posttoday

ปาน ธนพร กับคอนเสิร์ตครั้งสำคัญของชีวิต

19 ตุลาคม 2553

นับ 10 ปีแล้วที่นักร้องเบอร์หนึ่งค่าย อาร์.เอส. โปรโมชั่น ปานธนพร แวกประยูร ได้คร่ำหวอดอยู่ในวงการ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ต้นสังกัดจะร่วมจัดคอนเสิร์ต ร่วมกับ คูล 93 ฟาเรนไฮต์ “ปาน ธนพร ออน มาย เวิร์ด” เนื่องในโอกาสที่ทั้งปานและคูล 93 อายุครบ 10 ปี ในวงการบันเทิงเหมือนๆ กัน

นับ 10 ปีแล้วที่นักร้องเบอร์หนึ่งค่าย อาร์.เอส. โปรโมชั่น ปานธนพร แวกประยูร ได้คร่ำหวอดอยู่ในวงการ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ต้นสังกัดจะร่วมจัดคอนเสิร์ต ร่วมกับ คูล 93 ฟาเรนไฮต์ “ปาน ธนพร ออน มาย เวิร์ด” เนื่องในโอกาสที่ทั้งปานและคูล 93 อายุครบ 10 ปี ในวงการบันเทิงเหมือนๆ กัน

โดย...วราภรณ์

 

ปาน ธนพร กับคอนเสิร์ตครั้งสำคัญของชีวิต

นับ 10 ปีแล้วที่นักร้องเบอร์หนึ่งค่าย อาร์.เอส. โปรโมชั่น ปานธนพร แวกประยูร ได้คร่ำหวอดอยู่ในวงการ จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่ต้นสังกัดจะร่วมจัดคอนเสิร์ต ร่วมกับ คูล 93 ฟาเรนไฮต์ “ปาน ธนพร ออน มาย เวิร์ด” เนื่องในโอกาสที่ทั้งปานและคูล 93 อายุครบ 10 ปี ในวงการบันเทิงเหมือนๆ กัน

“ ทีมงานอาร์เอสและคูล 93 อยากให้แฟน ๆ เห็นว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ปานทำอะไรบ้างในวงการนี้บ้าง คอนเสิร์ตครั้งนี้เราจึงเน้นเสียงร้องจริง ๆ ทั้งเลือกเครื่องดนตรี และวงดนตรีที่มีคุณภาพดี เน้นคุณภาพของเสียงล้วน ๆ นักร้อง รวมทั้งแขกรับเชิญที่มาร่วมคอนเสิร์ต จัดเป็นนักร้องเสียงคุณภาพทั้งนั้น ทั้งโชว์เพลงและโชว์อารมณ์ของเพลง เรียกว่าเป็นการประมวลเพลงที่คุ้นหู มีทั้งเพลงของปาน และเพลงหลากหลายแนว บางศิลปินปานรู้สึกว่า เพลงเขามีคุณค่า และเนื่องจากคลูเป็นคลื่นวิทยุอันดับต้น ๆ ของประเทศ บางเพลงที่เคยติดชาร์ตของคลู ปานก็จะนำมาร้องด้วย ” ปานเจ้าของบทเพลงเรื่องสิทธิของผู้หญิงบอก และเล่าอีกว่า คอนเสิร์ตครั้งนี้พิเศษตรง บางมุมที่คนไม่เคยเห็นปาน ก็จะได้เห็นแน่ ๆ

“ แต่ไม่ใช่ว่าปานจะลุกขึ้นมาแดนซ์ แต่เป็นวิธีการนำเสนอเพลง นำเสนอวิธีร้อง วิธีตีความของเพลง มีดนตรีของออร์เคสตร้าผสมอยู่ด้วย ” หากเปรียบเทียบคอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นหญิงสาว คงออกมาในผู้หญิงสไตล์ปาน คือ มาดโก้ แต่ไม่เปรี้ยว ดูเรียบง่าย แต่มีอะไรซ่อนอยู่ ซึ่งทีมงานทุกคนก็ซ้อมกันอย่างหนักหน่วง ทั้งช่วยกันเลือกเพลง เลือกเวอร์ชั่น โดยคอนเสิร์ตจะระเบิดความสนุก วันอาทิตย์ที่ 31 ต.ค. ณ พารากอน ฮอลล์ สยามพารากอน เวลา 1 ทุ่ม สาวกปานไม่ควรพลาด เพราะคอนเสิร์ตคราวนี้มีความสำคัญกับสาวปานมาก

“เวลาที่เราทำงานในวงการบันเทิง เราไม่มีทางรู้ว่า เราจะไปถึงสิ้นสุดอายุขัยเมื่อไหร่ในวงการบันเทิง เราเดินมาได้ 10 ปี โดยตัวงานเราทำงาน ซึ่งไม่ใช่ตัวเราทั้งหมด บางศิลปินอาจสะท้อนตัวตนที่ชัดเจน แต่ปานเป็นคนทำงานเพลงที่เดินแต่เส้นทางร้องเพลงอย่างเดียว ก็คิดไม่ถึงว่าจะมาถึงจุดนี้ ดังนั้นความพิเศษคือ ปานไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเดินทางบนเส้นทางร้องเพลงถึง 10 ปี”

ตลอด 10 ปี บนวงการบันเทิงจะว่าเป็นเรื่องยากก็ยาก ง่ายก็ง่ายที่จะอยู่ในวงการนี้นานนับ 10 ปี ทั้งนี้ก็ต้องดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดี

“การอยู่ในวงการให้ได้ เปรียบเหมือนกับเราเป็นโรคเบาหวาน ไม่ได้ร้ายแต่ก็ตายได้เหมือนกัน อยู่ที่การรับประทานอาหาร แต่เราอยู่ในวงการก็เหมือนกับอยู่ในสายตาของผู้คน เราก็ต้องเสียสละความรู้สึกบางส่วน จะเอาความเป็นส่วนตัวมากไม่ได้ ต้องเคารพความคิดและความรู้สึกของผู้อื่น เพราะทุกคนต่างก็ทำงานเหมือนๆ กัน เราต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีใครสามารถทำงานคนเดียวได้ ตัวงานเราอาจไม่ถูกใจทั้งหมด แต่เมื่อที่ประชุมเคาะมาแล้ว เราก็ต้องยอมรับ สิ่งนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่จะมายืนตรงจุดนี้”

ความสุขจากการได้ทำงานเพลง อยู่ตรงการพิชิตความยาก ถ้าเราผ่านความยากไปได้ แล้วทำผลงานออกมาได้ดีระดับหนึ่ง มันคือความสุข

“ในแต่ละอัลบั้มที่เราทำงานเพลงไป เราไม่รู้หรือไม่สามารถคาดเดาได้ว่า แฟนเพลงทั้งเก่าและใหม่จะชื่นชอบหรือไม่ แต่เวลาที่เราทำงานในห้องอัด ก็คือความสุขชนิดหนึ่ง เพราะเราทำงานบนความคาดเดา ทำงานด้วยสมอง ใช้จินตนาการ ประสบการณ์ทำงาน เหมือนเมื่อเราได้โจทย์มาแล้ว ความสนุกอยู่ตรงเราตีโจทย์เพลงและถ่ายทอดออกมาได้ คนฟังแล้วรู้สึกอิน มันคือความท้าทาย”

เป็นไปไม่ได้ว่า ทำงานจะมีแต่ความสุข ทุกงานย่อมมีอุปสรรค ซึ่งธนพรพบเจอมาตลอด แต่เธอมีวิธีรับมือและก้าวข้ามไปได้

“เวลาทำงานกับคนหลายฝ่ายความคิดมักไม่ตรงกัน โจทย์คือเราจะหาตรงกลางอย่างไร อีกอย่างคือการดูแลสุขภาพ ถ้าเราไม่รักษาเสียงและเส้นเสียงให้ดี ก็ร้องเพลงไม่ได้ บางครั้งงานโหลดมากๆ เราจะเอาชนะอย่างไร วิธีของปานคือ บ่นเพื่อระบายความเหนื่อย และต้องจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้ได้ และเรียงลำดับ สางงานก่อนหลังให้เสร็จ”

คำแนะนำรุ่นน้องรุ่นใหม่อยากมีอนาคตที่ยาวไกล ปานคิดว่าทุกคนมีอุปสรรคต่างกัน ศิลปินบางคนมีอุปสรรคในบางเรื่องที่เป็นส่วนตัวมากๆ บางครั้งเราเป็นคนนอก ก็ยากที่จะบอกว่า อะไรผิดอะไรถูก เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครรู้มากไปกว่าตัวของเขา สิ่งนี้ถือเป็นอุปสรรคชนิดหนึ่ง แต่หากเมื่อเราข้ามผ่านไปได้ มันจะเป็นบทเรียนชิ้นสำคัญ อีกทั้งจะเป็นบทเรียนให้คนรุ่นต่อๆ ไปในวงการและเป็นบทเรียนให้สังคมด้วยเช่นกัน

“ถ้าทุกฝ่ายยอมรับความจริง คือทุกฝ่ายน่าเห็นใจหมดไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร เราควรมองความจริงและยอมรับความจริงให้ได้ พระพุทธศาสนาคือความเป็นจริง ยอมรับสิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่เห็น ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม”