(นัก) มายากล...ที่มีอยู่จริง
แอนิเมชันเรื่องนี้จะพาท่านผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่ทศวรรษ 1950 The Illusionist อาจเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ “Semi-Silent”.....
แอนิเมชันเรื่องนี้จะพาท่านผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่ทศวรรษ 1950 The Illusionist อาจเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ “Semi-Silent”.....
โดย...แหนง-ดู
เทศกาลสงกรานต์ปีนี้กำลังจะผ่านไป หลายๆ คนจึงขอใช้เวลาวันหยุดวันสุดท้ายไปกับการเล่นน้ำ เอ๊ย...พักผ่อนอยู่กับบ้านเพื่อเก็บแรงออกไปทำงานกันต่อพรุ่งนี้ ช่วงเวลาสบายๆ อย่างนี้ดู “หนังการ์ตูน” สักเรื่องท่าจะดี
ได้ยินชื่อ The Illusionist (ชื่อเหมือนงานปี 2006 ของ นีล เบอร์เกอร์ เป๊ะ) เมื่อถูกประกาศในเวทีออสการ์ให้เป็นหนึ่งในผลงานที่ผ่านเข้าชิงสาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยม เมื่อได้เห็นจึงไม่รีรอที่จะหยิบกลับมาดูที่บ้าน
ผลงานของผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ซิลเวน โคเมต ผู้หลงใหลในภาพเขียนด้วยมือซึ่งสามารถเคลื่อนไหวและมีชีวิต (เพิ่งจะมาสืบค้นรู้ภายหลังว่า ผู้กำกับคนนี้คือ เจ้าของผลงานเรื่อง The Triplets of Belleville ที่แหนง-ดูชื่นชอบนั่นเอง ใครยังไม่เคยดูก็ขอแนะนำ ณ บรรทัดนี้เลย) สร้างจากบทภาพยนตร์ (ที่ไม่ได้สร้าง) โดยนักแสดงละครใบ้และผู้กำกับ ฌากส์ ตาติ ซึ่งเขียนไว้เมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว
แอนิเมชันเรื่องนี้จะพาท่านผู้ชมย้อนเวลากลับไปสู่ทศวรรษ 1950 The Illusionist อาจเรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ “Semi-Silent” เพราะถึงจะมีไดอะล็อก แต่ก็จะเป็นไปในแนว “พึมพรำ” เข้ากับสไตล์เก่าๆ ของตัวเรื่อง เพราะแตกต่างไปจากงานแอนิเมชันแบบดิจิตอลของยุคปัจจุบันมากมายจึงให้กลิ่นอายแปลกใหม่ เรียบง่าย แต่นุ่นนวล งดงาม และกินใจไม่น้อย
เล่าถึงนักมายากลวัยกลางคนซึ่งรับแสดงตามโรงมหรสพและร้านอาหารหรู (ส่วนใหญ่จะว่างเปล่า...ไร้ผู้คน) ในปารีส เพราะปัญหาเรื่องงานที่ร่อยหรอ ทำให้เขาต้องแพ็กทุกอย่าง (รวมทั้งอุปกรณ์แสดงกลอย่างเจ้ากระต่ายแสนซนด้วย) เพื่อออกเดินทางไปอังกฤษ ก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังสกอตแลนด์ ที่นั่นเขาก็ได้พบกับเด็กสาวชนบท และเธอก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง
แม้จะเดินทางไปถึงแดนไกล แต่สถานการณ์เรื่องงานของเขาก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะว่า รสนิยมในการเสพความบันเทิงของผู้คนเปลี่ยนไป เมื่อดนตรีร็อกแอนด์โรลล์กำลังเติบโต อีกทั้งยังมีภาพยนตร์และโทรทัศน์ก็รุกคืบเข้ามา มายากลจึงแทบจะตกขอบ เมื่อนั้นเขาจึงเขาปลดวาง “ศักดิ์ศรี” ของตัวเองลง และรับเล่นกลในทุกที่ไม่ว่าจะคลับผับบาร์หรือปาร์ตี้ขี้เมา เพียงเพื่อที่จะอยู่รอด
ระหว่างนั้นก็มีเด็กสาวคนหนึ่งที่รู้สึกทึ่งในสิ่งที่เขาทำและเชื่อว่าเขามีพลังพิเศษ นักมายากลเฒ่าจึงไม่อาจทำให้เธอผิดหวัง เขาทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้สาวน้อยสมปรารถนา เธอทำให้ตัวเขารู้สึกมีคุณค่าและมีความหมาย อีกนัยหนึ่งการได้พบกับเธอคนนั้นทำให้ชีวิตโดดเดี่ยวของเขาไม่เดียวดายอีกต่อไป เธอคนนั้นเหมือนกับหลานหรือลูกสาวที่เขาไม่เคยมี
บางคนอาจจะตีความความสัมพันธ์ของนักมายากลเฒ่ากับสาวน้อยในเชิงชู้สาว แต่หากย้อนกลับไปที่จุดกำเนิด มีหลักฐานยืนยันว่า ฌากส์ ตาติ เริ่มเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ เสมือนเป็นจดหมายถึงลูกสาวของเขา นั่นจึงทำให้เรื่องราวนี้เป็นอื่นไม่ได้นอกจากเรื่องราวของพ่อกับลูก ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่ผูกพันกันโดยสายเลือดเท่านั้น
The Illusionist จบลงอย่างเศร้าสร้อย แต่ระหว่างความยาว (เกือบ) หนึ่งชั่วโมงนั้นบรรจุด้วยแก๊กเล็กๆ ที่ทำให้คนดูขำอยู่ทั้งเรื่อง แถมด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับยุคสมัยกระจัดกระจายอยู่ในฉากต่างๆ ว่ากันว่าตัวละครเอกนั้นถอดแบบตัวจริงของ ฌากส์ ตาติ มาเป๊ะๆ อีกหนึ่งคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นคือ นักร้องนำวงร็อกชื่อ บริทูนส์ นั้น ราวกับเป็น มิก แจกเกอร์ แห่ง โรลลิงสโตนส์ ในภาคการ์ตูน หากว่า เพิ่มรายละเอียดและความเป็นมาของตัวละครมากกว่านี้ คนดูก็อาจจะรักพวกเขาได้เต็มหัวใจ
ในภาพยนตร์ ตัวละครเอกของเรื่องต้องยอมรับในที่สุดว่า “ (นัก) มายากลไม่มีอยู่จริง” ทว่าสำหรับคนดู “(นัก) มายากลมีอยู่จริง” เพราะเราเพิ่งจะโดยร่ายมนต์สะกดให้หลงใหลไปหมาดๆ
***********************
The Illusionist (L'illusionniste)
ปี 2010
ประเทศ ฝรั่งเศส / อังกฤษ
ความยาว 83 นาที
กำกับ ซิลเวน โคเมต์
แสดงนำ (เสียง) เอดิธ แรนคิน / ฌอง-คลอด ดอนดา