ถอดรหัสชีวิต ผู้สูงวัยยุคใหม่
ปฎิเสธไม่ได้ว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิด Disruptive Economy หรือเศรษฐกิจแปรผันอย่างเต็มตัว
โดย...วราภรณ์
ปฎิเสธไม่ได้ว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้เกิด Disruptive Economy หรือเศรษฐกิจแปรผันอย่างเต็มตัว ซึ่งเกิดจากความผันผวนของธุรกิจในทุกวงการ ด้วยเหตุนี้บริษัทแบรนด์คอนเนคชั่น และแกะดำทำธุรกิจที่สนใจความเปลี่ยนไปของสังคมไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคตอันใกล้ ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสองบริษัทวัย 65 ปี จึงทำการวิจัยเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีคิดของคนกลุ่มนี้ที่จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตเป็นวิจัยเชิงคุณภาพ โดยทำการสัมภาษณ์ผู้สูงวัยจำนวน 30 คนต้นแบบ คุณสมบัติอายุระหว่าง 60 ปีขึ้นไป ไม่กำหนดเพดานอายุ แต่กำหนดคุณลักษณะของคนเหล่านี้เอาไว้คือ ต้องเป็นคนที่ไม่อยู่นิ่ง เช่น เดินทางด้วยตัวเอง แข็งแรง ดูแลสุขภาพ ดูแลตัวเองได้ดี อีกทั้งยังใช้ศักยภาพตัวเองสร้างคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน สังคมหรือเรื่องส่วนตัว ใช้เงินจับจ่ายใช้สอย ตัดสินใจด้วยตัวเอง อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งรูปแบบของการทำการวิจัยเป็นวิธีการเฉพาะตัวที่บริษัทออกแบบขึ้นมา เพื่อถอดรหัสความหมายของชีวิต ทำให้เราเข้าใจถึงวิธคิดและพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ที่จะสามารถแปลเป็นโอกาสทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี และสร้างสรรค์บริการเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้ในอนาคต
ผู้สูงอายุวันนี้ เต็มไปด้วยกิจกรรม
จากผลของการทำวิจัยตลอด 3 เดือน ประเสริฐ พบว่า ผู้สูงอายุกลุ่มหนึ่งในวันนี้แตกต่างจากภาพจำของคนส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง และนี่คือช่องว่างและโอกาสที่เป็นประโยชน์กับวงการธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศที่น่าสนใจคือ บทสรุปของงานวิจัยชิ้นนี้คือ คนเหล่านี้ใช้ชีวิตหลังวัยทำงานด้วยแนวคิดที่ว่า ชีวิตหลังเกษียณของพวกเขาคือ จุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่เป็นชีวิตที่เลือกได้ และเป็นช่วงเวลาดีๆ ที่จะได้ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ แต่ไม่ได้ทำ เพราะต้องยุ่งอยู่กับการทำงานลอดระยะเวลาหลายปี และคนเหล่านี้มีคุณภาพชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความเข้าใจเดิมของสังคมที่คิดว่าคนที่เกษียณอายุไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ เพราะวิธีคิดเดิมๆ คือ คนเหล่านี้กำลังเดินเข้าสู่ช่วงท้ายของชีวิต เป็นชีวิตที่ไม่จับจ่ายใช้สอย เพราะรายได้ลดหรือไม่มีรายได้ ทำให้ผู้ประกอบการไม่ให้ความสำคัญกับช่วงชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวไม่น้อยกว่า 20-30 ปี แต่แท้จริงแล้วบทสรุปของผลวิจัยของคนวัยเกษียณยุคปัจจุบันคือ ชีวิตที่มีคุณค่า ซึ่งคุณค่าเกิดจากวิถีชีวิตใหม่ที่คนกลุ่มนี้ออกแบบเองคือ เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยอิสระ เป็นนายของเวลา ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีโอกาสทำมาก่อน
“คนกลุ่มนี้คิดว่า จิตไม่แก่ รู้สึกตัวเองอ่อนกว่าวัยของจริงอย่างน้อยสิบปี คุณภาพชีวิตสำคัญที่สุด เมื่อร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง คนกลุ่มนี้ตั้งใจที่จะดูแลสภาพสภาพร่างกายที่ยังดีอยู่ไปให้นานที่สุด มีพลังทำกิจกรรมต่างๆ ยิ่งทำยิ่งรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าก็ยิ่งมีความสุข และมีแนวโน้มว่าอายุจะยืนยาว มีค่านิยมพึ่งพาตนเอง ชอบทำอะไรด้วยตัวเอง ไม่อยากเป็นภาระลูกหลานหรือเป็นภาระให้ลูกหลานให้น้อยที่สุด มีศักดิ์ศรีของตัวเอง มีสังคมเพื่อนฝูงที่มากกว่าแค่ครอบครัว” ประเสริฐกล่าว
อีกทั้งเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยกิจกรรม ซึ่งคนกลุ่มนี้หาเวลาว่างยากมาก กว่าจะทำวิจัยเสร็จ ต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือน เพราะคิวไม่ว่าง ที่สำคัญคือคนกลุ่มนี้มีอิสระทางการเงิน มีรายได้หลายทาง มีการลงทุนให้เกิดดอกผล เช่น ลงทุนในหุ้นและกล้าเสี่ยงสูงมากเพราะรู้ว่าเสี่ยงสูงหมายถึงได้กำไรสูงตามไปด้วย และเขาเหล่านี้ยังมีการวางแผนทางการเงิน เพื่อสร้างความพร้อมของการดำรงชีวิต อีกทั้งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีประสบการณ์สูง ช่างเลือกสรร สนใจข้อมูล ใช้แอพพลิเคชั่น เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ มีการเสิร์ชหาข้อมูล ช็อปปิ้งออนไลน์ เรียกว่าเป็นกลุ่ม Active Consumer ปรับตัวเข้ากับโลกยุคใหม่ได้ดีมาก ใช้เครื่องมือทางเทคโนโลยีเป็น ติดตามข่าวสารและความเปลี่ยนแปลงของสังคมอยู่ตลอดเวลา
กำลังซื้อสูง
ผลของการใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้ ประเสริฐ เรียกว่า The Grand Age Consumer คือ ความสุขไร้กังวล นี่คือบริบทใหม่ในการดำรงตนที่พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ถือเป็นผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่มีความหมายกับวงการธุรกิจที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจทางการเงิน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจอาหาร ธุรกิจโรงหนัง ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นสิ่งที่สังคมสูงวัยให้ความสนใจ
“คุณค่าของกลุ่มผู้สูงอายุในฐานะผู้บริโภคที่ผู้ประกอบการเคยมองข้าม แต่คนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อ พิถีพิถัน เฟ้นหาและซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมาบริโภค แพงไม่ว่าแต่ขอให้เป็นสินค้าที่ดี ดูแลสุขภาพกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกาย ข้อสำคัญคือพวกเขายังมีเวลาใช้เงินอีกนานหลายสิบปี บางคนรักชีวิตเดินทางท่องเที่ยว ยังสามารถขับรถไปท่องเที่ยวเหนือจรดใต้ คำถามต่อมาคือกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้ ที่มีวิถีชีวิตอย่างนี้มีขนาดใหญ่มากน้อยขนาดไหนในสังคมไทย จากการที่เฟ้นหาผู้บริโภคกลุ่มนี้มาสัมภาษณ์ไม่ยากเลย ความหมายคือกลุ่มบริโภคลักษณะนี้มีขนาดที่มีนัยสำคัญที่องค์กรธุรกิจสามารถสร้างบิซิเนสโมเดลมารองรับความต้องการผู้บริโภคได้” ประเสริฐ สรุปว่า The Grand Age Consumer จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจที่รอคอยให้องค์กรธุรกิจถอดรหัสวิถีชีวิตของคนเหล่านี้มาสร้างเป็นนวัตกรรมของสินค้าหรือบริการได้ เพื่อทำให้ชีวิตของพวกเขามีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ผู้ดำเนินธุรกิจ คิดต่อยอด
หลังจากที่ได้รู้ข้อมูลดังกล่าว ผู้ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ นิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า ทำให้ความคิดและมุมมองที่เขาเคยมองกลุ่มผู้สูงอายุเปลี่ยนไป มีบางเรื่องที่คนสูงอายุทำ แต่ไม่คิดว่าทำกันขนาดนั้น
“ถ้ามองในแง่ธุรกิจเกี่ยวกับกิจกรรมที่ผู้สูงอายุนิยมทำเราสามารถมองเป็นช่องทางธุรกิจได้ ทำให้เรามองเห็นทาเก็ตกรุ๊ปใหม่ๆ ในฐานะที่ผมทำธุรกิจซึ่งเราทำอยู่แล้ว เช่น มีข้อมูลคือ ผู้สูงอายุท่านหนึ่งบอกว่า ทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็ขี่จักรยานออกมาดูหนัง เพราะได้ลดราคา ซึ่งสิทธิประโยชน์นี้เมเจอร์มีมาสักระยะหนึ่งแล้ว เรามีบัตรเอ็ม เจเนอเรชั่น และเอ็ม เจนฟรีดอม เพื่อคนวัยเกีษยณโดยเฉพาะ เพราะเราเชื่อว่า คนกลุ่มนี้มีเวลา มีเงิน เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เขาเดินเข้าโรงหนัง คือคนไทยถ้าอายุเยอะๆ อาจจะไม่ได้ติดการดูหนัง ซึ่งแตกต่างจากเด็กรุ่นใหม่ที่สนใจดูหนัง แต่คนอายุ 60 ไปแล้ว น้อยคนที่จะดูหนังแต่ปัจจุบันเรากำลังผลักดันคนกลุ่มนี้ว่างๆ ให้มาดูหนัง เพราะเรามองว่านี่คือ โซไซตี้ที่น่าจะบิวด์คนกลุ่มนี้มาดูได้ เราจึงทำช่วงเวลาโปรโมชั่นให้อยู่ช่วงกลางวัน ราคาพิเศษ
ต่อไปผมคิดว่า จะให้พนักงานดูแลคนกลุ่มนี้ให้มากขึ้นหรือไม่เป็นสิ่งที่เราต้องคิด และต้องทำและเพิ่มอะไรได้มากกว่านี้ บางทีเรามองเขาอยู่แต่มองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไป ไม่ได้มองให้ลึกลงไปถึงความต้องการของคนกลุ่มนี้ ต่อไปนี้เราต้องไปมองในรายละเอียดว่า จะเซอร์วิสเขาอย่างไรให้เขารู้สึกถูกใจมากกว่านี้ หรือทำวิธีสื่อสารที่จะเข้าถึงคนกลุ่มนี้ แต่เรื่องลดราคาบัตรจริงๆ ไม่ใช่ประเด็นเพราะคนกลุ่มนี้เขามีสตางค์จับจ่ายใช้สอย แต่สิ่งสำคัญคือเขามาใช้บริการแล้วเขาต้องมีความสุข”
ศูนย์ดูแลสุขภาพครบวงจร
หนึ่งในผู้สูงอายุที่ให้ข้อมูลของวัยเกษียณที่มีประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง ชัชวาลย์ วิริยะไพบูลย์ วัย 68 ปี อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง ตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณคือ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ที่เกษียณอายุตอนอายุ 60 ปี หลังจากที่ทำงานมานาน 40 ปี เมื่อเกษียณเขาเริ่มทำกิจกรรมเพื่อเสริมให้มีสุขภาพที่แข็งแรงคือ ย่อมแซมร่างกายจากการสูบบุหรี่ และดื่มเหล้าหนักด้วยการเริ่มเดินและวิ่งตั้งแต่อายุ 50 ปี หลังจากตรวจร่างกายแล้วพบว่า เขามีปัญหาถุงลมโป่งพอง คุณหมอจึงแนะนำให้หยุดสูบ หยุดดื่มและหันมาออกกำลังกาย
“ก่อนวัยเกษียณผมอยากดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่อายุ 50 ซึ่งการวิ่งของผมต้องใช้ความอดทนสูงมาก เพราะแค่วิ่งแค่เพียงช่วง 1 ต้นเสาไฟฟ้าก็เหนื่อยแล้ว เลิกงาน 6 โมงเย็นก็มาวิ่งออกกำลังกายทุกวัน เพื่อเอาชนะโรคถุงลมโป่งพองของตัวเอง พอวิ่งไปสักพักไปตรวจร่างกายว่าแม้ถุงลมยังไม่แข็งแรงดี แต่ระบบหายใจของผมดีขึ้นกว่าเก่าเยอะมาก”
พออายุ 54 เขาเริ่มวิ่งฟูล มาราธอนหลายรายการทุกปี รวม 20 รายการสำหรับฟูลมาราธอนและทำเวลาดีที่สุดที่ 3.45 ชั่วโมง และหยุดวิ่งฟลูมาราธอนในที่สุดเพราะฟังเสียงร่างกายตัวเอง ร่างกายเริ่มบาดเจ็บจึงต้องหยุดวิ่ง และหันมาวิ่งฮาร์ฟมาราธอนเพื่อให้ร่างกายฟิตและเฟิร์มอย่างพอดีๆ ไม่หักโหมจนเกินไป
การที่ชัชวาลย์ใช้ชีวิตวิ่งมาราธอนในรายการต่างๆ ได้โดยไม่เดือดร้อนเงินทองในกระเป๋าและสุขภาพ ก็ต้องเตรียมความพร้อมหลังวัยเกษียณสิ่งที่สำคัญคือมีการออมอย่างระมัดระวัง ด้านการท่องเที่ยว อย่าวางแผนว่าหลังเกษียณแล้วค่อยเที่ยว แต่ควรเที่ยวตั้งแต่ก่อนเกษียณเพราะเรี่ยวแรงและร่างกายยังเดินไหวอยู่
“การออมเงิน ผมคิดว่ามีแค่ 4 ล้านใช้ตั้งแต่เกษียณจนกว่าเราจะเสียชีวิต ผมคิดว่าไม่เพียงพอ เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ อีกทั้งในอนาคตค่าครองชีพต้องสูงขึ้น 20 ล้านยังไม่รู้ว่าจะพอหรือเปล่า อนาคตถือว่าสำคัญ”
หากถามว่าธุรกิจอะไรที่คนวัยเกษียณกำลังมองหา และดีสำหรับสังคมผู้สูงอายุ ชัชวาลย์บอกว่า วัดจากตัวเขาเอง เขาอยากได้คอมมูนิตี้เล็กๆ สำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ในนั้นมียิมที่ออกกำลังกาย มีเพื่อนเป็นคนวัยเดียวกันไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน มีศูนย์กายภาพบำบัด มีร้านอาหารเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาลรักษาผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
“ชีวิตนี้ถ้าไม่ได้เฟซบุ๊กหรือไลน์ ผมคงเป็นอัลไซเมอร์ไปแล้ว แต่การได้คุยกับเพื่อนได้แลกเปลี่ยนความคิด ทำให้เราได้ใช้สมอง การที่ผู้สูงอายุชอบส่งไลน์ สวัสดีวันจันทร์ เพื่ออัพเดทบอกเพื่อนว่า ผมยังมีชีวิตอยู่นะ ยังไม่ตาย (หัวเราะ)” ชัชวาลย์ วัย 68 ย่าง 69 ปีตอบอย่างอารมณ์ดี