดูแลใส่ใจคนอื่นๆ การทำงานกับเธอจึงเป็นเรื่องง่าย ขณะที่สาวสวย ยูโกะ อารากิ แม้จะทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกก็ไม่มีปัญหา “เธอกับแมคแคนยูแสดงเป็นเด็กรวย แต่ตัวจริงของพวกเขาน่ารักมาก ยูโกะเธอเหมือนเป็นพี่สาวเลย”

แม้ครั้งนี้เพื่อนๆ นักแสดงจะไม่ได้เดินทางมาด้วย แต่ก็มีวิดีโอสั้นๆ จากพวกเขามาทักทาย และชักชวนให้แฟนๆ ดูผลงาน พร้อมส่งกำลังใจให้กับ เคนโตะ ยามาซากิ ซึ่งเป็นตัวแทนมาโปรโมทงานในฮ่องกง

หลังจากพูดคุยกันพอหอมปากหอมคอก็มีเกม “ถูกหรือผิด” มาให้แฟนๆ ได้ร่วมสนุกเพื่อชิงรางวัลสุดพิเศษจากมือของ เคนโตะคุง ซึ่งผู้ชนะนั้นถึงกับกลั้นน้ำตาปลาบปลื้มไว้ไม่อยู่ เมื่อได้ใกล้ชิดกับพระเอกหนุ่มขวัญใจ

เคนโตะ ยามาซากิ ตัวจริงที่เราได้สัมผัสนั้นน่ารักและเป็นกันเอง เขาทำให้แฟนๆ ยิ้มและหัวเราะ ก่อนลาจากทุกคนมีโอกาสได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับไอดอลของพวกเขา ทำให้ต่างกลับบ้านไปพร้อมกับความสุข และเมื่อสุดสัปดาห์มาถึง พวกเขาน่าจะนั่งรอหน้าจอทีวี เพื่อรอดูบทบาทงานที่ท้าทายของหนุ่มน้อยคนนี้

สำหรับแฟนๆ ในเมืองไทย ชมผลงานของ เคนโตะ ยามาซากิ ได้ทางช่อง GEM (ทรูวิชั่นส์ ช่อง 244) ทุกวันอาทิตย์ เวลา 13.00 น. มีตอนเก่ามาฉายซ้ำ ก่อนตอนใหม่ล่าสุดจะมาให้ชมในเวลา 20.30 น. พร้อมกับที่ญี่ปุ่น

“ผมหวังว่า คนดูจะสนุกกับซีรี่ส์เรื่องนี้นะครับ...” เคนโตะ ยามาซากิ กล่าว