posttoday

หลากนิยามรักจากนักเขียนหนุ่ม ณรงคเดช พันธะพุมมี

26 มกราคม 2553

ไม่ว่าจะเป็น สาลิน, รอยพิม, บอยน์ ใบร่อน, รินจันทร์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนามปากกาของนักเขียนหนุ่มคนเดียวกันนี้....

ไม่ว่าจะเป็น สาลิน, รอยพิม, บอยน์ ใบร่อน, รินจันทร์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนามปากกาของนักเขียนหนุ่มคนเดียวกันนี้....

โดย...พัมพ์กิ้น_พาย

ไม่ว่าจะเป็น สาลิน, รอยพิม, บอยน์ ใบร่อน, รินจันทร์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นนามปากกาของนักเขียนหนุ่มคนเดียวกันนี้

บอย–ณรงคเดช พันธะพุมมี โดยแต่ละชื่อนามปากกาก็ถูกนำไปใช้กับงานเขียนในลักษณะที่แตกต่างกันออกไปทั้งเนื้อหาและสำนักพิมพ์

เขาคนนี้ฝากงานเขียนให้นักอ่านนิยายได้ติดตามกันมาหลายต่อหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่ อุ่นรักในสายลมหนาว, ลำนำหัวใจ, รักข้ามมิติทราย, เลอัน, โอ้รัก, ปีศาจวสันต์, แรงรักเร้าอารมณ์ ฯลฯ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเคยผ่านตาผลงานบางเล่มของเขามาบ้างแล้วก็เป็นได้

ณรงคเดช เริ่มต้นงานเขียนด้วยแรงบันดาลใจที่มาจากความรักในการอ่านเหมือนนักเขียนส่วนใหญ่ เพียงแต่แรงบันดาลใจของเขาจะเริ่มตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น ด้วยเหตุผลที่มาจากการต้องอ่านหนังสือนอกเวลาที่เป็นหนึ่งในวิชาเรียน

หลากนิยามรักจากนักเขียนหนุ่ม ณรงคเดช พันธะพุมมี

“จุดเริ่มต้นของการอ่านของผมคงจะเริ่มต้นมาจากสมัยเรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่ 2 สมัยที่ทางโรงเรียนเขาบังคับให้ต้องอ่านหนังสือนอกเวลา และผมก็มีโอกาสได้ไปเข้าห้องสมุดอยู่บ่อยๆ ด้วย เพราะว่าช่วงนั้นที่โรงเรียนจะมีชมรมห้องสมุด ผมก็จะใช้เวลาส่วนมากไปกับห้องสมุด ก็เลยทำให้ได้อ่านหนังสือเยอะ แต่ช่วงแรกที่ได้เริ่มอ่านก็คงจะเป็นพวกวรรณกรรมเยาวชนที่ตอนนั้นก็จะเป็นหนังสือแปลเสียส่วนใหญ่ เพราะช่วงนั้นงานของคนไทยไม่ค่อยมี หลังจากนั้นช่วงมัธยมปลายผมก็เริ่มขยับขยายมาอ่านนวนิยายแนวผู้ใหญ่ จะมีของคุณทมยันตี ไล่มาก็ของอาริตา และก็ของ กฤษณา อโศกสิน ที่ผมชอบเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่าเป็นชีวิตจริง จับต้องได้ หรือแนวแฟนตาซีอย่างของแก้วเก้านี่ผมก็ชอบเหมือนกัน แต่ช่วงแรกที่อ่านนิยายก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก พอได้อ่านเยอะขึ้นก็เลยรู้ว่า อ๋อ ทำไมถึงเป็นแบบนั้น”

นอกจากชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชน นิยายแล้ว เขาคนนี้ก็ยังชอบอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นเหมือนเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป เพียงแต่พ่อแม่ไม่สนับสนุนให้ซื้อหนังสือการ์ตูน รวมทั้งแถวๆ บ้านก็ยังไม่มีร้านให้เช่าหนังสือการ์ตูน พอจะมายืมห้องสมุดที่โรงเรียนก็ไม่มีให้ยืมอีก เพราะฉะนั้นหนังสือนิยายจึงเป็นหนังสือที่เขาสามารถหยิบยืมได้ง่ายกว่า และยืมได้บ่อยเท่าที่ต้องการ
และจากความชอบในการอ่านหนังสือนิยายนี่เองที่กลายมาเป็นความอยากลอง และความท้าทายในการเริ่มต้นกับงานเขียนของเขา

“ถ้าถามว่าผมเริ่มต้นกับการเขียนหนังสือเมื่อไหร่ ก็คงจะเป็นสมัยมัธยมปลายนั่นแหละครับ เพราะช่วงนั้นผมเข้าไปร่วมอยู่ในชมรมนักกลอน และเริ่มต้นจากการเขียนกลอน และก็เขียนเรื่อยมา และทีนี้โรงเรียนของผม (โรงเรียนนครนายกวิทยาคม) ก็มีวารสารของโรงเรียน และพอดีได้รู้จักกับอาจารย์ที่เป็นบรรณาธิการหนังสือ ก็เลยฝากงานพวกกลอนไปลง และก็เริ่มขยับมาเขียนเรื่องสั้น

ส่วนการเขียนนิยายผมจะเริ่มตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัยปี 3 ปี 4 เห็นจะได้ ซึ่งนิยายเล่มแรกที่ผมเขียนเนี่ยก็เพราะว่าผมได้มีโอกาสไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประเทศเกาหลี 1 ปี ก็เลยอยากเก็บบรรยากาศที่ได้ไปพบเจอมาเขียน เพราะประเทศเขาสวยมาก และเราก็อยากจะเล่าถึงชีวิตของนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ไปที่นู้น และพอดีกับที่ตอนนั้นผมมีโอกาสได้คุยกับพี่อาริตา พี่เขาก็เลยสนับสนุนให้เขียนด้วย ก็เลยเป็นที่มาของนิยายเล่มแรกในชีวิต ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ลีลาบุ๊ค ชื่อว่า “อุ่นรักในสายลมหนาว” เล่มนี้ใช้นามปากกาว่า รินจันทร์ เป็นนิยายโรแมนติกดรามา ที่ตัวนางเอกมีปมว่าแม่ไม่รัก จึงพยายามหนีแม่ไปที่ไหนก็ได้ให้ไกลที่สุด และก็ได้เลือกไปเรียนที่ประเทศเกาหลี และได้ทำให้นางเอกเข้าใจจริงๆ แล้วว่าแม่รักตัวเอง และได้ไปค้นพบความรักที่แม่ปกปิดเอาไว้ที่เกาหลีด้วย”

ส่วนผลงานเล่มต่อมาของเขาก็คือเรื่อง “โอ้รัก” ที่ใช้นามปากกาว่า รอยพิม และได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ปริ๊นเซส เป็นแนวโรแมนติก รักใสๆ ที่เป็นการนำประสบการณ์รักในสมัยมัธยมศึกษามาเล่าตัดฉากสลับกับสมัยปัจจุบัน โดยจะมีการนำกิจกรรมการเข้าค่าย กีฬาสี ฯลฯ เข้ามาเป็นส่วนประกอบของเนื้อหาในเรื่อง ซึ่งใครที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ณรงคเดช บอกว่า จะได้ย้อนกลับไปในบรรยากาศเก่าๆ สมัยมัธยม ที่มีอารมณ์ประมาณเรื่องแฟนฉันอย่างไงอย่างงั้น

หลากนิยามรักจากนักเขียนหนุ่ม ณรงคเดช พันธะพุมมี

นอกจากนั้นผลงานของเขาก็ยังนิยายแนวแฟนตาซีที่แตกต่างออกไปจาก 2 เล่มก่อนหน้านี้ กับชื่อเรื่อง “เลอัน” ที่ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์สถาพรบุ๊คส์ และใช้นามปากกาว่า บอยน์ ใบร่อน
“ผมเป็นคนชอบดูหนังเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ และเป็นคนที่ชอบบรรยากาศดินแดนสมมติ ก็เลยคิดที่จะสร้างอาณาจักร หรือเผ่าพันธุ์ขึ้นมาเอง สร้างตัวละครขึ้นมาเองชื่อว่า เลอัน เป็นตัวเอกในเรื่อง และก็เป็นที่มาของชื่อเรื่องด้วย เลอันนี่เขาจะเป็นเด็กกำพร้า อยู่กับป้า และอยู่มาวันหนึ่งเขาไปเจอคนประหลาดที่มีความสามารถพิเศษ อันนี้ได้ไอเดียมาจากเรื่อง ดิ เอ็กซ์เมน และก็จะมีการผจญภัยไปตามภารกิจต่างๆ มีด้วยกันทั้งหมด 3 ภาค”

เรื่องราวในเรื่องเลอันนี้ เขาคนนี้บอกว่า เก็บเล็กผสมน้อยมาจากช่วงที่อ่านวรรณกรรมเยาวชนสมัยเรียน และจากการดูภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ส่วนข้อมูลต่างๆ ที่เสริมเข้ามานั้นก็มาจากจินตนาการของเขาล้วนๆ เพราะเป็นเรื่องราวแฟนตาซี จะมีบ้างก็เรื่องของภาษาที่อ้างอิงเอาภาษานั้นภาษานี้มาผสมกันจนออกมาเป็นภาษาเฉพาะในเรื่องนี้

“นิยายแฟนตาซีส่วนใหญ่เขาจะเซตเป็นฉากยุโรปสมัยกลาง สมัยบ้านเมืองยังไม่เจริญนัก อาจจะมีปราสาท มีสิ่งก่อสร้างใหญ่โต แต่เทคโนโลยีต่างๆ ยังไม่มี จะมีก็ด้านเวทมนตร์เสียมากกว่า ซึ่งผลงานแนวแฟนตาซีที่ผมเคยอ่านแล้วชื่นชอบจะเป็นของพี่พัณณิดา ภูมิวัฒน์ ที่เขียนไมรอน เพราะว่าพี่เขาเขียนแฟนตาซีที่ไม่ได้อยู่ในกระแสปัจจุบัน เขาไม่ได้เน้นที่แอ็กชัน เน้นฉาก แต่เน้นที่ความคิดของตัวละครมากกว่า ซึ่งงานของผมก็อยากจะให้ออกมาแบบนั้นเหมือนกัน”

งานเขียนที่ผ่านมาทั้งหมดของเขานั้น ณรงคเดช บอกว่า มาจากประสบการณ์ในการอ่านหนังสือล้วนๆ เพราะยังไม่มีโอกาสได้ไปเข้าคอร์สการเขียนนิยายอย่างจริงๆ จังๆ แต่ถ้ามีโอกาสเอื้ออำนวยเขาก็บอกว่าอยากจะไปเรียนเพิ่มเติมอยู่เหมือนกัน

“การเขียนที่มาจากประสบการณ์ในการอ่านล้วนๆ แต่ผมก็คิดว่ายังไม่น่าจะพอหรอกสำหรับการทำงานเขียน เพราะเราจะยังไม่เก่งในเรื่องของการวางโครงเรื่อง และการวางคาแรกเตอร์ ลักษณะนิสัยของตัวละคร ก็เลยพยายามคิดว่าเวลาที่ใครมีจัดสัมมนาผมก็จะไปร่วม อย่างล่าสุดก็ไปได้ฟังพี่เหน่งกีรติ ชนา มาอบรมให้ฟัง ก็ได้รับความรู้มากพอสมควร ทั้งเทคนิคการวางโครงเรื่อง แบ่งบท วิธีการเขียน ซึ่งก็ช่วยผมได้มากทีเดียว”

สำหรับผลงานล่าสุดของเขาคนนี้ก็คือ “แรงรักเร้าอารมณ์” นิยายรักแนวทะเลทรายที่ใช้นามปากกาว่า สาลิน กับสำนักพิมพ์ซูการ์บีท ซึ่งก่อนหน้านั้นกับสำนักพิมพ์เดียวนี้ก็มีเรื่อง “ปีศาจวสันต์” อีก 1 เรื่อง ในนามสาลินเช่นเดียวกัน

ปัจจุบันณรงคเดชทำงานเกี่ยวกับวิชาการอยู่ที่มหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง พร้อมกับใช้เวลาว่างจากการทำงานประจำมาคิดพล็อตและทำงานเขียนที่เขารักออกมาอย่างต่อเนื่อง