Orthorexia Nervosa คลั่งกินคลีน แบบนี้ก็มีด้วย?
“กินคลีนมากเกินไป ไม่ได้แปลว่าดี” เมื่อคนส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยความตั้งใจที่จะกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี แต่เวลาผ่านไปกลับกลายเป็นการใช้แนวทางควบคุมอย่างเข้มงวด หรือสุดโต่งจนเกินพอดี แบบนี้มีข้อเสียกับสุขภาพหรือไม่ ไปดูกัน
หนึ่งในวิธีการไดเอทซึ่งเป็นที่นิยิมของคนอยากมีรูปร่างที่ดี หรือต้องการลดน้ำหนัก คือ การเลือกกินอาหารคลีน ซึ่งส่งผลดีกับร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ทว่า กินคลีนมากเกินไป ไม่ได้แปลว่าดี มีข้อมูลจากสมาคมศึกษาอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับการรับประทานอาหาร (National Eating Disorders Association) ของสหรัฐฯ เตือนว่า การยึดติดกับกระแสในโลกออนไลน์เหล่านั้นมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า "อาการคลั่งกินคลีน" ได้
สำหรับอาการคลั่งกินคลีน หรือ orthorexia nervosa เป็นอาการผิดปกติในการรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นผลมาจากการมีความคิดวนเวียนเกี่ยวกับการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่มากไปจนเกินพอดี คล้ายกับอาการคลั่งการลดน้ำหนัก หรือ anorexia nervosa
จากสถิติของชาวอเมริกันในรายงานของ Washington Post โดยแคลร์ มายสโก ผู้บริหารของ National Eating Disorders Association ชี้ว่า อาการคลั่งกินคลีนอาจนำไปสู่การจำกัดอาหารหรือสารอาหารบางประเภททำให้ระบบการเผาผลาญทำงานผิดปกติฮอร์โมนบางอย่างลดลงประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอผมแห้งผิวหนังแห้งสูญเสียมวลกระดูกรวมถึงการมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด
ทางด้านนักจิตวิทยาด้านอาหารในนครนิวยอร์ก ลินดา แฮมิลตัน เผยว่าความคล้ายกันของ "อาการคลั่งกินคลีน" และ "อาการคลั่งการลดน้ำหนัก" คือความหลงใหลในความสมบูรณ์แบบ และความกระวนกระวายใจที่ไม่สามารถทำตามที่ต้องการได้ ซึ่งอาจประกอบกับความต้องการอยากจะผอมลงอย่างรวดเร็ว และยังไม่พอใจกับรูปร่างของตน
เช็กสัญญาณและอาการของโรคคลั่งกินคลีน
- ก่อนซื้อหรือก่อนกินอาหาร ต้องอ่านส่วนผสมและฉลากโภชนาการซ้ำแล้วซ้ำอีก
- รู้สึกกังวลเกี่ยวกับส่วนประกอบในอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ
- ไม่กินอาหารบางประเภทเลย เช่น งดน้ำตาลทุกชนิด งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลย ไม่กินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกอย่าง
- เลือกกินแต่อาหารที่ได้ชื่อว่า “ดีต่อสุขภาพ” หรือเป็นอาหารคลีนเท่านั้น
- ชอบวิจารณ์หรือตัดสินพฤติกรรมการกินของคนอื่น
- หมดเวลาหลายชั่วโมงไปกับการคิดว่ามื้อต่อไปจะกินอาหารอะไรดี
- รู้สึกเครียด วิตกกังวล หรือหัวเสียสุดๆ เมื่อรู้ว่าสถานที่ที่ไปไม่มีอาหารคลีน หรืออาหารสุขภาพให้กิน
- รู้สึกผิด เป็นกังวล หรือรู้สึกแปดเปื้อน เวลาที่ต้องกินอาหารที่คิดว่าไม่ดีต่อสุขภาพ
- ติดตามแต่โซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับอาหารคลีน หรือไลฟ์สไตล์เพื่อสุขภาพ
- สุขภาพกายแย่ลง เช่น น้ำหนักลดผิดปกติ ไม่ค่อยมีพลังงาน อ่อนเพลียง่าย เหนื่อยล้าตลอดเวลา เวลาป่วยแล้วต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าที่ควร
- ห่วงเรื่องรูปร่างหรือรูปลักษณ์ของตัวเองมาก
ปัญหาที่อาจตามมาจากโรคคลั่งกินคลีน
อาการคลั่งกินคลีนอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ได้ เช่น การขาดสารอาหาร จนส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ทำงานผิดปกติ มีปัญหาอาหารไม่ย่อย กระดูกถูกทำลาย ฮอร์โมนไม่สมดุล ระบบเผาผลาญผิดปกติ และผู้ที่เป็นโรคคลั่งกินคลีนส่วนใหญ่ก็มักจะมีปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคย้ำคิดย้ำทำ โรคทางจิตเวชที่เกิดจากการใช้สุราและสารเสพติด ซึ่งนอกจากจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย ทั้งยังอาจทำให้มีปัญหาในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม หรือส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการเรียนและการทำงานได้อีกด้วย
วิธีแก้ไขเมื่อเข้าข่ายคลั่งกินคลีน
หากเริ่มสงสัยว่าตัวเองอาจเป็นโรคคลั่งกินคลีน สิ่งแรกที่ควรทำคือ การได้รับคำปรึกษาจากคุณหมอ หากวินิจฉัยว่าเป็นโรคคลั่งกินคลีนจริงจะได้รักษาได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ส่วนใหญ่จะรักษาด้วยจิตบำบัดเพื่อช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยบริโภคอาหารหลากหลายประเภทขึ้น กล้าเผชิญหน้ากับอาหารที่ตัวเองรู้สึกหวาดกลัวหรือเคยหลีกเลี่ยง และช่วยให้น้ำหนักกลับมาอยู่ในเกณฑ์ดีต่อสุขภาพ และหากมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เนื่องจากโรคคลั่งกินคลีน หมอก็จะได้รักษาปัญหาสุขภาพนั้นๆ ด้วย
นอกจากเข้ารับการรักษาแล้ว เราก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกินและการใช้ชีวิตโดยรวมด้วย เช่น พยายามกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้หลากหลายขึ้น ออกกำลังกายแต่พอดี อย่าหักโหมเกินไป ทำกิจกรรมผ่อนคลาย หรือใช้เวลาร่วมกับผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเวลากินอาหาร จะได้ไม่หมกหมุ่นอยู่กับตัวเอง หรือนิสัยการกินเดิมๆ มากจนเกินไป และทางที่ดี ควรบอกให้คนใกล้ชิดทราบถึงโรคการกินผิดปกติของตัวเราด้วย พวกเขาจะได้ช่วยเตือนเวลาเห็นเรามีพฤติกรรมการกินที่ผิด
กินคลีนมากเกินไป ไม่ได้แปลว่าดี
ข้อมูลโดยโค้ชเป้ง–สาธิก ธนะทักษ์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา ผู้ฝึกสอนการออกกำลังกาย และวิทยากรรายการสุขภาพ ให้ความรู้ไว้ว่า บางคนคิดว่าอาหารที่ไม่จัดอยู่ในหมวดหมู่อาหารคลีนนั้นเป็นอาหารที่ไม่ดี จนเกิดภาวะที่เรียกว่า Orthorexia nervosa หรือภาวะคลั่งกินคลีนซึ่งคนที่เข้าข่ายนี้จะมีอาการผิดปกติได้แก่รู้สึกผิดเมื่อกินอาหารปกติหรือจังก์ฟู้ดย้ำคิดย้ำทำทำให้คนรอบข้างรู้สึกแย่น้ำหนักตัวต่ำกว่าที่เหมาะสมเครียดจนกระทบกับชีวิตประจำวันทั้งๆที่แนวทางการบริโภคแบบสุดโต่งแบบต่างๆหลายแนวทางไม่ได้มีผลทางวิทยาศาสตร์ใดๆยืนยัน
ถ้าอธิบายแบบพุทธ คนที่มีอาการก็น่าจะเข้าข่าย ‘สีลัพพตปรามาส’ หมายถึง ความเห็นผิดว่าบุคคลจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้ด้วยศีลและวัตรที่เคร่งครัด หรือแม้การยึดถือในศีลและในวัตรที่งมงาย การยึดติดในรูปแบบพิธีรีตอง โดย
- ศีล เป็นหลักความประพฤติที่จำเป็นสำหรับชีวิตและสังคมระดับนั้นๆ เช่น เว้นจากการลักทรัพย์ เว้นจากพูดปด เป็นศีลสำหรับคนทั่วไป จำเป็นสำหรับสังคมสามัญที่จะอยู่โดยสงบสุข
- วัตร เป็นข้อปฏิบัติที่ช่วยเสริมการดำรงอยู่ในศีล และข้อปฏิบัติอื่นๆ ให้มั่นคงแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เช่น พระภิกษุที่ถือวัตรไม่พูดตลอดพรรษาก็ตัดโอกาสที่จะพูดเท็จตลอดจนพูดจาไม่ดีไม่งามอย่างอื่นออกไปจนหมด
วัตถุประสงค์ของการที่ศาสนาพุทธต้องมี 2 อย่างนี้ก็เพื่อส่งเสริมความมักน้อย สันโดษ เคร่งครัด อยู่อย่างสงัด ขัดเกลากิเลส ถ้าผู้ที่ถือปฎิบัตรเห็นว่าตนเป็นผู้ลุ่มหลงในด้านใดเป็นพิเศษ จึงเจาะจงเพื่อกำราบในด้านนั้น เช่น เห็นแก่กิน ติดความอร่อย จึงถือวัตรว่าจะกินวันมื้อ มื้อละจาน ก็เป็นที่น่าชื่นชมที่รู้จักแก้ไขตนเอง แต่ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่าเราดีกว่าใคร ใกล้การบรรลุธรรมกว่าใคร คนที่เคร่งวัตรมากเกินไป พระพุทธเจ้าก็หาได้ยกย่องไม่ กลับตำหนิว่าเป็นการอยู่อย่างแพะแกะสัตว์เลี้ยง ทรงห้ามไม่ให้ปฏิบัติ ไม่งั้นพุทธศาสนาคงมีโยคีทำตัวแปลกๆ มีข้อห้ามเต็มไปหมด
นี่จึงเป็นข้ออันพึงระลึกสำหรับคนที่นิยมเคร่งครัดเข้มงวดจนหลงงมงาย สักว่ายิ่งเคร่งครัดยิ่งดี จนไม่รู้ความหมายว่าทำไปเพื่ออะไร บางคนเคร่งกินคลีนมาก มองอาหารอื่นเป็นสิ่งที่แย่ไปหมด ใครกินจังก์ฟู้ดก็ไปเที่ยวดูถูก หรือแม้กระทั่งตำหนิตนเองเวลากิน ทำให้ตนเองเกิดความทุกข์โดยไม่รู้ตัว
การไปตีตราสิ่งอื่นที่ตัวเองคิดว่าไม่ดีว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายก็คงเหมือนประเด็นที่คุณหมอที่ออกมาตำหนิพ่อแม่ที่ให้เด็กเล่นเกมส์ทั้งๆที่ถ้าให้เล่นแต่พอดีก็มีประโยชน์เยอะแยะแถมเป็นการฝึกให้มีวินัยมีภูมิต้านทานต่อสิ่งที่ยั่วยวนได้อีกเช่นเดียวกันถ้าคุณมีลูกคุณจะห้ามลูกกินขนมหรือน้ำหวานตลอดชีวิตได้หรือไม่แล้วตัวคุณเองจะทำได้ตลอดชีวิตไหมและจะทำไปเพื่ออะไรควรตอบตนเองได้
สิ่งสำคัญกว่า Eat clean คือ Eat right
ยืนยันอีกครั้ง ใครกินคลีนแล้วมีความสุขผมก็ยินดีด้วย แต่ถ้ากินคลีนแล้วรู้สึกทุกข์ก็ปรับเปลี่ยนเสียหน่อย ส่วนใครยังมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว สุขภาพ ก็ควรปรับปรุงพฤติกรรมการกินให้ดีขึ้นเพราะสิ่งสำคัญกว่า Eat clean ก็คือ Eat right ซึ่งสิ่งจำเป็นที่คุณควรรู้ก็คือตนเองควรกินวันละกี่แคลอรี่เป็นโปรตีนไขมันคาร์โบไฮเดรตอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ต้องกินผักผลไม้วันละเท่าไรหรือการกินที่ถูกสุขลักษณะเป็นอย่างไรถ้ายังตอบคำถามง่ายๆนี้ไม่ได้ก็ควรศึกษาเพิ่มเติม
สุดท้ายเราเองต้องลองทบทวนดูว่าทำไมคนสุขภาพดีและหุ่นดีมากมายสามารถกินได้อย่างมีความสุขเพราะถ้าเราออกกำลังกายมากขึ้นเราก็มีโควต้าการกินที่มากขึ้นกินแต่พอดีไม่ได้มีอาหารอะไรเลวร้ายถึงขนาดเป็นยาพิษเพราะทุกสิ่งประกอบด้วยหลายปัจจัยการจะมีสุขภาพที่ดีควรหาจุดสมดุลของการกินการออกกำลังกายและความสุขในชีวิตให้เจอกัน
.
อ้างอิง สสส. / Orthorexia nervosa ภาวะคลั่งกินคลีน! / Washington Post