โกตากีนาบาลู ลองไปดูแล้วจะดี
เมื่อเอ่ยชื่อประเทศมาเลเซียปุ๊บ หลายคนก็แอบคิดไปว่าประเทศนี้ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกใหม่เลย
เมื่อเอ่ยชื่อประเทศมาเลเซียปุ๊บ หลายคนก็แอบคิดไปว่าประเทศนี้ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกใหม่เลย เคยไปเที่ยวมาก็หลายครั้งแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งกัวลาลัมเปอร์ที่ดูแล้วก็ไม่ต่างจากกรุงเทพมหานคร ข้ามไปเที่ยวเกาะปีนังก็มีแต่แหล่งช็อปปิ้ง หรือไปขึ้นเขาเก็นติ้งก็เฉยๆ หรือจะไปเที่ยวมะละกาก็ดูจะธรรมดาไปแล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่รู้สึกแบบนั้นอยากให้ลองเปิดใจอีกครั้ง เพราะมาเลเซียไม่ได้มีแค่ส่วนที่ติดกับประเทศไทย แต่คนส่วนใหญ่อาจจะหลงลืมไปว่าประเทศนี้มีอีกซีกหนึ่งตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว ดังนั้นใครที่คิดว่ารู้จักมาเลเซียดี แต่ยังไม่เคยเดินทางมาซีกนี้ คงต้องเปลี่ยนความคิดและมุมมองใหม่
การเดินทางไปประเทศมาเลเซียในซีกที่อยู่บนเกาะบอร์เนียวครั้งนี้ เป้าหมายของเราคือการไปทำความรู้จักกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในรัฐซาบะห์ หนึ่งในสองรัฐของมาเลเซียที่ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว อีกรัฐหนึ่งก็คือรัฐซาราวะก์ ถ้าได้มีโอกาสกลับอีกครั้งจะไปเยือนรัฐนี้แน่นอน แต่ในปัจจุบันยังไม่มีสายการบินใดบินตรงจากประเทศไทย หนึ่งในวิธีการสะดวกที่สุดคือบินสองต่อด้วยสายการบินโลว์คอสต์ เพราะมีเที่ยวบินเชื่อมต่อไปยังเมืองโกตากีนาบาลูเมืองเอกของรัฐซาบะห์มากที่สุด เบ็ดเสร็จแล้วออกจากประเทศไทยประมาณเจ็ดโมงเช้าไปถึงที่หมายประมาณบ่ายสองโมงกว่า
ด้วยความที่มาเลเซียขับรถพวงมาลัยขวาเหมือนไทย อีกทั้งราคาน้ำมันที่นี่ก็ถูกแสนถูกและยังมีถนนหนทางทันสมัย ดังนั้นเราจึงเช่ารถขับเองและจะต้องเตรียมเอกสารใบขับขี่สากลมาให้พร้อม ซึ่งการเช่ารถขับเองสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการเช่ารถพร้อมคนขับ อีกทั้งยังมีอิสระในการเดินทาง แต่เน้นย้ำว่าต้องปฏิบัติตามกฎจราจร เพราะจากการสังเกตคนใช้รถใช้ถนนที่นี่ปฏิบัติตามกฎจราจรและครื่องหมายจราจรอย่างเคร่งครัดมากกว่าไทย
เมืองโกตากีนาบาลูคือจุดเริ่มต้นที่ดีของการค้นหาความน่าสนใจในมาเลเซียฝั่งตะวันออก เมืองนี้เป็นเมืองเอกของรัฐซาบะห์ จึงเป็นศูนย์กลางของความทันสมัย มีทั้งโรงแรมที่พักหรูหรา ร้านอาหารหลายระดับ ห้างสรรพสินค้ามากมาย และยังเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติที่มีเที่ยวบินจากต่างประเทศบินลงมากมาย แต่เมืองนี้กลับไม่ได้เก่าแก่เพราะก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 19 นี่เอง เมื่อครั้งที่รัฐซาบะห์ยังมีสถานะเป็นรัฐบอร์เนียวเหนือในการอารักขาของอังกฤษ ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีหอนาฬิกา Atkinson ที่ยังคงเป็นหนึ่งในอาคารเก่าแก่ที่สุดที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยอังกฤษปกครอง ตั้งเด่นเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง หอนาฬิกานี้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง Mr.Atkinson ตัวแทนของฝั่งอังกฤษที่เคยเข้ามาปกครองที่นี่ และเสียชีวิตลงด้วยโรคไข้มาลาเรีย ซึ่งในขณะนั้นเมืองโกตากีนาบาลูยังใช้ชื่อว่า “Jesselton”
1 ใน 4 ของคนที่อาศัยอยู่ในโกตากีนาบาลูไม่ได้เป็นชาวมาเลเซีย แต่เป็นแรงงานที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ชาวฟิลิปปินส์และชาวอินโดนีเซีย ส่วนชาวมาเลเซียอีก 3 ใน 4 มีเชื้อสายจีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และชนเผ่าต่างๆ ดังนั้นที่นี่จึงมีความหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ศาสนาอิสลามยังคงเป็นศาสนาที่ถูกยกให้เป็นอันดับหนึ่ง ที่นี่จึงมีมัสยิดประจำเมืองที่มีความใหญ่โตและสวยงาม ชื่อว่ามัสยิดบันดารายา (Bandaraya Mosque) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่ามัสยิดลอยน้ำ เพราะรอบๆ ถูกขุดเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ทำให้เกิดเป็นภาพสะท้อนน้ำที่สวยงามของกลุ่มอาคารมัสยิดสีฟ้า และจะยิ่งสวยงามที่สุดในยามพระอาทิตย์ตก
สิ่งที่ทำให้ความเป็นพหุสังคมหรือสังคมที่ประกอบไปด้วยกลุ่มชนหลากหลาย แตกต่างไปจากมาเลเซียฝั่งตะวันตก ซึ่งประกอบไปด้วยชาวมลายู ชาวจีน และชาวอินเดียเป็นหลัก ก็คือที่รัฐซาบะห์ประกอบไปด้วยชนเผ่าพื้นเมืองมากถึง 40 ชนเผ่า พวกเขาอาศัยอยู่บนเกาะบอร์เนียวมาตั้งแต่โบราณ แต่ปัจจุบันการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมแทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว ถ้าอยากจะเห็นต้องมาที่หมู่บ้านวัฒนธรรมมารีมารี (Mari Mari Cultural Village) ที่นี่รวบรวมและจัดแสดงวิถีชีวิต 5 ชนเผ่าหลัก ได้แก่ เผ่ารุงกุส (Rungus) และเผ่ากาดาซัน ดูซุน (Kadazan Dusun) สองชนเผ่าที่มีความเชี่ยวชาญในการทำนา ชนเผ่าบาจาว (Bajao) ฉายาคาวบอยและยิปซีแห่งท้องทะเล ชนเผ่าลุนดายา (Lundayeh) ฉายานักจับปลาผู้เก่งกาจแห่งท้องทะเล และชนเผ่ามูรุท (Murut) เผ่านักล่าหัวมนุษย์แห่งบอร์เนียว ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ล่าแล้ว ที่นี่จัดแสดงวันละ 3 รอบ แต่ละรอบจะมีเจ้าหน้าที่พาชมและอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ แถมยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้มีประสบการณ์การใช้ชีวิตในมุมต่างๆ ที่น่าสนใจของชนเผ่า
การพิชิตยอดเขากีนาบาลู ความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 4,095 เมตร เป็นเป้าหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่การจะทำเช่นนั้นได้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามวันในการปีนเขา ต้องลงะเบียนกับอุทยานล่วงหน้าเป็นระยะเวลาหลายเดือน ซึ่งมีค่าธรรมเนียมและค่าบริการเบ็ดเสร็จไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาทขึ้นไป และที่สำคัญร่างกายต้องฟิต ไม่เป็นโรคต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการขึ้นที่สูง แต่ถ้าคุณมีความไม่พร้อมทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ยังสามารถแวะมาเที่ยวชมที่อุทยานกีนาบาลูได้ ที่นี่ตั้งอยู่เชิงเขากีนาบาลู รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีการทำเส้นทางเดินเทรลเทรกกิ้งชมธรรมชาติไว้หลากหลายระดับ ไล่จากยากไปง่าย ไล่จากระยะทางสั้นๆ ไประยะไกลๆ ในวันที่ฟ้าเปิดสามารถมองเห็นยอดเขากีนาบาลูสูงเสียดฟ้าเบื้องหน้าได้ เส้นทางนี้ใครๆ ก็สามารถมาเดินได้ ถ้าได้มาแล้วก็อย่าลืมพกกล้องถ่ายรูปติดเลนส์ระยะเทเลหรือกล้องส่องทางไกล เพราะตลอดเส้นทางจะเต็มไปด้วยนกป่าสีสันสดใส บินโฉบลงมาทักทายกันแบบใกล้ชิด คนรักนกชอบส่องนกน่าจะชอบที่นี่ เสียค่าธรรมเนียมผ่านประตูเพียง 15 ริงกิต และใช้เวลาขับรถเพียงสองชั่วโมงจากเมืองโกตากีนาบาลู ถ้าหากมีเวลาเหลือก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวเมืองกุนดาซัง (Kundasang) ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เมืองนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถมองเห็นความสวยงามของยอดเขากีนาบาลู และยังเป็นที่ตั้งของฟาร์มโคนมที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวใกล้ไกลขนาดไหน ตกเย็นแนะนำว่าให้กลับมารับประทานอาหารซีฟู้ดสดๆ กันที่ตลาดฟิลิปีโนที่ตั้งติดกับตลาดปลา ที่นั่นเต็มไปด้วยร้านอาหารซีฟู้ดสดใหม่และราคาถูก จึงเป็นหนึ่งในสีสันยามค่ำคืนของเมืองโกตากีนาบาลู เมืองเอกแห่งรัฐซาบะห์ อีกซีกหนึ่งของประเทศมาเลเซียที่ควรหาโอกาสมาเที่ยวสักครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วคุณจะรู้ว่ามาเลเซียกว้างใหญ่กว่าที่เคยรู้จัก และอย่าลืมติดตามชมภาพบรรยากาศการเดินทางได้ในรายการโลก 360 องศา เช้าวันอาทิตย์หลังเคารพธงชาติ ทางไทยรัฐทีวีช่อง 32