พาทัวร์ Thailand Pavilion ในงาน World Expo 2020 Dubai
ชื่นชมความเป็นไทยในงานใหญ่ระดับโลก โพสต์ทูเดย์ พาเที่ยวชมอาคารแสดงประเทศไทย (Thailand Pavilion) ในงาน World Expo 2020 Dubai ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
World Expo
ยิ่งใหญ่สมกับเป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลก สำหรับงานมหกรรมโลกเวิลด์ เอ็กซ์โป (World Expo) ซึ่งครั้งนี้จัดขึ้น ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว ณ สหราชอาณาจักร ใน พ.ศ. 2394 และได้กลายเป็นงานระดับนานาชาติที่จัดขึ้นทุก 5 ปี โดยหมุนเวียนประเทศเจ้าภาพในหมู่ประเทศภาคีสมาชิกของสำนักงานมหกรรมโลก (Bureau of International Expositions หรือ BIE) มีวัตถุประสงค์หลักในการให้การศึกษาแก่สาธารณชน ด้วยการแสดงถึงนวัตกรรมล่าสุด ความก้าวหน้าทางศิลปวิทยาการ ทิศทางการพัฒนาในอนาคต และการให้ความช่วยเหลือแก่มวลมนุษย์ ทั้งยังเปิดโอกาสให้สาธารณชนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน พร้อมเรียนรู้ความก้าวหน้า และพัฒนาการของศาสตร์แขนงต่างๆ ตลอดจนเทคโนโลยี ภูมิปัญญาท้องถิ่น มรดกทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
World Expo 2020 Dubai
งาน World Expo 2020 Dubai นับเป็นงานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยมีประเทศต่างๆ เข้าร่วมงาน World Expo ครั้งนี้ จำนวน 192 ประเทศ พร้อมองค์กรพัฒนาเอกชน และผู้ให้การสนับสนุนต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก Connecting Minds, Creating the Future หรือ เชื่อมความคิด สร้างอนาคต เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อนให้เกิดความก้าวหน้าด้วยการเชื่อมโยงระหว่างผู้คน องค์กร และประเทศต่างๆ รวมถึงแบ่งปันความรู้ความก้าวหน้าทางนวัตกรรม และกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจในการร่วมมือกันสร้างสรรค์อนาคตอย่างยั่งยืน โดยแนวคิดในการจัดงานครั้งนี้ถูกแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อย่อย ได้แก่
- โอกาส (Opportunity)
- การขับเคลื่อน (Mobility)
- ความยั่งยืน (Sustainability)
Thailand
สำหรับประเทศไทย เข้าร่วมแสดงนิทรรศการระดับโลก World Expo 2020 Dubai ครั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบและเป็นตัวแทนประเทศไทยในการเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการ (จัดขึ้นระหว่าง 1 ตุลาคม 2564 - 31 มีนาคม 2565) รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 6 เดือน ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักและความเชื่อมั่นในศักยภาพการพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่างๆ ของประเทศไทย รวมถึงกระชับความสัมพันธ์ด้านการต่างประเทศ และนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลไทยกับนานาประเทศ
สำหรับอาคารแสดงประเทศไทย ขึ้นแท่นไฮไลท์เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ โดยงานใหญ่ของประเทศไทยใน "วันชาติไทย Thai National Day" (วันที่ 5 ธันวาคม) ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทางอาคารแสดงประเทศไทยจะได้หยิบยกอัตลักษณ์และเสน่ห์ของวัฒนธรรม รวมถึงประเพณีอันล้ำค่าของไทย ภายใต้แนวคิด Miracle of Smile มหัศจรรย์แห่งรอยยิ้ม มาแสดงสู่สายตาประเทศสมาชิกทั่วโลก ที่ Al Wasl Plaza โดมหลักใจกลางงานเวิลด์เอ็กซ์โปในครั้งนี้ นอกจากนี้ ยังมีการแสดงประจำวันบริเวณด้านหน้าอาคารแสดงประเทศไทยให้นักท่องเที่ยวได้ตื่นตาตื่นใจในทุกๆ วัน
Thailand Pavilion อาคารแสดงประเทศไทย
อาคารแสดงประเทศไทย หรือ Thailand Pavilion เป็นหนึ่งในอาคาร Self-Build Pavilion ตั้งอยู่โซน Mobility ซึ่งมองเห็นโดดเด่นเพราะขนาดที่ใหญ่ และตั้งอยู่ใกล้กับ Mobility Pavilion โดยมีขนาดพื้นที่ 3,606 ตรม. หรือ 2.25 ไร่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยเข้าร่วมในงานเวิลด์เอ็กซ์โป อาคารแสดงประเทศไทยนำเสนอภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the Future) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคต (Creating the Future) และเป็นเวทีประกาศศักยภาพการเป็นผู้นำเทคโนโลยีดิจิทัลของไทยในเวทีระดับโลก ผ่านการพัฒนาด้านดิจิทัลของประเทศไทยในมิติ Digital for Development ต่อยอดจากประเทศที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลก ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนสุวรรณภูมิและวัฒนธรรมอันโดดเด่นแบบสยามเมืองยิ้ม ไปสู่การเป็นศูนย์กลางการพัฒนาด้านดิจิทัลที่สามารถเชื่อมต่อทุกคนไปยังทุกที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยภายในอาคารแสดงประเทศไทย แบ่งการนำเสนอออกเป็น 4 ห้องนิทรรศการหลักด้วยเทคนิคพิเศษต่างๆ เพื่อความน่าสนใจ
การออกแบบอาคารแสดงประเทศไทยได้นำเอาเสน่ห์ของคนไทยมาร้อยเรียงอยู่ในทุกองค์ประกอบ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าชมตั้งแต่แรกเห็นผ่านดอกไม้ไทยคือ ดอกรัก ซึ่งเปรียบเสมือนการต้อนรับอันอบอุ่นจากคนไทย โดยดอกไม้ยังเป็นสัญลักษณ์เพื่อสื่อถึงการพัฒนาที่แผ่ขยายในวงกว้าง เปรียบเสมือนเกสรดอกไม้ที่แผ่กระจายและส่งต่อการเจริญเติบโตต่อไป
สีทอง เป็นสีหลักของตัวอาคารฯ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และแหล่งอารยธรรมของประเทศไทยตั้งแต่ครั้ง “สุวรรณภูมิ” อาณาจักรไทยที่ยิ่งใหญ่เปี่ยมไปด้วยอารยธรรมยาวนานในอดีต และคนไทยนิยมใช้สีทองเป็นสีของอาคารเครื่องยอดต่างๆ เพื่อแสดงถึงความสำคัญของอาคารแห่งนั้น ตัวอาคารโดดเด่นด้วยลวดลายการถักทอคล้ายม่านดอกไม้ (ดอกรัก) เพื่อสื่อถึงการเชื่อมต่อ หรือ Connecting Minds ของคนไทยในยุคดิจิทัล และยังดึงเอาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของสถาปัตยกรรมไทยอย่างศาลาหน้าจั่ว ซึ่งมีลักษณะคล้ายการไหว้ที่งดงามมาเป็นทางเข้าตัวอาคารที่พร้อมเปิดต้อนรับทุกคนจากทั่วโลก
พวงมาลัย คือพวงดอกไม้ที่เกิดจากการนำดอกไม้ใบไม้ชนิดต่างๆ ที่มีกลิ่นหอม มาร้อยเรียงให้เป็นพวงดอกไม้มีสีสันและองค์ประกอบที่อ่อนช้อย งดงาม นำมาใช้ในโอกาสมงคล เช่น ไหว้พระ บิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ และที่สำคัญใช้สำหรับการ “ต้อนรับ” ผู้คน และสิ่งหนึ่งที่ทุกคนสามารถรับรู้หรือสัมผัสได้เมื่อได้รับ “พวงมาลัย” คือ “กลิ่นหอม” จากดอกไม้ รูปแบบของการร้อยมาลัยจึงถูกนำมาใช้ในงานผนังตกแต่งของอาคาร เพื่อสร้างจินตภาพให้กับผู้เข้าชมอาคาร รับรู้ถึงกลิ่นหอมและรู้สึกถึง “กลิ่นไทย” ด้วยองค์ประกอบที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ทำให้อาคารแสดงประเทศไทย สามารถแสดงถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม และรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยได้อย่างชัดเจน
ประเทศไทยใช้สัญลักษณ์นำโชค MASCOT เป็นตัวการ์ตูนสุดน่ารักในชื่อ “รัก” (RAK) และ “มะลิ”(MALI) มาสคอตสองพี่น้องตัวแทนประเทศไทยทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวของประเทศไทยสร้างจากแรงบันดาลใจคือดอกรักและดอกมะลิดอกไม้สำคัญของไทยที่ใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการร้อยพวงมาลัยเพื่อมอบให้ผู้มาเยือนแสดงถึงมิตรไมตรีและการต้อนรับอย่างอบอุ่นจริงใจ
4 ห้องนิทรรศการภายในอาคารแสดงประเทศไทย
1 : Thai Mobility ผ่านความงดงามของศิลปะไทย
การจัดแสดงในรูปแบบ Walkthrough Exhibition ที่ผู้เข้าชมจะได้พบกับความงดงามตระการตาของ “เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์จำลอง” ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือพระที่นั่งในพระราชพิธีกระบวนพยุหยาตราชลมารค และราชรถในตำนาน ซึ่งเป็นพาหนะเดินทางในวรรณคดีของไทยที่มีความงดงามอย่างยิ่ง
2 : Mobility of Life น้ำขับเคลื่อนชีวิตไทย
การจัดแสดงในรูปแบบ Aquatic Performance สะท้อนภาพประวัติศาสตร์ สังคม ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตจากอดีตสู่ปัจจุบัน ภายใต้ร่มพระบารมีของพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ ด้วยพระอัจฉริยภาพและโครงการในพระราชดำริ จึงทำให้ประเทศไทยพัฒนากลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคพร้อมต้อนรับนานาประเทศที่มาท่องเที่ยว ลงทุน ทำธุรกิจ ฯ
3 : Mobility of The Future การขับเคลื่อนประเทศในยุคดิจิทัล
การจัดแสดงในรูปแบบ 360 Adventure พาผู้ชมขึ้นโดรน พาหนะแห่งอนาคต เดินทางสู่ภาพอนาคตจำลองของประเทศไทยที่พัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ทั้ง 7 มิติ ได้แก่ SMART Economy (การเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจและการลงทุน) SMART Mobility (ระบบการขนส่งและการเดินทางที่ทันสมัย) SMART People (การศึกษาที่เข้าถึงทุกคนไม่ว่าจะอยู่ใกล้หรือไกล) SMART Living (การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี) SMART Governance (การพัฒนาระบบข้อมูลและการให้บริการภาครัฐ) SMART Environment (การบริหารจัดการทรัพยากร) และ SMART Energy (การบริหารจัดการด้านพลังงาน) ด้วยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลักดันตัวเองเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีดิจิทัลในภูมิภาคอีกด้วย
4 : Heart of Mobility หัวใจหลักของการขับเคลื่อน
การจัดแสดงในรูปแบบ “หนังสั้นจากเรื่องจริง” โดยใช้เทคนิคคือ PYRAMID MOTION PICTURE ผ่านคำบอกเล่าของชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย ในแง่มุมต่างๆ กับเสน่ห์แบบไทยที่สร้างความประทับใจให้ทั่วโลก ซึ่งนั่นคือหัวใจของการขับเคลื่อนประเทศอย่างแท้จริง
ร้านอาหารไทย The Taste of Thai และร้านของที่ระลึก Thai Souk
ร้าน The Taste of Thai โดย “ลิตเติ้ล แบงค็อก” (Little Bangkok) ซึ่งถือเป็นร้านอาหารไทยยอดนิยมในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดดำเนินงานโดยคนไทย ซึ่งจะมาให้บริการบริเวณชั้นล่างของอาคารแสดงประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 160 ตร.ม. มีการตกแต่งร้านแบบคอนเทมโพรารี่ หรือไทยร่วมสมัย เน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพ และวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เน้นการปรุงสดใหม่ อาทิ ต้มยำกุ้ง, มัสมั่น, แกงเขียวหวาน, ผัดไท, ผัดเปรี้ยวหวาน, ผัดกะเพรา, น้ำสมุนไพรและขนมไทยสลับเปลี่ยนตลอดการจัดงาน ส่วน Thai Souk พื้นที่ของที่ระลึกและพื้นที่จัดแสดงสินค้าไทยที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการคัดเลือกสุดยอดสินค้าดี สินค้าเด่นของไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์งานหัตถกรรมฝีมือของคนไทย ผลิตภัณฑ์กลุ่มสุขภาพ สปา และเครื่องสำอาง ของที่ระลึก เครื่องประดับ อาหารและเครื่องดื่ม
กิจกรรมวันพิเศษของอาคารแสดงประเทศไทย
สำหรับกิจกรรมพิเศษของอาคารแสดงประเทศไทย จัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Best of Thailand เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศไทยเพื่อแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และศักยภาพด้านต่างๆ ของประเทศไทยบนเวทีโลก อาทิ วันชาติไทย ซึ่งยังมีโอกาสสำคัญให้ไปชมกันได้อีก ดังนี้
- 5 มกราคม – 17 กุมภาพันธ์ 2565 เทศกาลดิจิทัลและนวัตกรรม Thailand Digital and Innovation Festival
จัดขึ้นเพื่อแสดงศักยภาพด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมจากการคิดค้นของคนไทยให้ทั่วโลกได้รับรู้ ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นำเสนอโดย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม และ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
- 20 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม 2565 สัปดาห์พลังงานและสิ่งแวดล้อม Energy and Environment Week
นำเสนอการแสดงนวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าผ่านนิทรรศการแสดงผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด “Energy 4.0” นำเสนอโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กระทรวงพลังงาน
- 11 – 19 มีนาคม 2565 เทศกาลแห่งความสุข Festival of happiness: Thai Happiness Week with "Thai Select"
อาคารแสดงประเทศไทย ส่งต่อความสุข ด้วยการนำผลไม้ไทยตามฤดูกาล มาจัดแสดงและแจกให้แก่ผู้เข้าชมงาน พร้อมกับการออกร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai Select เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์ของอาหาร และผลไม้ไทย นำเสนอโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองดูไบ กระทรวงพาณิชย์
- วันสงกรานต์ : 25 มีนาคม 2565
- เทศกาลสงกรานต์ 23 – 31 มีนาคม 2565
เทศกาลสงกรานต์ Songkran Festival ส่งท้ายการจัดงาน World Expo 2020 Dubai ด้วยสัปดาห์แห่งรอยยิ้มและความชุ่มฉ่ำของสายน้ำ ในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งถือเป็นการเฉลิมฉลองวันปีใหม่ของไทยที่ยึดถือปฏิบัติมาแต่โบราณ โดยเชิญชวนให้ผู้เข้าชมงานมาร่วมสัมผัสประสบการณ์ความสนุกเสมือนการเล่นน้ำสงกรานต์ที่ประเทศไทย นำเสนอโดยกระทรวงวัฒนธรรม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ World Expo 2020 Dubai และ Expo 2020 dubaithailand
.