posttoday

สตรีหมายเลข 1 ดัน 'บำรุงราษฎร์' ยกระดับ 'เวชศาสตร์อายุยืน' รับสังคมสูงวัย

08 ธันวาคม 2566

พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน สตรีหมายเลข 1 และแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยดัน 'บำรุงราษฎร์' เดินหน้าพัฒนาศาสตร์ด้านการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน คาดประชากรไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย จะพบกับปัญหาความเสื่อมของร่างกายมากขึ้นในอนาคต ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจของชาติตามมา

ในปี 2566 มีการคาดการณ์ว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยมีจำนวนผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ และในปี 2583 ประเทศไทยจะเข้าสู่ “สังคมสูงอายุระดับสุดยอด” คาดการณ์ว่าจะมีผู้สูงอายุถึง 30% ซึ่งแน่นอนว่าผลที่ตามมาจากจำนวนผู้สูงอายุที่มากขึ้นคือ การเพิ่มขึ้นของโรคและภาระทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกี่ยวข้องกับความชรา

 

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก รายงานว่า โรค NCD หรือ โรคที่เกิดจากความเสื่อมของร่างกาย นับเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของประชากรโลก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากกองควบคุมโรคไม่ติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข โดยแสดงให้เห็นถึงจํานวนผู้เสียชีวิตจากโรคเหล่านี้ในประเทศไทยที่ยังคงเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมเสี่ยง อาทิเช่น การรับประทานอาหารหวานจัด มันจัด อาหารปิ้งย่าง การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ไม่ออกกําลังกาย นอนดึก มีความเครียดสูง พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุหลักของการทําลายเซลล์ในร่างกาย ดังนั้น การส่งเสริมเรื่องการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างยืนยาวควบคู่ไปกับการมีสุขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดีจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ

 

พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน

 

ภายในงาน Exclusive Talks หัวข้อ “Longevity Medicine: Upskilling the Physicians of Tomorrow” และ หัวข้อ “Longevity Medicine: Shaping the Future of Healthy Aging” ซึ่งจัดขึ้นโดย โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านการบริบาลสุขภาพระดับโลกมากว่า 43 ปี และ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ในฐานะผู้บุกเบิกการแพทย์ด้านเวชศาสตร์การมีอายุยืน (Longevity Medicine) อย่างมีคุณภาพมากกว่า 20 ปี  มีการแลกเปลี่ยนความรู้และยกระดับการแพทย์ด้าน Longevity Medicine โดยใช้ประโยชน์จากการวิจัยล่าสุดและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการแพทย์ เพื่อป้องกันหรือชะลอปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งอาจมีผลต่อสุขภาพ และ เพื่อเสริมสร้างการมีสุขภาพดีและอายุยืนยาว

 

โดยได้รับเกียรติจาก พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน สตรีหมายเลข 1 ของประเทศไทย และ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและความงามด้านผิวพรรณ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ และ ได้รับเกียรติจากผู้ชำนาญการด้านสุขภาพและนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติด้าน Longevity medicine 3 ท่าน ได้แก่ ดร. ไบรอัน เคนเนดี้, ดร. คอลลิน อีวาลด์ และดร. เอเวอร์ลีน บิสชอฟ มาเป็นวิทยากรรับเชิญในงาน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของศาสตร์การชะลอวัยในปัจจุบัน

 

ผู้เชี่ยวชาญที่มาให้ความรู้ในงาน

 

พญ.พักตร์พิไล ทวีสิน สตรีหมายเลข 1 ของประเทศไทย และแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและความงามด้านผิวพรรณ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า การแพทย์เพื่ออายุยืนยาวแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีคิดเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ และเป็นการยกระดับการดูแลสุขภาพไปอีกขั้น ซึ่งไม่ใช่แค่การรักษาโรคเมื่อเจ็บป่วยเท่านั้น แต่มุ่งเน้นไปที่การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพที่ดีตลอดชีวิตของเรา ความรู้ทางการแพทย์ในเรื่อง Longevity Medicine นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดอนาคตด้านการดูแลสุขภาพ ทำให้แพทย์สามารถนำองค์ความรู้ไปปรับใช้เพื่อให้การดูแลสุขภาพที่ครอบคลุม เป็นการดูแลสุขภาพเชิงรุกและเฉพาะบุคคลมากขึ้น และยังช่วยในเรื่องของการพัฒนาประเทศในอนาคต เมื่อไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุได้อีกทางหนึ่ง

ทางด้าน ดร. ไบรอัน เคนเนดี้ บุคคลที่มีชื่อเสียงในสาขาการวิจัยเรื่องอายุ ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการทางชีววิทยาของการสูงวัย และการวิจัยที่เน้นเรื่องการชะลอปัจจัยที่ทำให้เกิดความชรา รวมถึงงานวิจัยเรื่องการศึกษาพันธุศาสตร์ ชีววิทยาของเซลล์ บทบาทของยีนบางชนิดและสารประกอบต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความชรา ตลอดจนประสิทธิผลของการอดอาหารและการจำกัดแคลอรี่ และศักยภาพของยา เช่น ราปามัยซิน ในการยืดอายุขัย ควบคู่ไปกับความสำคัญของวิธีการออกกำลังกายอย่างยั่งยืน อาหารเพื่อสุขภาพ การจัดการความเครียด และการนอนหลับที่มีคุณภาพเพื่อการมีอายุยืนยาว

ดร. คอลลิน อีวาลด์ นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิส ที่โด่งดังจากงานวิจัยเกี่ยวกับกลไกระดับโมเลกุลของการสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี แสดงให้เห็นถึงงานวิจัยที่สำรวจความสัมพันธ์ระหว่างเซลล์ประสาทและความชรา และเขาได้มีส่วนสำคัญในการทำความเข้าใจบทบาทของการส่งสัญญาณอินซูลิน/IGF-1 ต่อโรคอัลไซเมอร์และภาวะสมดุลของคอลลาเจนในช่วงอายุยืนยาว รวมถึงการกำหนดโปรตีนที่สร้างเมทริกซ์นอกเซลล์ ทีมงานของดร. คอลลิน ใช้ข้อมูลการแสดงออกของยีนเพื่อทำนายยาที่สามารถชะลอความชราได้

นอกจากนี้ ดร. เอเวอร์ลีน บิสชอฟ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และวิทยาศาสตร์สุขภาพเซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์ และเป็นผู้นำในการบูรณาการด้านการใช้ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลทางสุขภาพให้ละเอียดมากยิ่งขึ้นในเชิงการแพทย์อายุยืนยาว ดร.เอเวอร์ลีน ได้แสดงให้เห็นถึงงานในด้านวิทยาผู้สูงอายุและการพัฒนาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพสำหรับการวินิจฉัย

แนวคิดดังกล่าวจะเป็นการปฏิวัติแนวทางการปฏิบัติทางคลินิกในเรื่องผู้สูงวัยและมะเร็งโดยใช้ข้อมูลเฉพาะบุคคล โดยศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งในคนอายุ 100 ปี ว่ามีประวัติทางพันธุกรรมได้อย่างไร และยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากตัวชี้วัดทางชีวภาพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความชรา เช่น นาฬิกาแสดงการแก่ชรา เพื่อบูรณาการเข้ากับการปฏิบัติทางคลินิก แนวทางนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาด้านการแพทย์เพื่อการมีอายุยืนยาวและพัฒนาวิธีการรักษาที่มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น

 

บรรยากาศภายในงาน

 

ตลอดการสัมนา มีทั้งบุคคลภายนอกที่สนใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมสัมนาครั้งนี้อย่างล้นหลาม ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั้งสามท่านนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงการผลักดันขอบเขตของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปปฏิบัติได้ในเรื่องสุขภาพและการดูแลป้องกันอีกด้วย ผลงานวิจัยต่างๆ ที่นำมาเผยแพร่ทำให้เห็นว่า แนวทางการแพทย์เพื่อการมีอายุยืนยาวสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกไกลและเกิดศักยภาพสูงสุดได้ 

 

ทั้งนี้ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ ได้พัฒนาศาสตร์ด้านการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมและวิธีการที่ทันสมัย การวิจัยโดยมุ่งไปที่การดูแลสุขภาพในแต่ละช่วงอายุ และบุคคลที่มีความแตกต่างกัน  เพื่อจุดหมายแห่งการมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ และเต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์ในทุกช่วงวัย