posttoday

ทีมชาติไทยแพ้ 8-0 สะท้อนความเละเทะ จากผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการฟุตบอล

13 ตุลาคม 2566

ความพ่ายแพ้ของทีมชาติไทยในเกมอุ่นเครื่องไม่ใช่ว่าเกิดขึ้นไม่ได้ แต่สกอร์ที่แพ้เละเทะ 8-0 มันมีไส้ในความวุ่นวายในวงการฟุตบอลที่เห็นประโยชน์ของสโมสรมาก่อนทีมชาติ

ความพ่ายแพ้ของทีมชาติไทย ต่อ จอร์เจีย 8-0 เป็นผลงานประเด็นร้อนที่แฟนบอลพูดถึงกันว่อนโซเชียล เพราะไม่คิดว่าทัพ"ช้างศึก"จะบุกไปแพ้เละเทะขนาดนี้

หลายคน (ผู้บริหารไทยลีกบางสโมสร) อาจจะอ้างเหตุผลที่ไม่ปล่อยตัวผู้เล่นตัวหลักมาแข่งว่า อยากให้ทีมชาติไทยได้ลองตัว ทั้งที่จริงแล้วพวกเขาอยากเก็บแข้งตัวหลักของพวกเขาเอาไว้ใช้งานมากกว่า คิดแค่ว่า ยังไงก็แพ้อยู่แล้วจะบินไปให้เหนื่อยให้เสียเวลาทำไม

แพ้กับทีมที่แข็งกว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่แพ้ 8-0 มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้น เรื่องนี้สะท้อนถึงมุมมองและความคิดว่า พวกสโมสรเอง ก็ไม่ได้หวังถึงฟุตบอลไทยได้พัฒนาไปข้างหน้า แต่ไม่อยากให้ทีมตัวเองเสียเปรียบคู่แข่งแค่นั้นเอง

การแข่งขันตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ เราจะอ้างว่าลองตัวไม่ได้ เพราะจอร์เจีย เขาตอบรับคำเชิญเราแล้ว และเขาก็จัดเต็มส่งตัวหลักที่ค้าแข้งในลีกใหญ่ๆลงครบ นี่คือการให้เกียรติเราด้วยการส่งผู้เล่นชุดเต็ม

แล้วทีมชาติไทยล่ะให้เกียรติเขาแค่ไหน ส่งนักเตะอายุไม่เกิน 23 ปีไปยังไม่พอ บางคนในลีกยังไม่ได้ลงเลย กลับได้ติดทีมชาติลงในเกมระดับนี้

เราไปย้อนดูกันว่าทำไมเรื่องนี้จึงเป็นปัญหา และทำไมสโมสรใหญ่ถึงไม่ยอมปล่อยผู้เล่นตัวหลักไปร่วมทีมชาติ

ทีมชาติไทยแพ้ 8-0 สะท้อนความเละเทะ จากผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการฟุตบอล

ย้อนรอยก่อนไทยบุกยุโรป

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่าทีมชาติไทย ไม่ใช่ทีมที่แข็งแกร่งหรือโดดเด่นเรื่องฟุตบอล จึงไม่ค่อยมีทีมจากนอกทวีปเชิญเราไปอุ่นเครื่องเท่าไหร่ หากเราจะแข่งกับทีมจากนอกทวีปคือเชิญมาแข่งในรายการฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ซึ่งทีมเหล่านี้ก็มาเพื่อพักผ่อนด้วยซ้ำ

ปี 2010 คือครั้งล่าสุด (ก่อนไปเยือนจอร์เจีย) ที่ทีมไทยได้รับเชิญจากทีม แอฟริกาใต้ไปอุ่นเครื่อง ตอนนั้นนักเตะไปก็ไม่สมประกอบมีไปเพียง 17 คนและแพ้ทีมแอฟริกาใต้ 4-0 

เกมกับจอร์เจียเมื่อวันที่ 12 ต.ค. คือครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่เราได้ออกนอกบ้านไปเจอกับทีมที่แข็งแกร่ง นักเตะระดับท็อปเล่นในเกมที่จริงจังรวดเร็วในเวทียุโรปทุกสัปดาห์อย่างจอร์เจีย 

เรื่องนี้ฝ่ายต่างประเทศไทยของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯทำหนังสือเชิญไปหาชาติต่างๆ ทั่วโลกตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย. 65 และเป็น จอร์เจีย กับ เอสโตเนีย ที่ตอบรับคำเชิญของเรา ซึ่งทั้ง 2 ทีมดังกล่าวมีอันดับโลกที่สูงกว่าไทย นี่คือโอกาสดีที่ไทยจะได้เล่นกับทีมที่แข็งแกร่ง และทำคะแนนในฟีฟ่า แรงค์กิ้งให้ดีขึ้นมาบ้าง

ทีมชาติไทยแพ้ 8-0 สะท้อนความเละเทะ จากผลประโยชน์ทับซ้อนในวงการฟุตบอล

"ฟีฟ่าเดย์"โปรแกรมที่ไม่ได้เพิ่งประกาศ
จนมาถึงการประกาศอย่างเป็นทางการช่วงเดือน กุมภาพันธ์ 2566 ว่าเราจะออกไปเยือนยุโรแข่งกับจอร์เจีย และเอสโตเนีย ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วปลายของ ไทยลีก 2022-23 นั่นหมายความว่าปฏิทินฟุตบอลไทย 2023/24 ยังไม่ประกาศออกมา

พอฟุตบอลไทยลีกจบ เริ่มฤดูกาลใหม่มีการวางโปรแกรม โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ บ.ไทยลีก จำกัด ออกปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลไทย 2023-24 ซึ่งเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดนี้ ถูกใส่เข้าไปในปฏิทินด้วย

ทุกสโมสรรับทราบเป็นอย่างดี เพราะ 2 เกมนี้ถูกบรรจุไว้ในช่วง ฟีฟ่า เดย์ อยู่แล้ว
 

ทว่าด้วยการจัดโปรแกรมลีก และมีรายการเพิ่มเติมที่อัดแน่นเข้ามาอย่างคิงส์ คัพ รวมถึงทีมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่ต้องไปแข่งฟุตบอล AFC แชมเปี้ยนส์ ลีก ยิ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาของหลายสโมสรที่ไม่ต้องการปล่อยตัวนักเตะออกมาร่วมทีมชาติ

หลายสโสรในไทยมีคิวเตะไทยลีกหลังจบฟีฟ่าเดย์ 2 วันจึงเลือกไม่ปล่อยนักเตะไปเล่นทีมชาติ : เครดิตภาพสโมสรบุรีรัมย์

นั่นเองจึงทำให้ทำให้เกมอุ่นเครื่องระดับ A Match ในช่วงฟีฟ่าเดย์ เดือน ต.ค. กับจอร์เจีย และ เอสโตเนีย มีปัญหาขึ้นมา

ฟีฟ่า เดย์ ถูกกำหนดไว้คือ ระหว่างวันที่ 9-17 ต.ค.66 และกำหนดไว้นานเป็นปีไม่ใช่เพิ่งมาวางโปรแกรม ส่วนไทยลีกมีเวลาจัดผังและเลื่อนโปรแกรมให้เหมาะสมได้ 

แต่พวกเขามาเตะนัดที่ 7 วันที่ 8 ต.ค.66 เท่ากับว่านักเตะจะมีเวลาฝึกซ้อม 3 วันก่อนเจอ จอร์เจีย วันที่ 12 ต.ค. ส่วนวันที่ 17 ที่เราจะพบกับเอสโตเนีย คือวันสุดท้ายตามปฏิทินฟีฟ่า หลังจากจบแมตช์กับ เอสโตเนีย นักเตะไทยต้องบินกลับมารับใช้ต้นสังกัดใน ไทยลีก ที่มีโปรแกรมเตะนัดที่ 8 ในวันที่ 20 ต.ค.66 

นั่นคือที่มาของ 3 ทีมใหญ่ที่ไปเล่นใน ACL เลือกจะเก็บแข้งหลักเอาไว้ใช้งาน ไม่ปล่อยตัวไปเล่นให้ทีมชาติไทยในโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ 

กฤษดา กาแมน กัปตันทีมชาติไทยจากสโฒสรชลบุรี เอฟซี : ภาพจากช้างศึก

เมื่อสโมสรมีอำนาจเหนือทีมชาติ
จากการประชุมคณะทำงาน ไทยลีก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.66 มีความเห็นจากผู้บริหารใหญ่ในไทยลีก ว่าเกมอุ่นเครื่องครั้งนี้ไม่น่าเกิดประโยชน์เท่าไหร่ 

เพราะนอกจากนักเตะจะต้องเหนื่อยล้ากับการเดินทางแล้ว ยังต้องกรำศึกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 3 สโมสรที่ต้องเล่น ACL ที่จะมีแมตช์ในกลางสัปดาห์ถัดไป

ส่วนช่วงเดือน พ.ย.66 ทีมชาติไทย มีโปรแกรมที่สำคัญที่สุดของปี คือ ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดแรกกับ  จีน จึงอยากให้นักเตะรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมมากที่สุด

ปุรชัย ทอดสนิท ไม่มีโอกาสแม้แต่เป็นตัวจริงให้เมืองทอง แต่กลับมีชื่อติดทีมชาติไทยเพราะแข้งหลักถอนตัวไป

ส่วนมาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อได้รับการร้องขอจากประธานสโมสรสรที่เขาใกล้ชิด เขาจึงเลทอกที่จะไปเรียกนักเตะหน้าใหม่ไร้ประสบการณ์เข้ามา 

พอลงสนามแข่งจริงกับจอร์เจีย นักฟุตบอลไทยชุดนี้ ไม่มีใครเคยเจอ สปีดบอลระดับท็อป ไม่เคยโดนรุมแย่ง(เพรส) 2-3 คนพร้อมกัน นี่คือความแข็งแกร่งของทีมจากยุโรปที่เล่นในลีกคุณภาพ  ระดับ เซเรีย อา พอลงสนามจริงเลยทำอะไรไม่ถูกไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร

ที่จริงหากส่งตัวหลักทีมชาติไทยมาครบชุด ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าจะสู้ได้ แต่สภาพคงไม่เละแบบนี้

ที่จริงแล้วการทำงานและวางคิวของสมาคมกีฬาฟุตบอลนั้นทำตามหลักและทำงานล่วงหน้าเป็นปี การขอไปอุ่นเครื่องในยุโรปก็เป็นเรื่องที่นี่ เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ

แต่ที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดแบบนี้ ส่วนหนึ่งมาจากความไม่เด็ดขาดของ พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลที่แทบจะปล่อยเกียร์ว่าง อยู่รอให้ครบวาระในช่วงต้นปีหน้า

แล้วปล่อยให้สโมสรใหญ่ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหลายทีมเข้ามามีบทบาท จนถึงขนาดเลือกหรือไม่เลือกใครก็ได้ติดทีมชาติไป

การไปโดนจอร์เจียยำมาแบบนี้ ทำให้แฟนฟุตบอลไทยได้ตาสว่างว่าใครอยากเห็นวงการฟุตบอลไทยพัฒนามากที่สุด 

เราต้องขอบคุณจอร์เจียด้วยซ้ำที่พวกเขาเอาจริงเอาจัง จนเราได้มองเห็นตัวเองว่าควรจะอยู่ตรงไหน

จอร์เจียจัดทีมชุดหลักและเล่นเต็มที่ให้เกียรติทีมชาติไทย เพราะนี่คือเกมอุ่นเครื่องที่วัดคะแนนตามสัมประสิทธิ์ของฟีฟ่า