กรรชัย กำเนิดพลอย ชัดเจนในทุกบทบาท
“โหนกระแส” เป็นอีกรายการที่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ได้ทุกครั้งที่ออกอากาศ
เรื่อง มัลลิกา นามสง่า ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์
“โหนกระแส” เป็นอีกรายการที่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ได้ทุกครั้งที่ออกอากาศ เมื่อนำเรื่องในกระแสที่ได้รับความสนใจของคนในสังคมมาคุยกัน โดยมี “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” เป็นผู้ดำเนินรายการ ปัจจุบันออกอากาศทางช่อง 3SD (ช่อง 28)
หนุ่ม กรรชัย ผ่านบทบาทหน้าที่การเป็นพิธีกรมาแล้วหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะรายการเพลง เกมโชว์ ทอล์กโชว์ รายการเด็ก
นอกจากผู้ดำเนินรายการ ใครยังจำภาพของ หนุ่ม กรรชัย ในบทบาทนักแสดงได้บ้าง ผลงานเรื่องแรกผ่านมาเมื่อ 20 กว่าปีเอง ตอนนั้นการแสดงเรียกว่าตีบทแตกทุกบทบาท จนผันมาสู่งานพิธีกร ภาพของนักแสดงก็ค่อยๆ เลือนไป
“ผมหยุดเล่นละครมาน่าจะ 10 ปีได้ครับ บทบาทในชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมาก มันเปลี่ยนไปเองตามจังหวะของชีวิต ผมไม่ได้ไปเรียกร้องหรือดิ้นรนอะไรว่าจะเป็นนู่นเป็นนี่ให้ได้
ผมเชื่อว่าชีวิตคนเราถูกขีดมาให้เป็นแบบนี้ เพราะเมื่อก่อนก็เป็นดาราเล่นละคร พอวันหนึ่งเปลี่ยนไปหมดเลยกลายมาเป็นพิธีกร ซึ่งก็เป็นพิธีกรทุกอย่าง ผมอยากลองทำอะไรหลายๆ แขนง แล้วเวลาที่ตั้งใจทำอะไรก็จะทิ้งอีกอันหนึ่งไปเลย ภาพมันเลยชัด เพราะสำหรับผมเป็นคนที่ต้องการความชัดเจน ถ้าทำสองอย่างพร้อมกันความชัดเจนมันก็จะไม่มี”
เมื่อมานั่งคุมเกมกับประเด็นร้อนแรงต่างๆ ในรายการโหนกระแส ไหนจะอารมณ์ร้อนของผู้ร่วมรายการ ทำให้ภาพของหนุ่มกรรชัยเด่นชัดขึ้นในบทบาทของสื่อสารมวลชน ด้วยสไตล์การซักถามเสมือนเป็นตัวแทนของชาวบ้านที่อยากรู้เรื่องนั้น ไขข้อข้องใจในประเด็นนั้นๆ
หากการทำงานต่อประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจในสังคม ต้องมีกรอบหรือข้อจำกัดในการแสดงความคิดเห็นของตัวเองเกี่ยวกับข่าว
“คน 10 คน ความคิดเห็นมันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ถ้าเรานำเสนอในมุมมองของเรามากเกินไปมันก็เหมือนเอาความคิดของเราไปยัดใส่เขา ผมเลยต้องนำเสนอแบบการตั้งข้อสังเกตมากกว่า อย่างผมตั้งข้อสังเกตแบบนี้ๆ แต่ผู้ชมเองก็ต้องตัดสินใจเองด้วยนะ”
เคยมีความขัดแย้งเรื่องความคิดเห็นเวลาที่เราสัมภาษณ์บ้างไหม “ไม่เลยครับ ผมจะไม่มีการไปขัดแย้งอะไรเลย ถึงในใจลึกๆ เราจะคิดต่างก็ตาม มันเป็นสิทธิของเขา เราเชิญเขามาเราก็ต้องให้สิทธิเขาในการแสดงความคิดเห็น
ผมโดนบ่อย อย่างเมื่อเร็วๆ นี้เรื่องข่าววัดสิงห์ที่มีคนไปรุมกระทืบครูนักเรียน ผมก็ต้องสัมภาษณ์ในทุกมุม เพราะต้องการให้คนเห็นทุกมิติของมันว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือบางทีผมเอา โป้ อานนท์ (เสี่ยโป้) มาออก คนก็จะมาว่าทำไมต้องมาสัมภาษณ์ไอ้พวกนี้
คนมองพวกนี้ค่อนข้างลบ ซึ่งผมก็เข้าใจนะ แต่ผมจะมองอีกมุมหนึ่ง คือคนพวกนี้เขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ว่าจะยาก ดี มี จน ชั่ว เลวยังไง เขาก็มีสิทธิที่จะพูดเหมือนกัน อย่างโจรที่เขาทำเรื่องไม่ดีมา ก็อยากจะรู้อีกมุมหนึ่งว่าเขาทำแบบนั้นทำไม บางทีเขาก็อยากจะบอกว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ส่วนสังคมจะมองหรือตัดสินคนเหล่านี้ยังไงมันก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
หลักในการตั้งคำถามคือสิ่งที่คนทั่วไปอยากรู้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ผมจะถามเลย เพราะผู้ชมบางคนก็ไม่ได้รู้เรื่องมาก่อน ผมไม่ใช่นักข่าว ผมแค่ทำหน้าที่แทนคนดูที่เขาอยากจะรู้ โดยการเอาคำถามง่ายๆ ที่เขาอยากจะถามมาถามแขกรับเชิญ
ผมก็คือชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง และเป็นคนที่มีความอยากรู้นู่นนี่ แล้ววิธีการของผมมันง่ายมากคือ 1+1 เป็นเท่าไหร่ครับ ก็คือ 2 ไง ไม่ได้ใช้หลักการอะไร แค่ถามเหมือนที่ชาวบ้านเขาถามกัน”
รายการโหนกระแสเรตติ้งดี จนเบื้องหลังการทำงานมีประชาชนจำนวนมากส่งเรื่องมาร้องทุกข์กับ หนุ่ม กรรชัย ให้เป็นปากเป็นเสียงในการที่จะคุ้ยข่าวค้นความจริงเรื่องนั้นออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม
การยืนอยู่จุดนี้ย่อมเป็นทั้งที่รักและที่ชัง ซึ่งถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ อาจมีความหวั่นไหวและล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำหน้าที่
“ตอนนี้ทำงานมันก็สนุกดีครับ เพราะไม่เหมือนการเล่นละครหรืออะไรที่เราเคยทำมาก่อน มันเหมือนกับเกมกีฬา เพราะข่าวแข่งขันกันรุนแรงมาก อย่างฮาร์ดทอล์กแย่งชิงประเด็นแขกรับเชิญ แต่สำหรับผมจะมีกฎตายตัวอยู่อย่างหนึ่ง เหมือนเราลงเวทีเราเป็นนักมวยขึ้นเวทีแล้วเราก็ต้องต่อย แต่พอลงเวทีแล้วเราก็เป็นพี่น้องกัน
ผมเคยแม้กระทั่งถูกนำชื่อไปด่ากลางรายการอื่นก็มี ซึ่งผมมองว่าแบบนี้ไม่มีสปิริต เพราะตัวผมเองไม่เคยมานั่งด่าใคร อย่างเชิญแขกมาแล้วโดนชิงตัวไปไม่เคยออกมาตีโพยตีพาย ก็รู้สึกว่าคุณเก่ง ครั้งหน้าผมก็เอาใหม่
ตัวผมเองการที่ได้มาเป็นผู้ประกาศในวันนี้ ทั้งๆ ที่เคยเป็นคนในวงการบันเทิงมาก่อน ผมถูกปรามาสจากคนในวงการสื่อนี่แหละ ว่าจะเป็นสื่อก็ไม่ใช่ เพราะเวลาผมถามแขกรับเชิญในมุมของผม เขาก็หาว่าผมไม่ใช่สื่อ ถามแบบนี้ไร้มารยาท แต่มันเป็นสไตล์ของผม
ทำไมผมถึงถามแบบนี้ เพราะผมเป็นบุคคลที่เคยเล่นละครมาก่อน การที่นักแสดงคนหนึ่งจะเข้าฉากด้วยกันมันจะมีการละลายพฤติกรรมกันก่อน ผมเลยหยิบการละลายพฤติกรรมที่ผมเคยใช้มาใช้กับแขกรับเชิญที่มาสัมภาษณ์ เขาถึงสามารถพูดคุยกับผมได้เหมือนเพื่อน เพราะผมไม่ใช่นักข่าวที่จะมานั่งไล่กดดันเขาหรือถามคำถามในเชิงข่าว ถึงเวลาเขาก็ไม่อยากคุยด้วย แต่พอผมใช้วิธีการของผม ก็ถูกมองว่าไม่ใช่สื่อไง”
ผู้ประกาศข่าวใน “เที่ยงวันทันเหตุการณ์” ทางช่อง 3 และช่อง 33 เป็นอีกบทบาทใหม่ที่ หนุ่ม กรรชัย ตั้งใจอย่างเต็มที่ แม้ชีวิตจะไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้ชัด แต่เมื่อมีโอกาสเขาก็พร้อมรับและทำอย่างเต็มที่
“ที่ผ่านมาในชีวิตทำอะไรมาเยอะมาก พอมาถึงวันนี้ก็เป็นเหมือนจุดเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งของชีวิต คือการเป็นผู้ประกาศข่าวของช่อง 3 ซึ่งมันไม่ได้เป็นงานที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำ คือผมไม่ได้ตั้งเป้าหมายในชีวิต แต่การที่มีเป้าหมายในชีวิตมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งถ้าเราคาดหวังกับเป้าหมายที่เราตั้งไว้มากเกินไป มันอาจจะทำให้เราเดินไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ได้ ส่วนตัวมองว่าชีวิตจะพามนุษย์ทุกคนไปถึงจุดที่เขาวางไว้เอง เพียงแต่ว่าเราจะคว้าโอกาสที่เข้ามาไหม
ทางผู้ใหญ่ก็ให้โอกาสเป็นผู้ประกาศ ให้อ่านข่าว ตอนแรกไม่อยากทำ เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ทางของผม คิดว่าคงทำไม่ได้ แต่อย่างที่บอกสิ่งที่เข้ามาตอนนี้มันคือโอกาส มีอีกหลายคนที่อยากจะได้โอกาสตรงนี้ ถ้าไม่รับตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าโอกาสแบบนี้จะกลับมาอีกไหม
ผู้ประกาศข่าวเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็น เพราะการเป็นผู้ประกาศในมุมมองคือต้องไม่ใช่อย่างผม คือผมเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ผมเล่าข่าวแบบเป็นกลางรวมถึงนำเสนออย่างเป็นกลาง แต่ก็จะมีการพูดคุยมีความสนุกสนานบ้าง เพราะข่าวทุกวันนี้มันมีความเครียดในตัวมันเองมากพออยู่แล้ว ถ้าเกิดเรามานั่งอ่านแบบจริงจังอาจจะทำให้คนดูรู้สึกกดดันมากเกินไป เราอยากให้เขารู้สึกเหมือนว่านั่งคุยเรื่องข่าวอยู่ที่บ้าน
ถ้ามีเวลาผมชอบลงพื้นที่ด้วยตัวเอง โดยใช้พื้นฐานนิสัยเดิมที่มีอยู่แล้วในการชอบรู้เรื่องชาวบ้านไปทั่วของผมให้เป็นประโยชน์ ผมเดินลงพื้นที่จริงเพื่อถามเหตุการณ์ที่จะต้องรายงานข่าวกับชาวบ้าน เอาข้อมูลพวกนี้มานั่งรวบรวม ซึ่งมันจะเป็นเรื่องจริงที่ได้มา
ผมไม่อยากเป็นแค่ผู้ประกาศข่าวที่นั่งอ่านอยู่กับที่ มันต้องมีข้อมูลมากขึ้นเพื่อจะได้มาเล่าให้เข้าใจแบบง่ายๆ มีหลายคนไม่เห็นด้วย และบอกว่าผมทำไม่ได้ ผมไม่ใช่สื่อ บางคนบอกว่าผมไม่มีมารยาทในการถาม ผมนำสิ่งเหล่านั้นมาปรับปรุงและใส่ใจ
ด้วยความที่ไม่ใช่คนข่าวอย่างที่หลายคนบอก ผมจึงถือว่าตัวเองเป็นประชาชนคนหนึ่ง และก็ถามในลักษณะที่ผมอยากรู้ สรุปให้เข้าใจ ทำให้กระแสการอ่านข่าวของผมได้รับการยอมรับในแบบของผม ลบล้างคำสบประมาทที่ว่าเราไม่ใช่สื่อ ผมใช้กลยุทธ์ในการเจาะประเด็นข่าวโดยวิธีทำการบ้าน มีข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ลงไปหาข้อมูลนั้นๆ ด้วยตัวเอง”
แม้จะทำรายการแนวฮาร์ดทอล์กมา 8 ปี จนเป็นผู้ประกาศข่าว แต่ หนุ่ม กรรชัย บอกตัวเองเสมอว่า ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ ไม่ได้เกิดความมั่นใจตามยอดเรตติ้งและความรักใคร่ของแฟนๆ รายการ เพราะถ้าเกิดความมั่นใจในตัวเองมากไปแล้วจะทำให้หลงระเริง ลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ไป
ด้วยเสน่ห์จากนักแสดงและคำพูดง่ายๆ ที่เข้าถึงประชาชนในฐานะประชาชน ทำให้ หนุ่ม กรรชัย ได้ข้อมูลข่าวหรือความร่วมมือดีอย่างเกินคาด เส้นทางนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้สำหรับผู้ชายชื่อ หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย