จุดเน่าในผลส้ม
เขาต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ซึ่งไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง จริงๆแล้วเป็นเรื่องดีสำหรับธนาธรและปิยบุตรด้วยที่ได้รับโอกาสนี้ให้สังคมตรวจสอบ หากผ่าน การทำงานต่อไปก็ราบรื่น
เขาต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ซึ่งไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง จริงๆแล้วเป็นเรื่องดีสำหรับธนาธรและปิยบุตรด้วยที่ได้รับโอกาสนี้ให้สังคมตรวจสอบ หากผ่าน การทำงานต่อไปก็ราบรื่น
*******
โดย... อสนีบาต
aussaneebard @ hotmail.com
.... โพสต์ทูเดย์ออนไลน์ รอบรู้ข่าวสารทุกความเคลื่อนไหว กลับมาพบคุณผู้อ่านแล้วครับ
....ช่วงเทศกาลสงกรานต์หยุดยาว หลายท่านได้มีช่วงเวลาของการหยุดพักเก็บเกี่ยวความสุข อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว
.... หลังชาร์ตแบตเตอรี่กันมาอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อมาถึง วันที่ 17 เม.ย. เปิดวันทำการ ก็ขอให้ทุกชีวิตอดทนเข้มแข็งทำมาหากินโดยสุจริต ร่วมขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้าต่อไปนะครับ
.... แม้ช่วงวันหยุดยาว หลายคนได้พักผ่อน แต่มีกลุ่มอาชีพหนึ่งที่ไม่ได้หยุดตามเทศกาล นั่นคือบรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสาสมัคร ต้องคอยอำนวยความสะดวกเส้นทางการจราจร
... ดูแลความสงบเรียบร้อยให้พี่น้องประชาชนได้ดำรงชีวิตกันอย่างมีความสุข ต้องขอบคุณและเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
.... อีกอาชีพไม่ได้หยุดเหมือนกัน คืออาชีพสื่อมวลชน คอยสอดส่อง ตรวจสอบ นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ให้พี่น้องประชาชนเช่นเคย
.... บอกเลยว่า ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของหนุ่มหน้าตี๋ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ " หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมากทางแวดวงสื่อสารมวลชน
... บ้างให้ฉายา"ส้มหวาน" บ้างยกให้เป็น"ทักษิณน้อย" บ้างมอบตำแหน่ง "สายล่อฟ้าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า" บ้างยกให้เป็นนักการเมืองในยุคอนาคตดับ ฉายามากมายก่ายกอง ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวจะชอบแบบไหน
... ฉายาต่างๆไม่ได้ลอยลมมาปรากฎ หากแต่เกิดขึ้นจากภาพสะท้อนตัวตนธนาธรจนเข้าตากรรมการเสียมากกว่า นอกจากนี้ยังเป็นการสื่อให้เห็นจุดอ่อน- จุดบอด และอาจเป็นจุดดับ ของบุคคลนี้
... ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสภา สปอร์ตไลท์จะสาดส่องไปที่จุดอ่อนทางการเมืองของนายคนนี้เป็นหลัก
.... อ้าว! ถ้ายังไม่ทราบมีจุดอ่อนอะไรบ้าง.... อสนีบาต.. ขอสาธยาย 3 ข้อ ดังนี้...
.... 1.ความพยายามเปลี่ยนโครงสร้างประเทศ ถึงขั้นสร้างระบอบประชาธิปไตยตามแบบฉบับของตนและคณะ
... ของร้อนระดับ 100 องศา ส่งผลให้ นักประชาธิปไตยจับจ้องความเคลื่อนไหว"หนุ่มหน้าตี๋" ที่กำลังผูกขาดความเป็นประชาธิปไตย
... เอะอะอะไรต้องยกเฮทสปีด "สืบทอดอำนาจบ้างหล่ะ, ไม่เอาเผด็จการบ้างหล่ะ " หรือว่า นายคนนี้กำลังยึดสัมปทานประชาธิปไตยไปแล้ว โดยไม่เห็นศีรษะพ่อค้าไข่ปิ้ง แม่ค้าขนมครกหน้าพรรคบ้างเลย
.... พวกเขาก็ทำมาหากินในประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าลืมเสียหล่ะ ขอย้ำและจงฟังอีกครั้งหนึ่ง พ่อหนุ่มนักผูกขาดประชาธิปไตย
.... ว่ากันต่อ ข้อสอง เป็นเรื่องยากในการล้างพฤติกรรมดั้งเดิมออกจากตัว นั่นคือ ความพยายามกล่าววาจาพาดพิง หมิ่นเหม่ต่อสถาบัน หนักเข้าถึงขั้นวางโรดแม็ปตามสโลแกนอนาคตในฝัน ขอแก้ไขกม.ป.วิอาญามาตรา112 เรื่องนี้มีความตั้งใจเอาจริงเอาจังนะเออ หวังให้มีสิทธิมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สถาบันอันเป็นที่รักได้
.... จุดอ่อนข้อสาม "การสร้างกระแสความขัดแย้งระหว่างวัย และการต่อสู้ระหว่างชนชั้น" จากการไล่รื้อระบบ ระเบียบ จารีตอันดีงามทางสังคม
... อยากรู้ว่าแนวความคิดเข่ย่าขวัญขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยมีอะไรบ้าง แค่เสิร์ชกูเกิ้ล คำว่า "จารีต" และ"ธนาธร" จะมีคำอธิบายออกมายาวเหยียดนะตัวเอง
... อสนีบาต... ไม่เข้าใจทำไมต้องรื้อนั่งร้านกันขนาดนี้ ทั้ง" น้องธนาธร" "หลานปิยบุตร" ชะเอ้ย! ต้องเรียก "คุณธนาธร" "คุณปิยบุตร" สิ น่าจะถูกต้องตามความประสงค์ของ พวก"คุณ" ทั้งสอง
... สแกน"จุดอ่อน"ให้ได้รู้ ก็เพราะด้วยความหวังดี สถานการณ์ที่เห็นและเป็นอยู่ไม่ใช่แค่ คุณท่านจะโดนโจมตีไปวันๆ หวังผลสร้างความนิยมมีชื่อบนพื้นที่ข่าวสาร ได้มวลชนเป็นกำแพงหนุนเท่านั้น แต่หารู้ไม่" จุดอ่อน" เหล่านั้นอาจนำพาไปสู่หายนะทางการเมืองในไม่ช้า
... ลีลาแบบนี้ไม่ต่างกับการเดินแนวทาง"ทักษิณา" สักเท่าไหร่นัก "ธนาธรแอนด์เดอะแก๊งค์" เป็น"กลุ่มทุนใหม่" ที่มาเล่นการเมือง อีกทั้ง"ธนาธร" มีพฤติกรรมคล้ายกับ" ทักษิณ" ตั้งแต่การโอนหุ้น เป็นต้น
.... คุณทักษิณสร้างบาดแผลความขัดแย้ง สร้างความเสียหายปรากฎชัด มีคดีติดตัวมากมายเป็นที่ประจักษ์...
.... ครั้งหนึ่งเรามี"คนหน้าสี่เหลี่ยมฟีเวอร์" วันนี้เรามี"คนสัญลักษณ์สามเหลี่ยมฟีเวอร์" ซึ่งมีทัศนะมาร์กซิสร่วมกับ"ปิยบุตร"ซึ่งมีแนวคิดรีปับลิค ทำให้สังคมหวาดระแวงมากขึ้น ประเด็นจาบจ้วงสถาบันจะถูกหยิบยกมาตรวจสอบคนทั้งสองมากขึ้น
.... แปลกดีนะครับ ในขณะที่นักการเมืองรุ่นใหม่เรียกร้องจะปรับเปลี่ยนอะไรต่างนานา ประกาศตรวจสอบผู้มีอำนาจรัฐ อัญเชิญคนต่างด้าวท้าวต่างแดน เหมือนใครก็ไม่รู้เคยลั่น ยูเอ็นไม่ใช่พ่อ
... แต่ในที่สุดพึ่งฝรั่งยูเอ็น จ้างฝรั่งตรอกข้าวสารหรือไม่ก็ว่ากันไป ด้วยความพยายามเข้ามาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างไม่สำเหนียกต่อเสียงตักเตือนของคนในชาติแม้แต่น้อย
... เอ่ยอ้างเรียกร้องสร้างความโปร่งใส จัดระดมคนยื่นถอดถอน องค์กรอิสระ ทุกสามเวลาหลังอาหาร แถลงข่าวรายวัน บางวันอำนวยความสะดวกผลิตข่าวสำเร็จรูปส่งเข้าสำนักพิมพ์ต่างๆเรียบร้อย
.... จากข้อเท็จแต่ทำให้เป็นข้อจริง จากข้อมูลไม่น่าเชื่อถือทำให้น่าเชื่อถือ จากรายงานมีคนต้อนรับบางตาแปลงสารมีคนจำนวนมาก เป็นต้น
... มีความพยายามผลิตวาทกรรมเฮทสปีชให้สาวกซึมซับนำเสนอซ้ำๆ สื่อก็จะได้นำเสนอตามแผนที่วางไว้
.... คิดกลับกันสิครับ เมื่อสิ่งที่ "คุณ"ธนาธร+ คุณ"ปิยบุตร(เขากำชับให้เรียกคุณ) เรียกร้องการตรวจสอบ ฉนั้นตนเองและคณะก็พร้อมที่จะให้ตรวจสอบด้วย
.... การตรวจสอบเป็นเรื่องปกติในวิถีประชาธิปไตยไม่ใช่หรือครับ...
... เมื่อธนาธรและปิยบุตรจะเข้าสู่อำนาจทางการเมืองต้องถึงพร้อมให้สังคมและประชาชนตรวจสอบ
... ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประวัติการกล่าวจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งปรากฎเป็นข่าวสาธารณะหลายต่อหลายชิ้น หรือแนวคิดเปลี่ยนระบอบตามแบบฉบับหัวฝรั่ง แม้แต่การโอนหุ้น ฯลฯ (เสิร์ชกูเกิ้ลเรื่องเหล่านี้มาเป็นแผงยาวเหยียด)
... ประชาชนและสื่อกำลังทำหน้าที่ตรวจสอบ ดังนั้นสิ่งที่"คุณ" สองคนต้องทำ คือ ต้องพร้อมจะให้สังคมตรวจสอบได้
... "เมื่อเขาฟ้องร้องกล่าวหาคนอื่นได้ เขาก็พร้อมที่จะถูกฟ้องร้องเช่นกัน (ส่วนเมื่อเป็น ส.ส.แล้วก็มีเอกสิทธิ์ความคุ้มกันระหว่างสมัยประชุมคงมีเฮ และอย่าลืมตระโกนด้วยว่า กระบวนการยุติธรรมของท่านผู้แทนมีอยู่จริง)
.... นอกจากนั้น นี่เป็นเรื่องของความเสมอภาคของ บุุคคลในทางกฎหมาย เป็นสิทธิพื้นฐานของบุคคล ทุกคนมีสิทธิที่จะฟ้องร้องและถูกฟ้องร้องได้ โดยเฉพาะประเด็นที่เป็น"เรื่องละเอียดอ่อน" ของสังคมไทย
... เขาต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ซึ่งไม่ใช่เป็นการกลั่นแกล้ง
.... จริงๆแล้วเป็นเรื่องดีสำหรับ"ธนาธร" และ"ปิยบุตร" ด้วยซ้ำ ที่ได้รับโอกาสนี้ให้สังคมตรวจสอบ
.... หากผ่าน การทำงานต่อไปก็ราบรื่น...
... จริงมั้ยแจ๊ะ...