เปิดหัวใจ โบ ชญาดา ในวันที่ตัดสินใจถูก..เอาลูกและความสุขเป็นที่ตั้ง เจอรักที่อบอุ่นในแบบครอบครัวใหญ่
ใครว่าสร้างภาพ? โบ ชญาดา กับความสุขในแบบครอบครัวใหญ่ 5 คน เอาลูกเป็นที่ตั้ง ใช้เวลาและความเข้าใจช่วยออกแบบรักให้อบอุ่น
ใครว่าสร้างภาพ? โบ ชญาดา กับความสุขในแบบครอบครัวใหญ่ 5 คน เอาลูกเป็นที่ตั้ง ใช้เวลาและความเข้าใจช่วยออกแบบรักให้อบอุ่น
หลายคู่เลิกราฟ้องหย่าขึ้นศาล แย่งสิทธิ์การเลี้ยงดู ค่าเล่าเรียนเคลียร์กันไม่ลงตัว ทะเลาะกันจนเป็นดราม่า
ยิ่งคนในวงการบันเทิงข่าวมหากาพย์แย่งลูกให้คนนอกวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก แต่ก็ยังมีตัวอย่างของการเลิกราด้วยความเข้าใจและเอาความสุขลูกเป็นที่ตั้ง ถอยคนละก้าวเพื่อให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด
กว่า 10 ปีที่ โบ ชญาดา และอดีตสามี ฟลุค เกริกพล เซ็นใบหย่าเลิกรากันไปแต่กลับอยู่ร่วมกันได้ลงตัว แถมโชคดีได้คู่ชีวิตใหม่ที่พร้อมเข้าใจ เกิดเป็นคำถามที่คาใจหลายคนในวันที่เลิกกันไปแล้ว แต่ทำไมมิตรภาพของพวกเขายังแนบแน่น พร้อมทำหน้าที่พ่อแม่ช่วยกันดูแลลูกชาย น้องอชิ อย่างเต็มที่
วันนี้ ทางโพสต์ทูเดย์เอ็กคูลซีฟ ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณแม่คนสวย โบ ชญาดา ที่พร้อมจะมาเล่าแบบเปิดอก ในวันที่ชีวิตคู่จบลงแบบไร้ดราม่า วิธีจัดการกับปัญหา เคลียร์ชัดกระแสสร้างภาพ เปิดใจแบบหมดเปลือกที่นี่ที่เดียว
- ห่างหายจากวงการบันเทิงตอนนี้ คุณโบ ชญาดา ทำอะไรอยู่ ?
"ช่วงพักเพราะน้องอชิกำลังเป็นวัยรุ่น 16 ปีเต็มเลยอยากมีเวลาให้น้อง เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเตรียมตัวเข้ามหาลัย ส่วนอีกเรื่องคือเรื่องของสามี พี่แบงค์อยากมีลูกอีกคน เราก็ตั้งใจดูแลตัวเองและดูแลครอบครัวเพื่อที่จะผ่อนคลาย ทำฮอร์โมนให้ดีเพื่อที่จะมีน้องให้น้องอชิอีกคน ก็ไม่ได้รับงานอะไรเท่าไหร่ พักผ่อนไปเที่ยวทำบุญต่างๆ การที่เราจะได้อะไรที่เราคาดหวัง ก็ต้องเสียสละเวลาบางอย่างไป แต่กิจกรรมแน่น เป็นแม่บ้านดูแลลูก ดูแลสามีในทุกๆวัน ลงมือทำอาหารเอง 90 เปอร์เซ็นต์ ดูแลบ้านดูแลพ่อแม่อีกค่ะ "
- ช่วงเวลาที่ลำบากใจในวันที่ โบ-ฟลุค เลิกรากันแรกๆ
"ย้อนกลับไปนานจนเราจะลืมไปแล้ว ไม่ค่อยได้จำเรื่องในอดีต แต่เราไม่ได้มีปัญหา หรือรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ยากลำบากใจมันมีแน่นอนเพราะเราจะต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับลูกและครอบครัว
ทุกอย่างมันค่อยๆใช้เวลา ไม่ได้ปุ๊บปั๊บตัดสินใจเลย เราก็ค่อยห่างกันก่อน 2 ปี และค่อยๆ คุยกันและตกลงกัน ต่างคนต่างให้เกียรติกันจึงไม่มีปัญหา ผลัดกันเสนอไอเดียและมาถกเถียงกันว่าอันนี้ดีไหม ถ้าทุกอย่างจะลงด้วยดีต่างฝ่ายต้องต่างยอมรับ หรือเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่เพราะมันไม่มีถูกมีผิด เหมือนกับเราอยากได้แบบนี้ ทางเขาอยากได้แบบไหน และมาจูนเข้าหากันดู ว่าอะไรได้ไม่ได้ ก็ต้องยอมกันบ้าง ความเป็นเพื่อนมันมีมากขึ้นเรื่อยๆก่อนเราจะแยกกันค่ะ"
- ลูกเป็นส่วนหนึ่งของพ่อและแม่ ไม่กีดกันหรือแบ่งแยก
"เราเป็นห่วงความรู้สึกของลูกมากกว่าว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร จะมีปัญหาไหม ซึ่งเรื่องแบบนี้ถึงไม่หย่ากันก็คิดนะ เพราะเลี้ยงลูกมันต้องคิดไปตลอดอยู่แล้ว คุยกันเรื่องลูกอยู่เสมอ ถ้าเรามีลูกด้วยกันแล้ว ลูกคืออันดับหนึ่งคือที่ตั้ง เพราะเขาเกิดมาเป็นลูกของเรา อะไรที่ดีที่สุดเราก็ยอม
โบรู้สึกว่าโบแฟร์นะ เพราะไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นแม่หรือเป็นผู้หญิงที่ต้องเอาเรื่องพวกนี้มาอ้าง โบกลับมองว่าลูกเป็นส่วนหนึ่งของเราทั้งคู่ แถมโบจะบอกลูกเสมอว่าให้รักคุณพ่อ ไม่จำเป็นต้องรักเรามากกว่าเพราะเราคลอดมานะ ยิ่งเราบอกลูกให้เกรงใจคุณพ่อเท่าไหร่ มันยิ่งดีกับตัวลูกเองด้วย"
- ครอบครัวใหญ่ 5 คน ลงรูปเมื่อไหร่ต้องโดนด่าสร้างภาพ
"โบว์ไม่ค่อยเอาพวกที่คอมเมนต์คิดลบเก็บมาคิด ไม่เอามาบั่นทอนเพราะสิ่งที่เราทำเรามีความสุข ทำให้ลูก คุณฟลุค น้องนาตาลี มีความสุขและสามีเรา พี่แบงค์ มีความสุข ในชีวิตจริงเรามีความสุขเราก็เลยรู้สึกว่าห้ามสิ่งที่คนอื่นคิดไม่ได้ ใครจะคิดลึกคิดอะไรรุนแรงไป เราทำทุกอย่างเพื่อลูก
เรารู้สึกว่าเราโชคดีมากๆคือแฟนใหม่ของเรา และแฟนใหม่ของคุณฟลุคก็เป็นคนมีความเข้าใจ ครอบครัวของโบ ฟลุค อชิ ที่ยังคงผูกพันกับลูกมากขนาดนี้ มันยากมากที่จะเจอคู่ชีวิตใหม่ที่เขาเข้าใจเรา สิ่งที่เราได้ตรงนี้มันเป็นกำลังใจให้เรา คนจะพูดอะไรก็ได้แต่ความเป็นจริงเรามีความสุขก็พอ"
- สิ่งที่เราทำมีความสุข กลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น
"ภาพเราที่ลงไป มีหลายคนมาขอบคุณโบที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากดีกับสามีเขา ถึงแม้จะเลิกกันไปก็อยากให้ครอบครัวกลับมาดีต่อกันได้แบบคุณโบ เราจึงรู้สึกว่าเราเอาตรงนี้มาเป็นที่ตั้ง หลายคู่เลิกกันไม่ดีมีปัญหาเข้ามาหาเราให้เราช่วย แล้วเราช่วยเขาได้มันเป็นกำลังใจให้เราทำสิ่งดีๆมากกว่า ซึ่งคนเลิกกันส่งข้อความเข้ามาหาโบเยอะมากค่ะ"
- คู่ชีวิตใหม่ที่เข้ามาพร้อมกับความเสียสละ
"หย่าร้างกันมาไม่มีปัญหา เหมือนเพื่อนพี่น้อง ทุกคนเสียสละ ใจกว้าง และรักน้องอชิมาก เขารู้ว่าโบกับฟลุคให้อชิมาเป็นที่หนึ่ง แล้วแบบนี้โบจะไม่รักน้องลี ไม่รักพี่แบงค์ได้ยังไง เวลาไปไหนโบก็นึกถึงอชิตลอด ถ้าเราเอาตรงนี้เป็นที่ตั้งเราก็จะยอมและมีความสุขไปด้วย เขารักคนที่รักลูกเรา
ถ้าการถ่ายภาพ 5 คนลงโซเชียล เราอยากให้มองและคิดแบบสร้างสรรค์มากกว่า การที่เรามีภาพด้วยกันคือภาพแห่งความสุข นานๆทีเราจะได้เจอกันครบ เราก็จะมีความสุข เราโพสด้วยความดีใจ ภาพที่บรรยาความรู้สึกไม่ได้
ย้อนกลับไปแรกๆที่เราเริ่มมีทริปแรกๆ 5 คนเราก็เคยแคร์กับคอมเมนต์พวกนี้ แคร์คนที่ติดตามเรา เราก็อยากให่ทุกคนคิดดีกับเรา บางทีไปอ่านเยอะๆมันก็เสียใจบางทีก็คิดกันเกินเลยไปก็มี โบว่าโบผ่านจุดนั้นมาแล้ว และเชื่อว่าเวลามันพิสูจน์ทุกอย่างจริงๆ 8 ปีที่เราอยู่แบบนี้มันก็อยู่แบบมีความสุข อยู่บนโลกของความเป็นจริง ใครจะมานั่งสร้างภาพตั้ง 8 ปี"
หลายคนอาจมองว่าสร้างภาพ กลัวลูกชายโตมาจะสับสน โดนเพื่อนล้อ แต่ความเป็นจริงแล้ว ครอบครัวใหญ่ 5 คน กลับมาเติมเต็มความรักให้กับ น้องอชิ เป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง
"อบอุ่น..จนร้อนแล้ว" เป็นคำพูดที่น่าเอ็นดูของ น้องอชิ บอกกับแม่ของเขา ในวันที่ต้องมีครอบครัวใหญ่พ่อสองแม่สองคนคอยเอาใจใส่
- ลูกชายที่คิดบวก อบอุ่นจนถึงกับร้อน
"โบคุยกับเขาตลอด ถามว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไร เพื่อนเป็นอย่างไร มีคุยเรื่องครอบครัวไหม ซึ่งอชิก็บอกว่าโอเค อชิไม่มีปัญหาและไม่สนอยู่แล้ว เราเป็นคนพุทธโบกับอชิจะอโหสิกรรมกันตลอด ไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ที่ไม่สบายใจ เคยถามว่าที่เราเป็นข่าวรู้สึกอย่างไรบ้าง อชิก็พูดแบบคนคิดเป็น เหมือนกับเขามองว่าตนโชคดีซะอีกว่าเขามีลุงแบงค์กับพี่ลีมเติมเต็ม จนอชิร้อนแล้ว อยากให้แม่มีลูกอีกคนไวไวจะได้ไม่ต้องมีติดอชิมาก เขาก็จะพูดติดตลก
อชิไม่เคยโดนล้อเรื่องแบบนี้เลย เขาบอกไม่มีใครสนใจหรอกแม่ อาจเป็นเพราะว่าเราให้ลูกอยู่โรงเรียนอินเตอร์เป็นเด็กธรรมดาคนนึง ไม่ได้เป็นลูกดารา หรือเป็นที่รู้จักอะไร เด็กฝรั่งทุกคนก็เท่าเทียมกัน โบให้เขาเข้าโรงเรียนอินเตอร์คนไทย 20 เปอร์เซนต์เพราะอยากให้เขาเป็นเด็กธรรมดา ไม่ต้องโดดเด่น จึงเป็นเรื่องโชคดีไป รวมถึงน้องอชิเป็นคนคิดบวกเสมอ เราปลูกฝังพาไปทำบุญเด็กกำพร้าบ่อยๆ บางคนเกิดไม่มีพ่อแม่ บางคนพิการ บางคนทำงานไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกเลย เขาก็จะเห็นถ้าเทียบกับคนอื่นคือเขามีพร้อมเลย"
- ในวันที่ตัวเองรู้สึกว่าตัดสินใจถูก เอาลูกและความสุขเป็นที่ตั้ง
"หลายๆคู่เลิกกันบอกเอาลูกเป็นที่ตั้ง โบมองว่าหลายๆคู่เอาตัวเองเป็นที่ตั้งมากกว่าเท่าที่โบฟังดูหลายๆเคส ต่างคนต่างอยากได้แบบนู้นแบบนี้ สรุปแล้วมันไม่ใช่ของลูก ถ้าอยากได้เพื่อลูกจริงๆ มันจะไม่ทะเลาะกัน ในการตัดสินใจของผู้ใหญ่บางทีเราคิดว่าเราถูก
เราต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ได้ เปิดใจจริงๆ ใครมีเวลาให้ลูก คุยกันด้วยเหตุผล ช่วยกันอย่างไร มองอนาคตอย่างไร มีตัวเลือกแล้วหันมาคุยกัน อาจจะทะเลาะกันบ้างก็อยากให้ทะเลาะกันไปจนจบเพื่อสิ่งที่ดีกับลูก สุดท้ายก็จูนเข้าหากัน ลองแบบหนึ่ง ลองแบบสอง แล้วก้ถามลูกว่าดีไหม พอเราคุยกันได้พ่อแม่ลูกโดยไม่มีทัศนคติแย่ๆก็ไม่มีปัญหา
- ฝากถึงครอบครัวที่แยกทางกัน แล้วมีครอบครัวเราเป็นแบบอย่าง
ทุกอย่างเราต้องมองความเป็นจริงของชีวิต ทุกคนต้องการมีความสุข และมีชีวิตที่ดีที่สุด แต่ถ้าวันหนึ่งดันมีลูกแล้วชีวิตครอบครัวเกิดไปไม่รอด นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้เป็นคนที่เลวร้ายที่สุด คุณอาจจะคิดในทางที่ถูกก็ได้ แบบพี่โบที่เราตัดสินใจครั้งนี้
เคยว่าเรารู้สึกตัดสินใจพลาดหรือเปล่า เพราะไม่อยู่รวมกันให้รอดเพื่อลูก พอวันนี้มาถึงเวลา 10 ปีแล้วเราได้คำตอบว่าเราไม่ได้คิดพลาด ถ้าเราทนอยู่กันมา10กว่าปี อยู่กับคนที่เราอาจจะรักเขาแต่ไปด้วยกันไม่ได้ ยังไงลูกก็ไม่มีความสุข คู่ชีวิตมันต้องรักกัน เข้ากันไปด้วยกันได้ มันถึงจะทำให้คนที่เติบโตมากับเรามีความสุขไปด้วย
หากจะมาอยุ่ด้วยกัน แล้วทะเลาะกันตลอดกลายเป็นลูกมีปัญหาทางจิตใจมากกว่า ก่อนจะเลิกราก็ดูให้ดีว่าคู่เราปรับกันได้ไหม ลองจูนกันหรือยัง ยอมกันได้ยอมไปก่อน สุดท้ายเราลองจนสุดแล้วเราถึงหาวิธีแยกกันแบบสันติวิธีเพื่อที่จะได้แยกกันแบบไม่มีปัญหา
เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอนาคตที่ดีที่สุดของเราคืออะไร เอาตัวลูกเป็นที่ตั้งด้วยการที่เราเสียสละ ทั้งพ่อและแม่เพื่อลูก แล้วทุกอย่างจะออกมาด้วยความจริงใจ ลูกเองก็จะมีความสุข โบว่าตรงนี้สำคัญที่สุดค่ะ"