โอกาสเปลี่ยนหน้าราชาคอร์ตดิน
วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค. ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ศึกเทนนิสแกรนด์สแลมที่ 2 ของปี “เฟรนช์ โอเพน”
วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค. ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ศึกเทนนิสแกรนด์สแลมที่ 2 ของปี “เฟรนช์ โอเพน”
โดย...ทีมข่าวกีฬา
วันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค. ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ศึกเทนนิสแกรนด์สแลมที่ 2 ของปี “เฟรนช์ โอเพน” จะรูดม่านเปิดฉากลงหวดเมนดรอว์ รอบแรก ซึ่งการแข่งขันในปี 2011 นี้ นับเป็นการแข่งขันครั้งที่ 110 เข้าไปแล้ว
การแข่งขันประเภทชายเดี่ยวปีนี้จะขาดนักหวดมือดังหลายคน ไม่ว่าจะเป็น แอนดี ร็อดดิก (สหรัฐ) ดาวิด นัลบานเดียน (อาร์เจนตินา) ทอมมี โรเบรโด (สเปน) ที่นัดกันโดนโรคเดี้ยงเล่นงานจนไม่สามารถลงแข่งได้
อย่างไรก็ดี นักหวดที่เหลืออยู่ล้วนเป็นมือดังทั้งสิ้น โดยในบรรดามือท็อป 20 โลก ต่างพร้อมลงแข่งขันกันถ้วนหน้า ขาดเพียงร็อดดิกรายเดียวเท่านั้น
แต่ทว่าในจำนวนนักหวดเมนดรอว์ทั้งสิ้น 128 คน แทบทุกสายตากลับจับจ้องไปที่ชายหนุ่มเพียงแค่ 2 รายเท่านั้น คือ ราฟาเอล นาดาล มือ 1 โลก เจ้าของบัลลังก์ราชาคอร์ตดิน และ โนวัก โจโควิช มือ 2 ของโลก ซึ่งถูกยกให้เป็นนักหวดแร็กเกตร้อนแรงที่สุดในโลก ณ เวลานี้
มหากาพย์...นาดาลโจโควิช
หากเป็นการแข่งขันปีก่อนๆ นาดาล (มือวาง 1/สเปน) จะถูกยกให้เป็นเต็งจ๋าสำหรับตำแหน่งแชมป์ เรียกได้ว่ายากที่จะหาใครมาต่อกรจากผลงานอันยอดเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งในปีนี้นักหวดกล้ามโตก็ยังถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งเช่นเดิม
แต่ว่า “เต็งสอง” อย่างโจโควิช (2/เซอร์เบีย) ถูกมองว่ามีโอกาสคว้าแชมป์สูสีกับนาดาล ชนิดที่บริษัทรับพนันอย่างถูกกฎหมายต่างออกราคาต่อรองคว้าแชมป์ของนักหวด 2 รายนี้ไว้แบบใกล้เคียงกันมาก
เหตุเนื่องมาจากฟอร์มอันระเบิดเถิดเทิงแบบไม่น่าเชื่อของโจโควิช ซึ่งอายุครบ 24 ปีในวันนี้พอดิบพอดี
แร็กเกตหนุ่มเซิร์บทำสถิติชนะรวดตลอดปีนี้ 37 แมตช์ติดต่อกัน กวาดแชมป์เรียบทั้ง 7 รายการที่ลงแข่ง และมีโอกาสทำลายสถิติที่ จอห์น แม็คเอนโร ตำนานนักหวดสหรัฐ เคยทำไว้ 42 แมตช์
ที่สำคัญในการคว้าชัยรวด 37 แมตช์นั้น เป็นการกำราบนาดาลได้ตลอดทั้ง 4 ครั้งที่เจอกันในปีนี้ ซึ่งเป็นการเจอกันในรอบชิงทั้งหมด
และที่ยิ่งไปกว่านั้น 2 จาก 4 แมตช์ชิงดังกล่าว “โนเล” ไล่หวด “ราฟา” อกหักชวดแชมป์บน เคลย์คอร์ต ที่นาดาลครองความยิ่งใหญ่มาโดยตลอด เล่นเอาบัลลังก์ราชาคอร์ตดินสั่นสะเทือนด้วยความแรงประมาณ 8.9 ริกเตอร์ทันที
และแฟนเทนนิสทั่วโลกต่างจับจ้องว่าจะมี “อาฟ เตอร์ช็อก” ตามมาในเฟรนช์ โอเพนหรือไม่ อย่างไร
“เมื่อคุณแพ้ คุณต้องพยายามมองหาวิธีการใหม่ๆ ที่ต่างไปจากเดิม เหมือนในเกมฟุตบอล ซึ่งเรอัล มาดริด เคยแพ้บาร์เซโลนา 0-5 แต่เมื่อเจอกันนัดต่อไป พวกเขาก็เล่นในแท็กติกที่ต่างจากเดิม” นาดาล กล่าวถึงอนาคตหากต้องโคจรมาพบกับโจโควิชอีกครั้ง แต่ยืนยันยังไม่มองไกลนัก โดยขอมุ่งสมาธิไปเป็นรอบๆ ดีกว่า
ทั้งนี้ นาดาล ซึ่งจับสลากรอบแรกพบกับ จอห์น อิสเนอร์ (สหรัฐ) มองถึงฟอร์มอันพุ่งขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาของโจโควิช ว่าเป็นผลมาจากความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากชัยชนะอย่างต่อเนื่อง
“ในด้านเทคนิค ผมคิดว่าเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายนัก บางทีตอนนี้เขาอาจเล่นเกมรับได้ดีขึ้น แต่เมื่อคุณมีความมั่นใจ มันเหมือนกับว่าคุณมีพัฒนาการขึ้นมาก” นาดาล ซึ่งมีโอกาสคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพน เป็นสมัยที่ 6 มากที่สุดเทียบเท่ากัน บียอร์ก บอร์ก ตำนานแร็กเกตชาวสวีดิช
ขณะที่ โจโควิช ซึ่งจะเจอกับ ติเอโม เดอ แบกเกอร์ เป็นคู่ต่อกรในรอบแรก ยังยกให้นาดาลเป็นนักหวดเต็งแชมป์ ซึ่งรวมทั้งตำนานอย่างแม็คเอนโรล ที่เชื่อว่านาดาลมีโอกาสมากกว่า เนื่องจากนักหวดเลือดกระทิงดุขึ้นชื่อเรื่องความทรหดมากกว่า
“ผมพยายามทำงานหนักขึ้นในเรื่องฟิตเนส เพราะผมรู้ว่ามันอาจต้องเล่นถึง 5 เซต และคุณจำเป็นต้องใช้พลังงานและมีความอึดมากกว่าเดิม” โจโควิช กล่าวถึงการเตรียมพร้อมของตัวเอง
เฟดเอ็กซ์...สบายใจไร้กดดัน
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งตัวเต็งที่ระยะหลังผลงานอาจจะเงียบไปสักนิดอย่าง โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (3/สวิตเซอร์แลนด์) ก็ยังต้องจับตามองอยู่เช่นกัน
เจ้าของแชมป์เฟรนช์ โอเพน ปี 2009 เตรียมดวลรอบแรกกับ เฟลิเซียโน โลเปซ (สเปน) ซึ่งเฟดเอ็กซ์ยอมรับว่า การแข่งขันปีนี้เป็นการลงหวดที่เขาสบายอกสบายใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ผมคิดว่าปีนี้พวกเขามองไปที่ราฟาและโนวัก ซึ่งมันเป็นเรื่องดีสำหรับผม ปีที่แล้วผมต้องลงป้องกันแชมป์ ปีก่อนหน้านั้นทุกคนถามว่าทำไมผมถึงยังไม่เคยได้แชมป์รายการนี้ ซึ่งการเข้าแข่งขันในปีนี้ผ่อนคลายกว่าเดิม ผมไม่เคยเจอสัปดาห์ที่สบายใจก่อนเริ่มแข่งโรลองด์ การ์รอสเท่านี้มาก่อนเลย” นักหวดจากแดนนาฬิกา กล่าว
เมื่อตัวเองไร้ความกดดัน เฟเดอเรอร์จึงถือโอกาสนี้วิเคราะห์พระเอกของเฟรนช์ โอเพนทั้งสองราย เริ่มจาก นาดาล
“มันน่าสนใจว่าราฟาจะรับมือกับสภาพจิตใจในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ทุกคนต่างพูดถึงและเห็นกันแล้วว่าเขาแพ้ให้กับโจโควิช ในเกมมาสเตอร์ส 4 รายการติดต่อกัน มันอาจจะส่งผลกระทบต่อเขาบ้าง ซึ่งเขาจะต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาสำคัญในอาชีพของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย”
ต่อด้วยโจโควิช ซึ่งคว่ำเฟดเอ็กซ์ได้ตลอด 3 แมตช์หลังสุดที่เจอกัน และทั้งคู่มีสิทธิโคจรมาพบกันในรอบรองชนะเลิศ
“แม้ผมจะแพ้เขามา 3 แมตช์ติดต่อกัน แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะอยู่เหนือผมนะ”
แร็กเกตหญิงโอกาสเปิดกว้าง
แม้สปอตไลต์จะสาดส่องไปยังการดวลแร็กเกตของสุภาพบุรุษเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ใช่ว่าการแย่งแชมป์ของนักหวดสุภาพสตรีจะไร้ซึ่งความน่าสนใจไปเลยเสียทีเดียว
ฝ่ายชายมีนาดาลเป็นเจ้าเฟรนช์ โอเพน แต่สำหรับฝ่ายหญิงในระยะหลังมีนักหวดมากหน้าหลายตาผลัดเปลี่ยนขึ้นมาสัมผัสถ้วยแชมป์ โดยหลังจาก จัสติน เอแน็ง (เบลเยียม) ครองบัลลังก์ 3 สมัยซ้อนในปี 2005-2007 จากนั้น อนา อิวาโนวิช (เซอร์เบีย) สเวตลานา คุซเนตโซวา (รัสเซีย) และ ฟรานเชสกา สเคียโวเน (อิตาลี) 3 สาว 3 ชาติก็สลับกันขึ้นมาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ในปี 2008 2009 และ 2010 ตามลำดับ
แล้วใครล่ะที่จะเป็นแชมป์ปีนี้?
การไร้เงาของ วีนัส-เซเรนา วิลเลียมส์ 2 ศรีพี่น้องนักหวดจอมพลัง เนื่องมาจากอาการบาดเจ็บ ทำให้บรรดากูรูแร็กเกตมองว่าโอกาสแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยวปีนี้เปิดกว้างเหลือเกิน
แม้จะยังไม่เคยสัมผัสแชมป์แกรนด์สแลมแม้แต่รายการเดียว แต่ก็ไม่สามารถมองข้าม แคโรไลน์ วอซเนียกกี (1/เดนมาร์ก) ในฐานะนักหวดมือ 1 ของโลกได้ ซึ่งเธอจะลงแข่งรอบแรกพบกับ คิมิโกะ ดาเตะ (ญี่ปุ่น)
ขณะที่ มาเรีย ชาราโพวา (7/รัสเซีย) เริ่มงัดฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกครั้ง โดยเพิ่งได้ชูโทรฟีครั้งแรกในรอบเกือบปี ด้วยการคว้าแชมป์อิตาเลียน โอเพนได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และจะดวลกับ มิร์จานา ลูซิช (โครเอเชีย) ในรอบแรก ส่วน วิกตอเรีย อซาเรนกา (4/เบลารุส) กำลังอยู่ช่วงฟอร์มดีที่สุดในชีวิต จนก้าวขึ้นไปรั้งมือ 4 ของโลก สูงที่สุดในประวัติศาสตร์นักเทนนิสจากเบลารุส
นอกจากนี้ ยังอาจมีม้ามืดทะลุขึ้นมาได้ทุกเมื่อเหมือนปีที่แล้ว ซึ่ง ฟรานเชสกา สเคียโวเน (5/อิตาลี) คว้าแชมป์ด้วยการเป็นมือวาง 17 ของรายการ ส่วน “รองแชมป์เก่า” ซาแมนธา สโตเซอร์ (8/ออสเตรเลีย) ก็ค่อนข้างถนัดกับการเล่นบนเคลย์คอร์ต
อย่างไรก็ตาม นักหวดที่เพื่อนร่วมอาชีพหลายคนยกให้เป็นเต็งแชมป์เฟรนช์ โอเพน 2011 คือ คิม ไคลจ์สเตอร์ส (2/เบลเยียม)
“สาวคิม” คัมแบ็กกลับมายังโรลองด์ การ์รอสอีกครั้ง หลังห่างเหินไปนานถึง 5 ปี ด้วยสาเหตุต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นอาการบาดเจ็บ รวมทั้งการพักเบรกวางแร็กเกตไปทำหน้าที่เป็นแม่คน และแร็กเกตสาววัย 27 ปีก็เกือบจะไม่ได้ลงแข่งปีนี้ด้วยซ้ำ เนื่องจากเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เธอไปร่วมฉลองงานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้อง ก่อนจะแดนซ์กระจายไปหน่อยจนข้อเท้าพลิก...ปัดโธ่
แต่ในที่สุดเธอก็สามารถสลัดอาการบาดเจ็บได้ทันเวลา ซึ่งแม้จะพักรักษาตัวไปเกือบ 2 เดือน แต่ชาราโพวามองว่าไม่น่าจะเป็นปัญหามากนักสำหรับนักหวดชั้นนำอย่างไคลจ์สเตอร์ส
“มันเป็นเรื่องยากเสมอถ้าคุณไม่ได้ลงเล่นมาหลายสัปดาห์ และพอกลับมาก็ต้องลงเล่นแกรนด์สแลมเป็นทัวร์นาเมนต์แรกทันที แต่คุณก็รู้ดีนี่นาว่าเธอมีประสบการณ์เหลือเฟือ เธอสามารถกลับมาทำผลงานได้ดีหลังจากหยุดพักไป ดังนั้นคุณไม่สามารถตัดชื่อเธอทิ้งได้เลย เธอเป็นแชมเปียนผู้ยิ่งใหญ่ และก็คว้าแชมป์แกรนด์สแลม 2 รายการหลังสุดได้ด้วย” ชาราโพวา กล่าวถึงไคลจ์สเตอร์ส ซึ่งชิวแชมป์ยูเอส โอเพน 2010 ต่อด้วยออสเตรเลียน โอเพน 2011
เช่นเดียวกับ สโตเซอร์ ที่เห็นไปในทางเดียวกัน
“ก่อนหน้านี้เธอสามารถคว้าแชมป์ยูเอส โอเพนได้โดยที่ไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวมากมายเลย ดังนั้นคุณจะมองข้ามเธอไม่ได้เป็นอันขาด”
ขณะที่เจ้าตัวเองยังไม่ตั้งเป้าถึงขั้นชูถ้วยแชมป์ เอาแค่ได้กลับมาเหยียบพื้นคอร์ตโรลองด์ การ์รอสอีกครั้งก็มีความสุขแล้ว
“ฉันรู้สึกเหมือนกลับมาเป็นสาวน้อยอีกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากที่ได้มาลงเล่นที่นี่” ไคลจ์สเตอร์ส กล่าวระหว่างการลงซ้อมที่โรลองด์ การ์รอส ก่อนลงหวดรอบแรกพบกับ อนาสตาซิยา ยากิโมวา (เบลารุส)