เปิดปม !! พุทธมณฑลปัตตานี “ไม่เกิด” ??
โดย อุทัย มณี
หากผู้เขียนเป็นคนจังหวัดเชียงราย ตอนนี้คงไม่มีอะไรที่น่าดีใจไปกว่า การได้มาซึ่งดินในการสร้างพุทธมณฑลจังหวัดเชียงราย หลังยืดเยื้อมากว่า 70 ปี
!@ เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับคณะสงฆ์จังหวัดเชียงรายที่มุ่งมั่น
!@ เรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับผู้บริหารท้องถิ่นและภาครัฐในพื้นที่ ที่ร่วมด้วยช่วยกันในการผลักดัน ในด้านเอกสารและร่วมกันเป็นพยายามในการใช้ที่ดิน
!@ เรื่องนี้ต้องยกความดีให้กับนักการเมืองตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับชาติ ที่ประสานกันได้อย่างลงตัว
!@ ที่สำคัญเรื่องนี้ จะเกิดขึ้นมิได้ หากไม่ได้การประสานงานจากคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร
และที่สำคัญที่สุด..เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มี “คนเดินเรื่อง”
ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะ “ใจประสานใจ” ของหมู่ชาวพุทธทั้งในส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง โดยเฉพาะผู้นำท้องถิ่น-นักการเมืองและคนเดินเรื่อง
อยากเห็นความสามัคคีของหมู่ชาวพุทธแบบนี้เกิดขึ้น ณ จังหวัดปัตตานี
ดำเนินการเรื่อง...พุทธมณฑลจังหวัดปัตตานี
พุทธมณฑลปัตตานีเปลี่ยนสถานที่มาแล้ว 4 ครั้ง ระดมทุนไปแล้วไม่รู้กี่รอบ
ล่าสุดได้ข่าวกลับไปสู่จุดเดิมที่เจ้าคณะจังหวัดรูปเก่า เคยกำหนดและระดมทุนเอาไว้คือ ณ บ้านมะพร้าวต้นเดียว อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
พุทธมณฑลปัตตานี เริ่มคิดและทำมาตั้งแต่ปี 2545 ยึดเยื้อมานานเกือบ 20 ปี ยังไม่มีอะไรคืบหน้า
ที่ยืดเยื้อ..ชาวพุทธเราอาจไปโทษคนต่างศาสนา ซึ่งต้องยอมรับส่วนหนึ่งใช่ แต่มิใช่ประเด็นหลักของการเกิดหรือไม่เกิดพุทธมณฑลปัตตานี
เท่าที่รู้..ไม่มีผู้มีบารมี ทั้งพระสงฆ์และฆราวาส ฟันธงชี้ชัดทั้ง “สถานที่สร้างและระดุมทุน”
ไม่ต้องคิดมาก..แค่เปลี่ยนสถานที่มาแล้ว 4 ครั้ง บ่งบอกชัดว่า ชาวพุทธขาดความสามัคคี
การสร้างพุทธมณฑลปัตตานีเริ่มมาตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัดองค์เก่าจุดแรกที่คิดจะทำคือ
จุดแรก คือ บ้านมะพร้าวต้นเดียว อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซื้อที่ระดมทุนเรียบร้อย ที่ดินติดทะเล
จุดที่สอง เปลี่ยนไปเป็นสถานที่ติดริมทะเลบริเวณอ่าวปัตตานี ซึ่งเป็นที่ดินเปล่าขนาดใหญ่จากการงอกของแผ่นดิน ตั้งอยู่หมู่ 6 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมืองปัตตานี
ตรงนี้ถูกต่อต้านยังหนังทั้งคนในพื้นที่และนักวิชาการ นักการศาสนาอิสลาม เพราะไปเป็นแหล่งชุมชนของคนนับถือศาสนาอิสลาม
แม้กระทั้ง ประธานคณะกรรมอิสลามจังหวัดปัตตานี และประธานเครือข่ายคณะกรรมการอิสลาม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ออกมาต้าน
ตอนหลังแม้จะเปลี่ยนชื่อจาก พุทธมณฑลปัตตานีเป็น เจดีย์รวมใจคนในชาติ แล้วก็ยังวุ่นไม่จบ วุ่นวาย..จนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกโรงระงับ
จุดที่สาม ข้าง ๆวัดหลักเมือง ติดกับวิทยาลัยสงฆ์ปัตตานี มจร มีที่ดินผืนใหญ่ แต่ต้องหาทุนเยอะหลายร้อยล้านบาท ติดปัญหาเรื่องระดมทุนอีก จนต้องถอย
จุดที่สี่ มีความพยายามจะไปสร้างแถว ๆ วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธ์ ก็ไม่สำเร็จอีก จนล่าสุดถอย..มาอยู่จุดแรกคือ บ้านมะพร้าวต้นเดียว
เรื่องการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดปัตตานี เท่าที่รู้ตอนนี้ มีทั้ง “ศึกภายใน..และศึกภายนอก” คือ ในหมู่ชาวพุทธ ทั้งคณะสงฆ์และฆราวาส ไปคนละทิศคนละทาง ในพื้นที่ก็มีคนมุสลิมบางคนคัดค้าน..แต่ผู้คนอิสลามส่วนใหญ่ “รู้รักสามัคคี”
เข้าใจซึ่งกันและกัน..ไม่มีปัญหา ไปมาหาสู่กันได้ด้วย “กัลยาณมิตร”
ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี คนทำงานบางคนทั้งพระและฆราวาสล้มตายจากไปแล้วก็มี บางรายขอถอยเพราะ “ทิฎฐิพระ..มานะเจ้า”
ตอนนี้ในพื้นที่จังหวัดปัตตานีไร้ผู้มีบารมีนำทัพ ก่อเกิด “พุทธมณฑลปัตตานี”