ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว "เบญจเมธาเซรามิก" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ "บ้านเดินดิน"

01 มกราคม 2562

แง่คิดชีวิตและการงานอันน่าสนใจจาก "เอ็ม-เอ็มโซเฟียน เบญจเมธา" สถาปนิกเด็กหนุ่มลุ่มน้ำปัตตานีผู้สร้างศิลปะอัตลักษณ์บนวิถีหลักปรัชญาคำสอนศาสนาอิสลาม

แง่คิดชีวิตและการงานอันน่าสนใจจาก "เอ็ม-เอ็มโซเฟียน เบญจเมธา" สถาปนิกเด็กหนุ่มลุ่มน้ำปัตตานีผู้สร้างศิลปะอัตลักษณ์บนวิถีหลักปรัชญาคำสอนศาสนาอิสลาม

***********************************

โดย....รัชพล ธนศุทธิสกุล

"เอ็ม-เอ็มโซเฟียน เบญจเมธา" เกิดและโตเป็นชาวจังหวัดปัตตานีตั้งแต่กำเนิด ก่อนร่ำเรียนสถาปัตยกรรมและเรียนต่องานออกแบบจากประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะกลับมาสร้างงานศิลปะที่มีอัตลักษณ์บนวิถีหลักปรัชญาคำสอนศาสนาอิสลามในชุมชนบ้านเกิด จนเกิดแหล่งเรียนรู้สู่ชุมชน 'บ้านเดินดิน' ศูนย์แรงบันดาลใจเพื่อความยั่งยืน ทั้งงานเซรามิกเบญจเมธาจากดินท้องถิ่น ตลอดจนฟาร์มแพะพื้นเมือง 'เดินดินลิตเติ้ลฟาร์ม' อนุรักษ์พัฒนาสายพันธุ์แพะพื้นเมือง 'กัมปงปาลัส' กระทั่งงานหัตถกรรมและกีฬาในหมู่บ้าน

บนพื้นที่ 5 ไร่ ที่รายล้อมด้วยทุ่งนาบ้านปาลัสในอำเภอปะนาเระ มีพื้นที่ทำงานสตูดิโอเซรามิกที่ก่อตั้งมากว่า 10 ปี ของการทำงานเซรามิกที่เป็นเอกลักษณ์ชุมชน การันตีโดยรางวัลระดับต่างประเทศและในประเทศ อาทิ Gmark, DEmark และ Designer Of The Year ขับให้เกิดการเสริมสร้างแรงบันดาลใจกับผู้คนตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้สูงอายุ 

การอยู่ร่วมอย่างยั่งยืนระหว่างวิถีชุมชนดั่งเดิมและความร่วมสมัยเกิดขึ้นได้อย่างไร ขั้นตอนการปั้นดินท้องถิ่นให้มีคุณค่ามีอะไรบ้าง โพสต์ทูเดย์พาไปค้นจุดเริ่มต้นและการเปลี่ยนแปลงจากคุณค่าแห่ง ‘ดิน’ สู่ ‘แดน’

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

จุดเริ่มต้นก่อนหน้านี้ส่วนตัวทำอะไรยังไงมาก่อนที่จะเป็นเบญจเมธาเซรามิก

เป็นนักออกแบบอิสระก่อน คือหลังจากที่เรียนจบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุมก็ไปเรียนต่อที่ด้านศิลปะประยุกต์และงานออกแบบที่ประเทศฝรั่งเศส ได้เห็นผลงานเซรามิกของเพื่อนต่างชาติทำมือทำให้เกิดแรงบันดาลใจชอบเป็นอย่างมาก ไม่คิดมาก่อนว่าเซรามิกจะมีเสน่ห์ชวนหลงใหลทั้งรูปแบบและขั้นตอนกรรมวิธีในการทำ จนกลับมาก็เมืองไทยได้ทำงานออกแบบกับพี่เป้ (อุดม อุดมศรีอนันต์) Planet 2001 ความสนใจตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ยิ่งมากขึ้น จนกระทั่งมีโอกาสเยี่ยมเยียนและรู้จักกับ พี่ติ้ว (วศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ) ศิลปินศิลปาธร สาขาการออกแบบ เจ้าของโรงงานเครื่องปั้นดินเผาเถ้าฮงไถ่ จังหวัดราชบุรี ทุกอย่างจึงเพิ่มแรงขับความตั้งใจสนใจงานเซรามิกขึ้นมา

คิดว่าสิ่งที่ทำสวนกระแสสังคมบ้างหรือไม่

ไม่ครับ...ส่วนตัวผมมีความคิดว่าต้องค้นหาในสิ่งที่ชอบที่ถนัดและชุมชนเกิดประโยชน์ ทำในสิ่งที่เรารู้สึกว่าสนใจที่จะเพิ่มองค์ความรู้กับตัวเองและชุมชน

แต่ทั้งระดับความรู้รวมไปถึงประสบการณ์จะมาทำงานปั้นดินมันก็กระไรอยู่ 

มาจากดิน อยู่กับดิน กลับสู่ดิน มันคือความสามัญ เราจะพัฒนาอะไรไม่ได้ถ้าเราลืมรากเหง้าและไม่รู้จักตัวตนและดูถูกแหล่งกำเนิด งานดินคือสิ่งพื้นฐานที่เราควรรู้จักมากที่สุด พ่อผมก็เคยทำธุรกิจอิฐมอญ จึงไม่แปลกที่เราจะเริ่มต้นจากสิ่งที่ผูกพันและสร้างความรู้ต่อแก่ชุมชน ไปเรียนไกลๆ เพื่อกลับมาพัฒนาบ้านเกิดเป็นสิ่งที่เราตั้งใจเสมอมาก่อนเดินทางออกจากบ้าน คือการตัดสินใจออกจากบ้านก็เพียงเพื่อการเดินทางกลับบ้านและเห็นคุณค่าของบ้านเกิด

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ในมุมมองของเราคิดว่าดีหรือไม่ดีมากน้อยกว่ากัน

คุณธรรมสำคัญกว่าทักษะ ทุกการงานขึ้นอยู่กับเจตนา เป้าหมายคือกระบวนการความตั้งใจทำเพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ครอบครัวแก่ชุมชน  ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด สอนไว้ว่า “เมื่อมนุษย์ตายลงไป ทุกการงาน ทุกผลกรรม กรรมดีทั้งหมด จะถูกตัดขาด เว้นแต่สามสิ่ง คือ ความรู้ที่เป็นประโยชน์  สองทานบริจาคที่เกิดประโยชน์ สามลูกที่ดีที่ภาวนาให้พ่อแม่ของเขา”ฉะนั้นเมื่อเราตายลงไปบันทึกความดีเราจะสิ้นสุดเว้นสิ่งที่กล่าวมา แม้เราตาย สามสิ่งนั้นจะถูกบันทึกอยู่ตลอดเวลาจนวันพิพากษาสุดท้ายของโลก

1.เรื่องของการองค์ความรู้ที่เกิดประโยชน์ เราตายไปแล้วแต่ถ้าความรู้เราถูกถ่ายทอดไปเรื่อยๆ ความรู้ก็ทำให้เรามีแต้มกรรมเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ 2.ทานบริจาคที่เป็นประโยชน์ การเสียสละ การบริจาค การทำทานสร้างถนน โรงเรียนและโรงพยาบาล เป็นทานบริจาคที่ทำให้เรามีชีวิตหลังความตายมีแต้มเพิ่มขึ้นเหมือนกัน และสุดท้าย 3.ลูกที่ดีได้ภาวนาแก่พ่อแม่ของเขาเอง คือการสานต่อความดี การสารต่อทักษะที่ดีที่ถูกพ่อแม่ของเขาสั่งสอนมา การสืบทอดองค์ความรู้จากพ่อแม่และจากที่อื่นเพื่อช่วยเหลือผลกรรมของพ่อแม่ของเขาต่อไป และส่งต่อความดีต่อไปให้กับคนอื่น

เบญจเมธามีแนวคิดในการทำงานอย่างไรบ้าง

ก็มาจากดิน อยู่กับดิน กลับสู่ดิน ที่กล่าวมาตลอดมันเชื่ยมโยงกัน ผมเรียนสถาปัตย์งานออกแบบ ทำงานเฟอร์นิเจอร์ ทำงานผลิตภัณฑ์ มาสู่งานเซรามิก เมื่อทำงานคลุกคลีกับดิน ก็เริ่มสนใจเกษตรกรรม จากนั้นไปสู่งานปศุสัตว์ และหัตถกรรมพื้นบ้าน จวบจนศิลปะทุกแขนงของท้องถิ่นรวมถึงศิลปะการต่อสู้อย่างการยิงธนู และสุดท้ายกลายมาเป็นศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ “บ้านเดินดิน”

ทุกวันนี้ คือมันเกิดเป็นความสุข ความมั่งมี ที่พึงพอใจในรูปแบบที่เราเป็น ดั่งที่ศาสนฑูตมูฮัมมัดได้กล่าวไว้ว่า “ความมั่งมีหาใช่การมีทรัพย์สิ้นมากมายไม่ แต่เป็นการที่มีหัวใจที่มีความพอเพียง” และภูมิใจก่อนตายจากโลกนี้ว่าเรานั้นได้ทิ้งองค์ความรู้ไว้บ้างแก่ชุมชนไม่มากก็น้อยที่เป็นประโยชน์มากกว่าการชื่นชมในภูมิปัญญาของบรรพชน โดยที่ยุคเราไม่ได้ทำอะไรที่เป็นมรดกแก่ลูกหลานเลย

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ขั้นตอนการสร้างการดำเนินการจนสำเร็จทั้งหมดมีอะไรเป็นธงนำ

กระบวนการการดำรงชีวิต เราไม่ได้มุ่งเป้าว่าเราจะรวยหรือประสบความสำเร็จในมาตรฐานไหนที่กำหนดโดยวัยอายุ อาทิเช่น อายุ 30 ปี ต้องมีงานที่ดี อายุ 40 ปี ต้องเริ่มมีบ้านมีครอบครัว เราวางเกณฑ์โดยเอามาตรฐานของคนอื่นมาวางทั้งหมดเลย

สำหรับเราสิ่งที่ทำต้องมีความหมายอย่างที่บอก ทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อผู้อื่นในทันที อย่ารอให้รวยแล้วบริจาคเพราะอาจไม่มีโอกาสได้บริจาคในชีวิตนี้ก็เป็นได้ แต่จงบริจาคตลอดเวลาตามศักยภาพ น้อยที่สุดการยิ้ม ยิ้มคือทานที่ดีที่สุดเช่นกัน เราจะได้พร้อมตายได้ตลอดเวลาเมื่อเรามีเจตนาที่ดีแก่ส่วนรวม

เจนตนาเริ่มต้น?

ในอิสลาม ท่านนบีมูฮัมมัดสอนว่า “ทุกผลกรรมขึ้นอยู่กับเจตนา” เจตนาครั้งแรกที่เราจะทำครั้งแรกมันจะบริสุทธิ์เสมอ แต่หลังจากเจตนาครั้งแรก ครั้งที่สองอยากจะทำความดี หลายคนมักจะเกิดความคิดที่ว่า ใครจะเห็นหรือเปล่า ทำแล้วจะได้อะไรหรือไม่ พอจะทำความดีมีปัจจัยตัดทอนลดคุณภาพความดีนั้นเรื่อยๆ ในทุกปัจจัยมากระทบ ทั้งความยากและความลำบาก เราจึงให้ความสำคัญกับเจตนามากและประคองให้มันบริสุทธิ์มากที่สุด

นอกจากนี้ในศาสนาอิสลามยังบอกไว้อีกว่า หากคิดเจตนาทำความดี แค่คิดแต่ยังไม่ทำได้ 1 คะแนนความดี เมื่อทำความดีไปด้วยได้อีก 1 แต้มความดี แต่ถ้าคิดชั่วแต่ยังไม่มีโอกาสลงมือทำ ก็ยังไม่หักคะแนนใดๆ แต่เมื่อล้มเลิกความตั้งใจกระทำชั่วจะได้คะแนนเพิ่มอีก 1 คะแนนความดีทันที หมายความว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกิดจากเจตนาล้วนๆ เลย อยู่ที่เจตนาตั้งแต่ต้น

ทราบมาว่าศูนย์การเรียนรู้เพิ่งจะเกิดขึ้นมาเป็นลำดับสุดท้าย จากเซรามิก การเพาะสายพันธุ์แพะและงานหัตถศิลป์

ศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ เกิดขึ้นจากเมื่อเราตกผลึกรูปแบบขั้นตอนทุกอย่างที่มันเชื่อมโยง กับวิถีของเราโดยตรง มันจะเป็นการต่อยอดในสิ่งที่เราสนใจและเมื่อเราเข้าใจด้วยการศึกษาอย่างจริงจังเอง การถ่ายทอดก็จะมีประสิทธิภาพมากและถ่ายทอดให้คนเข้าใจอย่างง่ายดาย เราจึงเห็นความสำคัญนี้เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ที่ผ่านมาสู่เยาวชนให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ยากลำบากเหมือนสมัยเรา

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

มีจำนวนหมู่บ้านชุมชนใดบ้างที่ได้เข้าไปให้ความรู้และพัฒนา

เฉพาะชุมชนใน อ.ปะนาเระ เพราะเป็นรากของเราที่เราเข้าใจที่สุด คนเราจะพัฒนาอะไรต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีรากเง้าแทงลึกลงดิน ลมมาน้ำมาก็ถูกพัดตามกระแส เมื่อเรามีรากที่เข้าใจอย่างดีเสมือนมีภูมิคุ้มกัน ทำให้มีความมั่นคงในวิถีเดียวกันและยั่งยืนมากกว่าที่อื่น เราก็เหมือนโตมาจากเมล็ดพันธุ์ที่ถูกลงปลูกในดินพื้นที่เลย ไม่ใช่การตอนกิ่งหรือปักชำ มันจึงกลายเป็นต้นไม้ที่โตอย่างมีรากแข็งแรง ส่งให้โอกาสรอดจะสูง เพราะมีความเป็นพื้นเมือง มีความทนทุกอย่าง แถมยังยั่งยืนสู่ลูกหลาน

ทั้งผลประโยชน์และความภาคภูมิใจ นั้นเกิดขึ้นเพราะการผ่านองค์ความรู้ที่รำเรียนมา องค์ความรู้ที่มาจากการเผชิญโลกกว้าง การเดินทางไปหลายที่มันทำให้เรามีประสบการณ์ ได้รสนิยม บางทีการเดินทางสร้างประสบการณ์สร้างมุมมองและรสนิยมที่ดีได้ แล้วประสบการณ์มันทำให้เรามีมุมมองที่ดีขึ้นจากการเดินทาง จากที่เคยกินเปรี้ยวจัด หวานจัด  พอเดินทางมากๆ เราเห็นคุณค่าของอาหารที่ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำตาลขนาดนี้ ค้นหารสชาติที่เนื้อแท้ของมัน ความหวานของปลา ผัก อันนี้คือรสนิยมที่เราจะสัมผัสและใจเราเปิดรับความสามัญมากขึ้นเห็นคุณค่าสิ่งที่มีอยู่มากขึ้น 

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ถือเป็นเคล็ดลับความสำเร็จของเบญจเมธาเซรามิก

ทุกอย่างมีคุณค่าในตัวของมันเอง  แต่เรามักจะมองที่ความแตกต่างก่อน  เอาง่ายๆ ให้รู้จักตัวเองให้ดีก่อน ก่อนสร้างความแตกต่างดั่งที่สังคมมักจะพูดกัน ก่อนที่จะรู้จักความแตกต่างให้รู้จักรากเง้าที่มาของตัวเองให้ถ่องแท้ อย่างที่บอกไปสิ่งที่ชอบและถนัด รู้จักตัวเอง ไม่ต้องไปสนใจความแตกต่างกับคนอื่นมาก ถ้าเกิดเราทำในสิ่งที่ไม่ชอบไม่ถนัดไม่เข้าใจ ไม่มีองค์ความรู้พอ ทำไปก็เสียตายเปล่า พอล้มก็เปลี่ยนลู่วิ่งใหม่ทันที และหมดแรงขับแรงเดินไปเรื่อยๆ
ฉะนั้นรู้จักตัวเองให้มากที่สุดแล้วเรื่องความแตกต่างมันมาเอง ไม่มีใครเหมือนใคร พี่ น้อง พ่อแม่เดียวกัน ยังออกมาต่างความคิดกันเลย คุณค่ามันจะเพิ่มจากตัวเองและการพยายามและถอดบทเรียน อะไรมาสัมผัสกับเรา ก็เรียนรู้เป็นบทเรียน เจอคนนี้ได้บทเรียนหนึ่ง มันแตกต่างด้วยบริบทธรรมชาติของคุณอยู่แล้ว

ได้ดินท้องนามา ใช่ว่าจะผสมน้ำแล้วนวดแล้วปั้นได้เลยไม่ ทุกอย่างต้องใช้เวลา ต้องหมักดินกับน้ำอีกหลายวัน เพื่อให้ดินเหนียวที่พร้อมจะปั้นขึ้นทรงได้ อยู่กับการคิดของเราว่าเราค้นหาที่อยากจะได้ปรัชญาชีวิตหรือว่าจะวางแผนยังไงบ้างและอดทนแค่ไหน ทุกอุปสรรคคือบทเรียนคือประสบการณ์ คือภูมิ

ทุกคนมีไทม์ไลน์ความต้องการในการเรียนรู้ต่างกันด้วย จะมาโตในดินเดียวกันบรรยากาศเหมือนกันไม่ได้จากเมล็ดพันธุ์ที่ต่างกัน จะมาให้เด็กอนุบาลเรียนในสิ่งที่ไม่เหมาะกับช่วงเวลาการเติบโตของร่ายกายของสมองในวัยเดียวกันไม่ได้ หรือม.ปลาย ต้องเริ่มเรียนฟิซิกส์ เคมี ชีวะ เพื่อไปในทิศทางอาชีพสังคมชี้นำมันไม่ได้

เหมือนผมสมัยเด็ก ผมเรียนอ่อนหลายวิชามาก ไม่เก่งชีววิทยา ไม่เก่งเคมี แต่ทุกวันนี้ต้องมาพัฒนาสูตรเคลือบเซรามิก ต้องมาเพาะพันธุ์พันธุกรรมของแพะพื้นเมือง ก็เริ่มเข้าใจและสนใจตั้งใจศึกษาเอง จนสามารถทำได้และถ่ายทอดอธิบายให้ผู้อื่นฟังอย่างเข้าใจและยั่งยืน  ดังนั้นมันต้องทำมาจากที่สิ่งที่เราสนใจจริง  
 

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

ไขความสำเร็จจากดินสู่ดาว \"เบญจเมธาเซรามิก\" และศูนย์สร้างแรงบันดาลใจ \"บ้านเดินดิน\"

 

Thailand Web Stat