เอเชียน เกมส์ สุดท้าย ! กับเส้นทางที่ไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ "เทนนิส" พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ
"เทนนิส" พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักเทควันโด สาวทีมชาติไทยคว้าเหรียญทอง เอเชียน เกมส์ 2022 ได้สำเร็จ แต่ใครจะรู้ว่าเส้นทางการป้องกันแชมป์ของเธอ ไม่เคยง่าย"เทนนิส"แบกความเจ็บปวดด้วยร่างกายที่ไม่พร้อมมาแข่งในภารกิจเอเชียน เกมส์ ครั้งสุดท้ายนี้
ถึงตอนนี้ชื่อของ"น้องเทนนิส" พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ ไม่มีใครไม่รู้จักว่าเธอคือจอมเตะสาวเทควันโดที่เก่งที่ทสุดในโลกในรุ่นของเธอ แม้ว่าช่วงแรกที่เธอเข้าวงการใหม่ๆ หลายคนจะสับสนว่าเธอเล่นเทควันโด หรือเทนนิส ตามชื่อเล่นที่คุณพ่อผู้บ้ากีฬาตั้งให้นั่นเอง
เส้นทางการได้เหรียญทองเอเชียน เกมส์ ครั้งนี้ของ"น้องเทนนิส" เธอชนะบายในรอบแรก ส่วนรอบ 16 คนเทนนิสชนะ ทามัง อันจาลี จากเนปาล 2-0 ยก (สกอร์ 12-0, 10-0)
ส่วนรอบ 8 คน เทนนิส ชนะ จวง เทียน หยู จาก ไต้หวัน 2-0 ยก (6-1 และ 11-7)
รอบรองชนะเลิศ ชนะ มันโนโปว่า มาดิน่าโบนู จาก อุซเบกิสถาน 2-0 ยก (2-1 และ 8-7)
ส่วนรอบชิงชนะเลิศ ก็สุดดราม่า เทนนิสเกือบจะแพ้อยู่แล้ว แต่กลับมาชนะไป2-1 ยก 7-6 ,1-2 และ 12-9 และคว้าเหรียญทองไปครอง
เอ็นไขว้ขาหลังขาดแต่กัดฟันมาป้องกันแชมป์
ท่ามกลางรอยยิ้มจากการได้เหรียญทอง มันปนคราบน้ำตา ความเจ็บปวดที่เธอต้องกัดฟันพาร่างกายที่บาดเจ็บตั้งแต่ก่อนเอเชียน เกมส์จะเริ่ม พานิภัคมีอาการเจ็บเอ็นไขว้ขาหลังขาดรบกวนมาตลอด และมาบาดเจ็บซ้ำก่อนเดินทางมาจีน
การรักษาให้หายขาดทำได้ด้วยการผ่าตัด แต่มันต้องใช้เวลาพักฟื้นนานถึง 6 เดือน ดังนั้นจอมเตะสาวไทยรายนี้จึงกัดฟันสู้ขอลงแข่งจนผ่านเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ แถมยังต้องฝืนลากยาวไปจนการแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2024 เธอถึงจะเข้ารับการผ่าตัดให้หายขาด ทว่ากว่าจะถึงวันนั้น "น้องเทนนิส" ก็เลิกเล่นกีฬารายการนี้ไปแล้วตามที่เธอประกาศเจตนารมย์ชัดเจนว่า "พอแล้วกับการแข่งเทควันโด"
นักกีฬาเทควันโดไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์
พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ถือเป็นนักกีฬาซูเปอร์ตาร์อันดับต้นของไทยในปัจจุบัน จอมเตะสาวจากสุราษฎร์ธานีวัย 26 ปีเป็นนักนักกีฬาเทควันโดไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการกวาดแชมป์มาหมดแล้วทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็น โอลิมปิกเกมส์, แชมป์โลก, เวิลด์ กรังปรีซ์, เอเชียนเกมส์, ซีเกมส์ และทัวร์นาเมนต์ต่างๆ อีกนับไม่ถ้วน
เท่านั้นไม่พอ พาณิภัค ยังเป็นนักกีฬาเทควันโดไทยเพียงคนเดียวในหน้าประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์โลกได้ถึง 2 สมัย จาก 2 รุ่นน้ำหนัก โดยในปี 2015 ครองแชมป์โลกสมัยแรก จากรุ่นไม่เกิน 46 กิโลกรัม ความโดดเด่นที่ชัดเจนของเธอคือ หลังจบโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ ประเทศบราซิล ซึ่งเธอคว้าเหรียญทองแดง “เทนนิส” ยกระดับความสามารถขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งก้าวขึ้นมาครองมือ 1 ของโลกเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม 2018 และปี 2019 คว้าแชมป์โลกได้อีกสมัย ซึ่งในรุ่น 49 กิโลกรัม เธอทำสถิติไร้พ่ายอย่างยาวนาน จนไปคว้าเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ “โตเกียว 2020” ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ส่วนผลงานในระดับ ซีเกมส์ พาณิภัค ครองเหรียญทอง 4 สมัยติดต่อกันขณะที่เอเชียนเกมส์เธอไปแข่งครั้งแรก "อินชอนเกมส์" ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2014 ตอนนั้น "น้องเทนนิส" แข่งในรุ่นไม่เกิน 46 กิโลกรัม และคว้าเหรียญทองแดง
จากนั้นในเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่ประเทศอินโดนีเซีย เทนนิส ขยับมาแข่งในรุ่น 49 กิโลกรัม ที่เธอยกระดับตัวเองมาเก่งที่สุดในโลกของรุ่นนี้แล้ว เอเชียน เกมส์ 2018 เทนนิส ได้เหรียญทองไปครอง
ซ้อมสุดโหดตลอด 20 ปี จนเท้าที่ผิดรูป สู่เบอร์ 1โลก
ภาพรอยเท้าที่ผิดรูป เป็นผลลัพธ์มาจากการฝึกซ้อมอันแสนหนักหน่วงของ เทนนิส ตั้งแต่เล็กยันโต ที่เธอเสียสละช่วงชีวิตในวัยเด็กหมดไปกับการฝึกซ้อม เพื่อก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองในทุกด้าน ซ้อมวันละ 6-7 ชั่วโมงและใช้เวลานานกว่านั้นเมื่อใกล้ช่วงแข่ง เตะเป้าเตะคู่แข่งจนรูปเท้าเสียทรง ระหว่างแข่งเจ็บแค่ไหนก็ต้องอดทนผ่านไปให้ได้
"หนูไม่เคยมองว่าตัวเก่งกว่าใคร อันดับโลกไม่เคยมีความหมาย ทุกคนมีโอกาสแพ้ชนะเท่ากันหมด แต่เมื่อเรามาอยู่ในจุดนี้ แน่นอนว่าใคร ๆ ต่างก็พุ่งเป้าหมายมาที่เราและอยากเอาชนะเราให้ได้”
“สิ่งที่หนูทำได้ก็คือต้องอดทนมากกว่าคนอื่น อดทนในที่นี้หมายถึงอดทนกับความเหนื่อยจากการแข่งขัน การฝึกซ้อม หรือจากปัญหาส่วนตัวที่บางครั้งมันก็ผ่านเข้ามา ถึงอยากจะพักเราก็พักไม่ได้ เพราะถ้าเราพักเมื่อไหร่นั่นหมายความว่าเปิดช่องให้คู่แข่งไล่ตามทัน" นั่นคือบทสัมภาษณ์ของ "น้องเทนนิส"