'ดาลัต' กับความลับทั้ง 7
หากคุณมีวันว่าง 1 วันใน “ดาลัต” และยังไม่ทำอะไรนอกจากเดินเล่นรอบทะเลสาบซวนเฮือง
โดย/ภาพ : กาญจน์ อายุ
หากคุณมีวันว่าง 1 วันใน “ดาลัต” และยังไม่ทำอะไรนอกจากเดินเล่นรอบทะเลสาบซวนเฮือง การตัดสินใจซื้อทัวร์วันเดย์ทริปไปเที่ยวรอบตัวเมืองนับเป็นไอเดียที่ไม่เลวนัก เพราะคุณแค่ควักเงินจ่ายไม่ถึง 1,000 บาท ก็จะได้เก็บครบทุกแหล่งท่องเที่ยว
ทัวร์วันเดย์ทริปที่โรงแรมไม่ว่าเล็กหรือใหญ่นำเสนอขายโปรแกรมเหมือนกันๆ ต่างกันแค่ราคาหลักไม่กี่หมื่นเวียดนามด่อง ซึ่งเท่ากับไม่กี่สิบบาทในไทย โดยมีให้เลือกเกือบสิบโปรแกรม ซึ่งโปรแกรมยอดนิยมได้ถูกยกให้เป็นเส้นทางแรกในแผ่นพับทุกใบ เพราะมีไฮไลต์สำคัญอย่างน้ำตกดาตันลาที่ห้ามพลาด
01 ความสวยงามของน้ำตกดาลันตา
เส้นทางนี้ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยว 7 แห่ง บางโรงแรมอาจขายราคา 1.7 แสนด่องหรือประมาณ 255 บาท แต่บางแห่งอาจตั้งราคาไว้ที่ 1.9 แสนด่องหรือ 290 บาท/คน ซึ่งไม่ว่าจะราคาไหนก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะราคารวมค่าเข้าแหล่งท่องเที่ยว ค่าไกด์ และค่ารถมินิบัส 20 ที่นั่งที่จะพาไปยังสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมด โดยเริ่มทัวร์ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.
ทั้งนี้ ต้องกล่าวไว้เนิ่นๆ ว่า ค่าทัวร์ไม่ถึง 300 บาทที่ต้องจ่ายนั้นไม่ใช่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของทริปนี้ เพราะคุณต้องจ่ายค่าอาหารกลางวันเอง รวมถึงค่าเคเบิลคาร์ ค่าเข้าสวนดอกไม้ และค่าเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์
วิหารดาลัต
ช่วง 08.30-09.30 น. เป็นช่วงเวลาที่โรงแรมจะนัดคุณลงมาเจอที่ล็อบบี้เพื่อขึ้นรถมินิบัสไปร่วมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น โดยรถจะไล่รับตามแต่ละโรงแรม หากคุณตื่นสายไม่ตรงต่อเวลา ไกด์ประจำรถจะนับถอยหลังและทิ้งคุณไว้อย่างนั้น เนื่องจากเป็นทัวร์ร่วมกับคนอื่น เวลาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
ไกด์ประจำรถเป็นชาวดาลัตที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี มีหน้าที่ดูแลและให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว โดยเส้นทางจะเริ่มจากใกล้ไปถึงไกลตัวเมือง สถานที่แรกสุดที่ไปจึงเป็น “วิหารดาลัต” หรือที่ไกด์ส่วนใหญ่เรียกให้จำได้ง่ายว่า “โบสถ์ไก่” เพราะบนยอดแหลมของโบสถ์มีแผ่นทองเหลืองรูปไก่สองมิติเป็นเอกลักษณ์
02 เคเบิลคาร์เคลื่อนผ่านยอดสนไปยังวัดตั๊กลัม
นักท่องเที่ยวจะได้ยลโฉมความงามของโบสถ์ได้จากภายนอกเท่านั้น เนื่องจากที่นี่เป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ หากมาวันอาทิตย์จะเห็นบรรยากาศความศรัทธาของคริสตศาสนิกชนล้นหลาม ซึ่งครั้นจะเข้าไปชมความงามของวิหารก็คงจะเสียมารยาท
ไกด์จะแนะนำมุมถ่ายภาพแบบเสยให้เห็นไปถึงยอดโบสถ์ ก่อนจะปล่อยให้ใช้เวลาตามอัธยาศัย 30 นาที แต่ทีเด็ดของที่นี่ไม่ได้มีแค่ความสวยงามของสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากการเผยแผ่ศาสนาของฝรั่งเศส เพราะยังมีวิวทิวทัศน์เมืองดาลัตมุมสูงที่จะเห็นบ้านเรือนล้อมรอบด้วยภูเขา ประดับด้วยดอกไม้สีจัดจ้าน จนเผลอนึกว่าไม่ได้อยู่ในเวียดนาม
พระราชวังฤดูร้อนเบ๋าได่
ห่างจากวิหารดาลัตไปประมาณ 15 นาที มินิบัสจะแล่นไปบนถนนขึ้นไปบนเนินเขาอันเป็นที่ตั้งของ “พระราชวังฤดูร้อนเบ๋าได่” เบ๋าได่คือพระนามของจักรพรรดิองค์สุดท้ายของเวียดนาม พระราชวังก่อสร้างเมื่อปี 2476 เพื่อเป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อนของพระองค์ ประกอบด้วยอาคารอิมพีเรียล 3 หลัง โดยบางส่วนถูกบูรณะและเปิดให้เข้าชม ได้แก่ บัลลังก์จักรพรรดิ ห้องทรงงาน ห้องบรรทม ห้องอาหาร และห้องพักพระมเหสี
ก่อนเข้า นักท่องเที่ยวไม่ต้องถอดรองเท้าแต่ต้องใส่ถุงเท้า (ถุงครอบรองเท้า) ทั้งสองข้าง เพื่อรักษาความสะอาดของพระราชวัง โดยไกด์จะพาไปชมห้องทรงงานของจักรพรรดิบ๋าวได๋ ก่อนปล่อยให้แยกย้าย พร้อมให้เวลาดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และคุณค่าทางสถาปัตยกรรม 1 ชั่วโมง
เส้นทางเดินในพระราชวังไม่มีกำหนด แต่จะมีที่กั้นจำกัดเขตไม่ให้เข้าใกล้เฟอร์นิเจอร์โบราณจนเกินไป แต่ก็ไม่ไกลจนไม่เห็นรายละเอียดของความเรียบง่ายของแต่ละห้อง
ยกตัวอย่าง ห้องบรรทมของจักรพรรดิบ๋าวได๋เป็นห้องริมหน้าต่างสีน้ำตาล เตียงไม้และตู้เสื้อผ้าไม้ไม่สูงใหญ่ ไม่หรูหรา แต่เผยให้เห็นความคลาสสิกของเนื้อไม้แท้
นอกจากนี้ ระหว่างเดินชมจะสังเกตเห็นผู้ชายถือกล้องคอยมองตาม นั่นเป็นบริการแบบมีค่าใช้จ่ายของคนที่อยากถ่ายรูปเป็นที่ระลึกโดยมีเครื่องแต่งกายแบบจักรพรรดิจีนให้ใส่คอสเพลย์
03 รางโรลเลอร์โคสเตอร์ลงไปยังน้ำตกดาลันตา
สักการะพระศากยมุนี
หลังจากสัมผัสเรื่องราวของจักรพรรดิ มินิบัสได้แล่นต่อไปอีกสักพักสู่เรื่องราวของวัดตามอิทธิพลของจีน ประเทศที่เคยปกครองเวียดนามนานถึง 1,000 ปีก่อน เปลี่ยนผ่านสู่ยุคฝรั่งเศส ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันภาษาเขียนของเวียดนามจะได้รับอิทธิพลจากเมืองน้ำหอมมา แต่ความเชื่อและความศรัทธาในศาสนาพุทธยังคงอยู่ในใจคน
ดังภาพ “พระศากยมุนี” องค์สีเหลืองมะเรืองมะรังบนเนินเขา องค์พระสังกัจจายน์ขนาดมหึมา และพระพุทธรูปภายในอุโบสถ สถานที่แห่งนี้จึงไม่น่าตื่นเต้นสำหรับคนไทย เพราะมีความเชื่อคล้ายคลึงกัน แต่สำหรับฝรั่ง (หนึ่งในสมาชิกทัวร์คันเดียวกัน) เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างคือสิ่งแปลกใหม่ที่ต้องละเลียดมอง คนไทยก็คงต้องละเลียดขอพรเหมือนชาวดาลัตที่ยืนพนมมืออยู่นานสองนาน
เขาโรบิน และวัดตั๊กลัม
เข้าสู่ครึ่งทางของทริปหนึ่งวัน ระหว่างทางที่นั่งรถไปยัง “เขาโรบิน” (Robin Hill) ไกด์คนเดิมจะถามความสมัครใจว่า ลูกทัวร์อยากซื้อตั๋วนั่งเคเบิลคาร์ไปยังวัดตั๊กลัมหรือจะนั่งมินิบัส โดยค่าตั๋วเคเบิลคาร์หรือกระเช้าไฟฟ้าราคาคนละประมาณ 75 บาท เป็นตั๋วรอบเดียวจากเขาโรบินไปวัดแล้วรถจะขับไปรอที่ปลายทาง
เส้นทางเคเบิลคาร์ยาว 2,300 เมตร ใช้เวลาเดินทางรอบเดียวประมาณ 15 นาที อาจมีหวาดเสียวบ้างเวลากระเช้าขึ้นลงตามระดับของภูเขา และยอดสนที่สูงเสียดใต้ท้องกระเช้าสร้างความรู้สึกเหมือนคุณกำลังนั่งลอยอยู่กลางอากาศ ซึ่งเงิน 75 บาทคุ้มค่าแน่นอน
อีกฟากของเขาโรบินเป็นที่ตั้งของ “วัดตั๊กลัม” วัดพุทธในนิกายเซนแบบญี่ปุ่น ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ สถาปัตยกรรม ไปจนถึงลวดลายจึงดูเป็นระเบียบ เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความหมายแบบเซน โดยวัดตั๊กลัมค่อนข้างเคร่งครัด นักท่องเที่ยวหญิงที่ใส่กระโปรงหรือกางเกงสั้นเหนือเข่าจึงต้องหยิบผ้าถุงสีเทามาใส่ทับให้เรียบร้อย
ไกด์จะปล่อยให้ชื่นชมวิถีเซน 30 นาที หลังจากนั้นจะพาไปรับประทานอาหารเที่ยงแบบต่างคนต่างสั่งต่างจ่ายที่ร้านอาหารตามสั่งแบบรับกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งราคาอาหารไม่แพงถึงขั้นตีหัวแตก กับข้าวสองอย่าง ข้าวสวยหนึ่งหม้อ และกาแฟเย็นหนึ่งแก้ว ตกอยู่ที่ประมาณ 300 บาท แม้ราคาจะไม่ถูกเหมือนร้านทั่วไปแต่ก็พอรับได้ เพราะรสชาติอาหารถูกปากคนไทย และเสิร์ฟจานใหญ่กินจนจุก
หุบเขาแห่งรัก
04 สายธารของน้ำตกที่สวยที่สุดในดาลัต
ขณะที่หนังตาเริ่มหย่อน ไกด์จะให้เลือกอีกครั้งว่า คุณจะเสียเงินจ่ายค่าเข้าสวนดอกไม้ชื่อ “หุบเขาแห่งรัก” (Valley of Love) ราคาคนละ 45 บาท เพื่อเข้าไปถ่ายรูปและเดินเล่นกลางสวน หรือจะไปชมโชว์รูมขายดอกไม้แบบไม่เสียค่าเข้าดี ซึ่งตัวเลือกนี้เลือกได้ง่ายจากเวลาที่ไกด์ให้คือ 2 ชั่วโมง
ต้องอธิบายว่า โชว์รูมดอกไม้ก็คือร้านขายดอกไม้ ส่วนหุบเขาแห่งรักเป็นพื้นที่ของเอกชนที่ปรับภูมิทัศน์ให้เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่กลางดงสนตามธรรมชาติ ด้านล่างมีทะเลสาบ และจุดถ่ายภาพหลายแบบให้แชะภาพฟรี ถามว่าคุ้มไหมกับการเสียเงิน 45 บาท เข้าไปดูดอกไม้ในบรรยากาศประมาณเดียวกับสวนแม่ฟ้าหลวงที่ดอยตุง จ.เชียงราย ในเวลานั้นคงต้องตอบว่า ไม่มีที่ไหนจะฆ่าเวลา 2 ชั่วโมงได้ดีกว่าการนั่งมองใบไม้พลิ้วไหวหลังอิ่มตื้อมาจากมื้อกลางวัน
เดิมทีหุบเขาแห่งรัก เคยเป็นผืนป่าที่จักรพรรดิเบ๋าได่เข้ามาล่าสัตว์ แต่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อน และสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งยอดนิยมของชาวเวียดนาม ด้วยดอกไม้นานาชนิดหลากสีสันที่สลับผลัดเปลี่ยนออกดอก บวกกับอากาศเย็นชื้นจากทะเลสาบ ทำให้หุบเขาแห่งนี้ไม่แห้งแล้งและไม่เหมือนเดิมเลยสักวันเดียว
น้ำตกดาลันตา
นางแบบชุดฟินาเลจะแสดงตัวเป็นชุดสุดท้ายเหมือน “น้ำตกดาลันตา” น้ำตกที่สวยที่สุดและสนุกที่สุดในดาลัต โดยไกด์ไม่จำเป็นต้องโฆษณาให้ลูกทัวร์ซื้อตั๋วโรลเลอร์โคสเตอร์ เพราะทุกคนซื้อทัวร์มาเพื่อเล่นมัน
โรลเลอร์โคสเตอร์ คือเครื่องเล่นในสวนสนุกที่ถูกยกนำมาใช้เป็นเส้นทางลงสู่น้ำตกดาลันตา ค่าบริการไป-กลับคนละ 90 บาท โดยขาลงคนเล่นจะต้องเป็นผู้บังคับรถด้วยตัวเอง ส่วนขาขึ้นจะเป็นระบบไฟฟ้าดึงขึ้นมาแบบไม่ต้องออกแรง
รถ 1 คัน นั่งได้ 2 คน (จะนั่งคนเดียวหรือสองคนก็ได้ไม่บังคับ) โดยคนข้างหลังจะเป็นผู้บังคับคันโยกว่าจะให้รถหยุดหรือไป ซึ่งมีกฎเกณฑ์เพื่อความปลอดภัยของทุกคนให้ต้องทิ้งระยะห่างจากคันหน้า อย่ามัวแต่เซลฟี่จะลืมบอกข้างหน้า และต้องคาดเข็มขัดนิรภัย
ความสนุกอยู่ที่ขาลง เพราะรถจะเคลื่อนที่เร็วตามแรงโน้มถ่วง บวกโค้งสุดเสียวเรียกเสียงกรี๊ดของผู้โดยสาร (โรลเลอร์โคสเตอร์ของที่นี่ไม่มีตีลังกา) ใช้เวลาไปถึงสถานีปลายทางไม่ถึง 10 นาที โดยจะไปสิ้นสุดที่ตัวน้ำตกดาลันตาพอดี ภาพน้ำตกขนาดใหญ่ก็เผยให้เห็นทันทีโดยที่หัวใจยังไม่หายเต้นรัว
นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมน้ำตกด้านบนได้อย่างง่ายดาย ตามทางเดินที่ทำขึ้นใหม่แต่กลมกลืนกับธรรมชาติ ไปอ้าแขนยืนรับละอองน้ำ และรับฟังเสียงน้ำกระแทกหิน จุดสุดท้ายนี้ไกด์ให้เวลาดื่มด่ำธรรมชาติ 30 นาที ซึ่งมากพอให้คุณพอหาจังหวะไร้ผู้คนแล้วถ่ายภาพคู่ธรรมชาติแบบสองต่อสอง
ส่วนขาขึ้นไม่จำเป็นต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะรถจะถูกดึงขึ้นอย่างนุ่มนวลในระยะกระจัดใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที จากนั้นมินิบัสจะนำผู้โดยสารแต่ละคนไปส่งที่โรงแรม ซึ่งคนสุดท้ายน่าจะถึงไม่เกิน 16.30 น.
สรุปค่าใช้จ่ายวันเดย์ทริปทั้งค่าทัวร์ ค่าเคเบิลคาร์ ค่าเข้าหุบเขาแห่งรัก ค่าโรลเลอร์โคสเตอร์ และค่าอาหารกลางวัน รวมแล้วยังไม่ถึง 1,000 บาท นับว่าเป็นการท่องเที่ยวแบบเซอร์เวย์ให้เห็นว่าดาลัตมีอะไรที่ถูกจริต เก็บเป็นข้อมูลไว้ให้กลับไปเจาะลึก และเป็นความทรงจำไว้รำลึกว่าดาลัตหน้าตาเป็นอย่างไร
สำหรับคนที่มาดาลัตครั้งแรก การท่องเที่ยวแบบซื้อทัวร์วันเดย์ทริปคงทำให้จุใจ แม้ว่าจะเหมือนชะโงกทัวร์ไปหน่อยแต่ก็ครบทุกอย่างที่รอบเมืองดาลัตมี
หากมีเวลามากกว่านี้ก็อยากซื้อทัวร์ไปเส้นทางอื่นๆ ให้รู้จักเมืองนี้ดีขึ้น และหวังว่าครั้งหน้ากลับไปจะเจอดาลัตคนดีคนเดิม คนที่คบแล้วยังไม่ถูกโกงเหมือนที่ใครเขาพูดกัน!
............ใต้ภาพ............
00(รูปเปิด) ความร่มรื่นภายในหุบเขาแห่งความรัก
01 ความสวยงามของน้ำตกดาลันตา
02 เคเบิลคาร์เคลื่อนผ่านยอดสนไปยังวัดตั๊กลัม
03 รางโรลเลอร์โคสเตอร์ลงไปยังน้ำตกดาลันตา
04 สายธารของน้ำตกที่สวยที่สุดในดาลัต
05 ซุ้มประตูทางเข้าวัดตั๊กลัม
06 สวนดอกไม้ใต้ต้นสนธรรมชาติในวัลเล่ย์ ออฟ เลิฟ
07 วิหารดาลัตหรือโบสถ์ไก่
08 ด้านหน้าพระราชวังฤดูร้อนเบ๋าได่
09 สักการะพระศากยมุนีเหนือเมืองดาลัต
10 ห้องพักของพระมเหสีภายในพระราชวังฤดูร้อนเบ๋าได่
11 ห้องบรรทมของจักรพรรดิเบ๋าได่
12 ห้องนอนสีเทอร์ควอยส์ในพระราชวังฤดูร้อน
13 พระสังกัจจายน์ในวัดวันฮาน (Van Hanh)
14 บริเวณน้ำตกดาลันตาจากมุมบน
15 ความสวยงามที่ยังมีชีวิตด้านนอกอาคารพระราชวังฤดูร้อนเบ๋าได่