posttoday

ตั้งเป้าหมายการทำงาน ในปีหน้าตั้งแต่วันนี้

24 ธันวาคม 2561

เชื่อว่ามีคนไม่น้อยที่เคยเกิดความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ส่วนหนึ่งเพราะกลัวความเสี่ยงที่อาจต้องเผชิญ

เรื่อง  กันย์ ภาพ  pixabay

เชื่อว่ามีคนไม่น้อยที่เคยเกิดความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเอง ส่วนหนึ่งเพราะกลัวความเสี่ยงที่อาจต้องเผชิญ ความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น ผลก็คือพวกเขาเลือกจะทำอะไรแบบเดิมๆ ต่อไป แต่การตั้งเป้าหมายนี่แหละที่เป็นสิ่งที่จะนำคุณออกจาก Comfort Zone ได้ มันเป็นเหมือนจุดเช็กระหว่างทางไปยังจุดมุ่งหมายที่ฝันไว้

อริญญา เถลิงศรี Managing Director บริษัท SEAC ซึ่งเป็นศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน บอกว่า จะว่าไปแล้วการตั้งเป้าหมายก็เหมือนกับการวางเส้นทางไปสู่ความสำเร็จ คนเราควรจะตั้งเป้าหมาย 3 ประเภท คือ เป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลาง และเป้าหมายระยะยาว เพราะเป้าหมายเล็กๆ จะช่วยหล่อหลอมคุณให้ก้าวไปสู่จุดหมายที่ใหญ่กว่าได้ดียิ่งขึ้น

ลองนึกถึงเวลาที่คุณขับรถ เดินทางไกลไปต่างจังหวัด การเดินทางเช่นนี้ย่อมต้องใช้เวลายาวนาน จึงควรจะต้องมีการหยุดรถระหว่างทางบ้าง เช่น การหยุดพักเพื่อทานอาหาร หรืออาจจะต้องแวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน เป็นเหมือนจุดเช็กระหว่างทางไปสู่เป้าหมายของเราให้เราได้รู้ว่าเรามาไกลขนาดไหนแล้ว เรามาถูกทางหรือไม่ แล้วเราเหลือระยะทางอีกเท่าไหร่ก่อนจะไปถึงเช่นเดียวกัน การตั้งเป้าหมายในการทำงาน หรือตั้งเป้าหมายกับสายอาชีพที่ทำ จะช่วยให้คุณวางแผนในระยะยาวกับสายอาชีพที่ทำอยู่ได้ ว่าจะไปทิศทางไหนดี ส่วนในระยะสั้นก็จะช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้ทุกวันคุณอยากไปทำงานนั่นเอง

ช่วงนี้ใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกที เชื่อว่าหลายคนมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่ ทำอะไรใหม่ๆ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตั้งเป้าหมายไว้อย่างดิบดี แต่พอพ้นวันปีใหม่ไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ล้มเลิกความตั้งใจตอนต้นเสียแล้ว อย่างไรก็ตามเราควรจะระลึกอยู่เสมอว่า ในสมัยปัจจุบันที่การแข่งขันล้วนแล้วแต่มากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่สามารถค้นคว้าหาความรู้ได้ด้วยตนเองทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เท่ากันคือความพยายาม ดังนั้นหากต้องการให้ตนเองประสบความสำเร็จ การเปลี่ยนหลักคิดและเลือกเทคนิคตั้งเป้าหมายมีดังต่อไปนี้

1.ไม่ยึดติด ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องไม่ยึดติดกับความสำเร็จในอดีต ต้องคอยสำรวจตนเองว่าตนมีสิ่งใดที่บกพร่องหรือเป็นจุดอ่อนอยู่ เพื่อเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นด้วยการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

2.พร้อมรับกับสถานการณ์กดดันได้ดี ในการทำงานทุกที่ เราต้องพบเจอเรื่องความกดดัน ซึ่งบางครั้งความกดดันที่ว่านี้ อาจจะแฝงมาในรูปแบบของเนื้องาน หัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงาน หากต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานให้ได้ ผู้ทำงานควรรับมือกับความกดดันให้ได้มากที่สุด จะเห็นได้ว่าผู้ทำงานที่มีฝีมือดีหลายต่อหลายคนพลาดโอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตเพียงเพราะตนเองไม่อดทนมากพอ

3.มีการวางแผนตลอดเวลา การจัดการทุกสิ่งที่อยู่ในชีวิตให้สำเร็จได้นั้น สิ่งที่จำเป็นต้องมีมากที่สุดคือการรู้จักวางแผน ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน ด้านครอบครัว เพราะการวางแผนตลอดเวลาจะทำให้ผู้ที่ทำงานสามารถทราบได้ว่าสิ่งใดที่อาจจะเป็นปัญหาในอนาคตหากแผนที่ทำไว้ไม่เป็นผลสำเร็จ นอกจากนี้การวางแผนจะทำให้เจ้าของแผนรู้จักกับคำว่าแผนสำรอง ทำให้มีสติและควบคุมตนเองได้ แม้ว่าแผนที่วางไว้จะไม่เป็นไปตามที่คาด

อีกวิธีหนึ่งที่อาจนำไปใช้ได้คือการวางแผนตามหลัก SMART Goal คือ

S (Specific) : การตั้งเป้าหมายต้องตั้งอย่างเฉพาะเจาะจง ระบุให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่าผลที่ได้จะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะทำให้เราเห็นเป้าหมายเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น

M (Measurable) : คือเป้าหมายของคุณสามารถวัดผลเป็นตัวเลขได้หรือไม่

A (Achievable) : คือตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้

R (Relevance) : เป้าหมายสำคัญนี้สำคัญกับคุณแค่ไหน เพราะถ้ามันไม่ได้สำคัญกับคุณมาก คุณก็จะไม่มี Passion ในการทำให้มันสำเร็จ

T (Time-bound) : คือต้องมีระยะเวลาที่แน่นอนว่าเป้าหมายจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะถ้าทำไปเรื่อยๆ แบบไม่มีกรอบเวลากำหนด ก็จะทำให้เราไม่มีแรงกดดันในการทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ

ดังนั้น วันนี้อย่ารอช้า รีบมาตั้งเป้าหมายปีหน้ากันดีกว่า

Thailand Web Stat