เปิดบัญชีนวัตกรรมไทย

กระทรวงวิทย์ฯ เปิดบัญชีนวัตกรรมไทย ชิงเค้กตลาดจัดซื้อจัดจ้างรัฐหลายแสนล้านบาท

นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และกระทรวงวิทย์ฯ ได้เปิดตัวบัญชีนวัตกรรมไทย โดยมีบริษัทเอกชนไทยที่ได้ขึ้นบัญชีนวัตกรรมไทยแล้ว 26 ผลงาน จากผลงานนวัตกรรมของบริษัทเอกชนที่ส่งมาทั้งหมด 87 ผลงาน ที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณา เชื่อมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนหันมาสั่งซื้อสินค้านวัตกรรมไทยสูงขึ้น และในแต่ละปีรัฐมีงบประมาณจัดซื้อจัดจ้างมูลค่าหลายแสนล้านบาท

ทั้งนี้ ระยะต่อไปภาครัฐบาลอาจจะมีนโยบายส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐแต่ละแห่ง มีการจัดสรรงบประมาณมาสั่งซื้อสินค้านวัตกรรมไทยที่อยู่ในบัญชีนวัตกรรมเพื่อส่งเสริมสินค้าไทย โดยงบประมาณเบื้องต้นที่รัฐควรจัดสรรน่าจะประมาณ 10-30% เป็นต้น แต่จะต้องมีการหารือร่วมกับภาครัฐบาลต่อไป คาดว่าจะเริ่มมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านบัญชีนวัตกรรมไทยอย่างจริงจังได้ในปีงบประมาณ 2560 แต่หากหน่วยงานใดที่มีงบประมาณพร้อม ก็สามารถเริ่มสั่งซื้อได้ทันที รวมถึงเอกชนไทย

“ในปี 2559 รัฐมีงบส่งเสริมวิจัยกว่า 3.30 หมื่นล้านบาท แต่ปีต่อไป 2560 การส่งเสริมการทำวิจัยของประเทศไทยจะเปลี่ยนไป แบ่งงบส่งเสริมวิจัยเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่วิจัยเพื่อส่งเสริมตามยุทธศาสตร์ของประเทศ กลุ่มนักวิจัยที่ทำวิจัยในด้านต่างๆ กลุ่มสุดท้ายคือ ส่งเสริมการสร้างบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่ไทยจำเป็นต้องสร้างบุคลากรทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก เชื่อมั่นว่า หากทำสำเร็จ ไทยจะไม่ใช่ประเทศที่อ่อนแออีกต่อไป จะเปลี่ยนโฉมประเทศไทยใหม่” นายพิเชฐ กล่าว

ด้าน นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า บริษัทเอกชนไทยที่ส่งสินค้านวัตกรรมมาให้ทั้งหมด 87 ผลงาน มีที่ได้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการพิจารณาไปแล้ว 34 ผลงาน และอยู่ระหว่างรอขึ้นบัญชีและประกาศจากสำนักงบประมาณ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างพิจารณาจากคณะกรรมการ โดยผลงานนวัตกรรมแต่ละรายการใช้เวลาพิจารณา 1-3 เดือน เชื่อมั่นว่า การที่ไทยส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมจะผลักดันให้ไทยกลายเป็นประเทศผู้นำการผลิตสินค้านวัตกรรมในอาเซียนได้

นายพิชัย คุ้มหรั่ง ผู้อำนวยการสำนักงานมาตรฐานงบประมาณ 2 สำนักงบประมาณ กล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐจะเริ่มมีการสั่งซื้อสินค้าในบัญชีนวัตกรรมไทย ในเบื้องต้นน่าจะมีประมาณ 6 รายการ มูลค่าประมาณ 442 ล้านบาท และจะเริ่มในปีงบ 2560 หลังจากนั้นคาดว่าจะมีจำนวนและมูลค่าสูงขึ้น