‘บ้านคือที่อยู่ของใจ’ วสุ แสงสิงแก้ว
สัจธรรมของบ้านคือ ต้องมีคนอยู่
เรื่อง กาญจนา อายุวัฒน์ธนชัย ภาพ อมรเทพ โชติเฉลิมพงษ์
ความเป็น จิ๊บ-วสุ แสงสิงแก้ว สะท้อนออกมาตั้งแต่ประตูบ้าน กับลวดลายเหล็กดัดสีดำรูปโน้ตดนตรีและคนเล่นกีตาร์บนประตูสีขาว ผสมกับสีบานเย็นของพุ่มเฟื่องฟ้าที่กำลังออกดอกสะพรั่ง สื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมาว่าที่นี่คือ บ้านศิลปินไทม์ไลน์ของผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา จิ๊บเข้าวงการบันเทิงด้วยการเป็นพระเอกภาพยนตร์ จากนั้นถูกชักชวนให้เข้าร่วม วงพลอย และโด่งดังอย่างมากหลังปล่อยเพลง จิ๊บ ร.ด. จนคนเรียกเป็นฉายาติดปากมาจนถึงปัจจุบัน พออายุ 20 กว่า เขาอำลาวงการบันเทิงเพื่อเดินสู่เส้นทางนักการทูต เคยทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศนานถึง 20 ปี และเคยเป็นวุฒิสภานาน 6 ปี ก่อนจะหวนคืนวงการบันเทิงอีกครั้ง หลังถูกชักชวนให้ร่วมวงศิลปินยุค’80 ในนามวงเดอะ พาเลส
การกลับมาครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นเพียงนักร้อง แต่ยังเป็นนักแสดงทั้งในจอเงินและจอแก้ว เรียกได้ว่า กลับมาเป็นคนบันเทิงเต็มตัว และอีกด้านหนึ่ง จิ๊บยังเป็นที่รู้จักในชื่อ เอลวิสเมืองไทย ด้วยความหลงใหลศิลปินในตำนานอย่างเอลวิส เพรสลีย์ เขาจึงมักถูกเชิญให้ขึ้นเวทีในชุดเอลวิส และร้องเพลงร็อกแอนด์โรล แค่หน้าประตูก็อธิบายถึงเจ้าของบ้านได้มากมาย แต่หลังจากเปิดม่านเหล็กเข้าไป ตัวบ้านด้านในมีแต่ความเรียบง่าย ร่มรื่น ให้ความรู้สึกสบาย ต่างจากภาพลักษณ์ของนักร้องสุดเฟี้ยวบนเวที
อาณาเขตของบ้านปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปจะเห็นโรงรถคลาสสิก ของสะสมชิ้นใหญ่กว่า 15 คัน ที่เขาเก็บรักษาไว้ จากนั้นภายในประกอบด้วยบ้านสองหลังใต้เงาไม้ หลังหนึ่งคือบ้านของเขา และอีกหลังคือบ้านคุณแม่ ส่วนบริเวณด้านหลังมีศาลาตั้งอยู่ริมบ่อน้ำใหญ่ ซึ่งตอนนี้เขากำลังปรับพื้นที่บางส่วนให้กลายเป็นสวนหย่อมไว้พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มเติม “ที่ดินผืนนี้เป็นที่ดินเก่าแก่สมัยคุณตาคุณยายอายุ 90 กว่าปี ซึ่งบ้านหลังที่คุณแม่อยู่ปัจจุบันเคยเป็นบ้านหลังแรกที่คุณตาคุณยายเคยอยู่ โดยแต่เดิมพื้นที่มีขนาดประมาณ 6 ไร่ แต่เพราะจำนวนคนอยู่ที่น้อยลงทำให้เราตัดสินใจแบ่งปันบางส่วนไปสร้างคอนโดแบบโลว์ไลซ์ (คอนโดดีเมมโมเรีย) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดิน”
ตัวบ้านที่เขาอาศัยเป็นบ้านสองชั้นครึ่ง สร้างขึ้นใหม่ในรั้วเดียวกันตอนอายุ 20 กว่า โดยได้ลงมือออกแบบเค้าโครงทั้งหมดด้วยตัวเอง “ดราฟต์แรกของบ้านหลังนี้ผมเป็นเขียนเองว่า ต้องการหันห้องนอนไปทางทิศตะวันออก ต้องการให้ห้องนอนอยู่ห่างจากประตูใหญ่ที่ติดถนนให้มากที่สุด เพื่อป้องกันเสียงรบกวน ส่วนชั้นล่างเมื่อเปิดประตูหลักเข้ามาจะเจอกับห้องรับแขก โดยแยกส่วนกับห้องรับประทานอาหาร และยังมีห้องสันทนาการ ซึ่งทั้งหมดผมเป็นคนเขียนแบบแรกเองร้อยเปอร์เซ็นต์ จากนั้นค่อยนำไปต่อยอดและใส่รายละเอียดด้วยมือสถาปนิก”
ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นออกแบบให้ผนังเป็นหน้าต่างกระจกใสสามด้าน เพื่อรับแสงธรรมชาติและเผยให้เห็นต้นไม้ด้านนอก โดยมีชุดโซฟาอยู่ตรงกลาง บนชั้นวางเต็มไปด้วยถ้วยรางวัลจากกีฬาเทนนิส ที่ในช่วงหนึ่งของชีวิตเคยเป็นนักเทนนิสทีมชาติไทย รวมถึงรางวัลเกียรติยศในการทำงานสาขาต่างๆ และภาพการรับรางวัลจากพระบรมวงศานุวงศ์ คล้ายเป็นฮอลล์ ออฟ เฟม ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของชายวัย 50 กว่าคนนี้จิ๊บกล่าวด้วยว่า หัวใจสำคัญของบ้านคือ ไม่ใหญ่โตแต่อบอุ่น กลมกลืนไปกับบ้านหลังเดิมของคุณตาคุณยาย ซึ่งมีความเรียบง่ายและไม่ตัดต้นไม้เดิมที่มี
“แต่เดิมบริเวณบ้านของคุณพ่อคุณแม่ที่ตอนนี้ถูกปรับเป็นคอนโดเคยมีสนามเทนนิส ยิม สระว่ายน้ำ แต่พอมาถึงจุดหนึ่งเราจะรู้เองว่าอะไรบ้างที่พอเหมาะกับชีวิต ซึ่งนั่นก็คือบ้านที่มีขนาดพอดีกับครอบครัว และธรรมชาติที่จำเป็นต้องมี” ถามต่อว่า มุมโปรดของบ้านคือมุมไหน จิ๊บตอบได้ไม่ยากว่าคือ สวนและศาลาริมน้ำ เพราะเมื่อได้อยู่ใกล้ต้นไม้จะรู้สึกสบายใจ ต้นไม้ใหญ่ทำหน้าที่เป็นเสมือนเกราะกำบังไม่ให้รู้สึกว่าอยู่ในเมืองใหญ่ ช่วยฟอกอากาศ และลดอุณหภูมิในตัวบ้านรวมถึงใจคนให้เย็นลง นอกจากนี้เขายังเลือกใช้หญ้าเทียมแทนหญ้าธรรมชาติ หลังเจอปัญหาหญ้าเฉาเพราะต้นไม้บังแดด ทำให้หญ้ารับแสงสว่างไม่เพียงพอ ซึ่งความก้าวหน้าของหญ้าเทียมที่พัฒนาขึ้น ทำให้สามารถปูเป็นพื้นสนามโดยไม่ไปทำร้ายรากของต้นไม้ที่อยู่ใต้ดิน ทั้งยังมองแล้วสบายตาอยู่เสมอด้วย
“ในบ้านจะมีต้นก้ามปู ประดู่ มะม่วง ชมพู่ สาเก จำได้ว่าสมัยเด็กๆ พอถึงฤดูสาเกคุณแม่จะเกณฑ์คนในบ้านมาเก็บและช่วยกันทำสาเกเชื่อม ส่วนบ่อน้ำหลังบ้านเป็นที่อยู่ของปลาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณย่า มีปลาสวาย ปลาเทโพ สมัยที่คุณย่ายังมีชีวิตอยู่ ท่านจะนำกล้วยกับขนมปังมาเลี้ยงปลา เจอหน้ากันทุกวันถึงขนาดจำหน้าปลาได้ ตั้งชื่อให้ปลาแต่ละตัว และป้อนอาหารให้จากมือ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ผมจึงผูกพันกับต้นไม้กับสวน และยังรู้สึกว่ามันเป็นมุมโปรดที่ทำให้รู้สึกสบายใจและยังเป็นสถานที่ย้อนความทรงจำของตัวเอง”
บ้านที่เขากำลังนั่งชมนกชมไม้อยู่นี้ ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน บรรยากาศรอบตัวไม่เหมือนอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ แต่เหมือนอยู่เขาใหญ่มากกว่า จิ๊บพรรณนาถึงความหมายของคำว่า “บ้าน” ว่า Home is where the heart is เป็นชื่อเพลงของเอลวิส แปลเป็นไทยว่า บ้านอยู่ที่ไหนก็ได้ที่หัวใจเราอยู่
“ความหมายของคำว่าบ้านในทางรูปธรรมของแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไป ผมเคยเป็นคนเดินทางมาก่อน เคยย้ายนิวาสสถานตัวเองไปอยู่ต่างประเทศหลายครั้งเพราะหน้าที่การงาน ซึ่งในตอนนั้นบ้านที่ผมอยู่อาศัยหลังจากทำงานมันก็คือบ้าน แต่ความหมายที่ฝังรากลึกจริงๆ คำว่า บ้าน คือ สถานที่ที่จิตใจและจิตวิญญาณของเรามีความรู้สึกผูกพัน ซึ่งสำหรับผมคือ บ้านที่ผมเกิดบนที่ดินแห่งนี้ แม้ว่าในช่วงชีวิตหนึ่งผมจะห่างบ้านไปไกล แต่สุดท้ายในวันที่เราจะจากไป ผมยังเห็นภาพตัวเองอยู่ในบ้านหลังนี้ สถานที่ที่มีความสุข และมีพลัง”
สัจธรรมของบ้านคือ ต้องมีคนอยู่ อย่างบ้านหลังนี้ที่ถูกสืบทอดมาถึงรุ่นที่ 3 ซึ่งยังคงอบอุ่นและคละคลุ้งไปด้วยความทรงจำอันแสนสวยงามของครอบครัวแสงสิงแก้ว