Sex มีมาก่อนศาสนา และวิวัฒนาที่กำลังย้อนกลับ
ความเชื่อและศาสนาที่เกิดเมื่อหลายพันปีส่งผลต่อเซ็กส์ของเราในทุกวันนี้อย่างไร เปิดประวัติศาสตร์วิวัฒนาการทางสังคมกับเรื่อง Sex worker!
Highlights
- เมื่อศาสนาผูกขาดการมีเซ็กส์ เซ็กส์ควรเกิดขึ้นหลังการแต่งงานเท่านั้น
- เซ็กส์ในมุมมองของชาวตะวันออก เมื่อเซ็กส์เป็นเรื่องของธรรมชาติ
- ประวัติการค้าบริการในโลกและในประเทศไทย
- ธุรกิจขายบริการ กับการออกมาเรียกร้องสิทธิของตนเอง
--------------------
เรารู้จัก ‘ซิกมันด์ ฟรอยด์’ ในฐานะบิดาแห่งทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ผู้ที่ทำให้วงการแพทย์หันมาสนใจเรื่องการรักษาทางจิต โดยงานชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นผลงานอันโด่งดังของเขา มีใจความสำคัญที่ว่า
‘มนุษย์มีแรงขับทางเพศตามธรรมชาติ และมีความต้องการที่จะตอบสนองแรงขับทางเพศของตนเอง’
ประโยคนี้อาจจะไม่ได้แปลกนักเมื่อเราได้ฟังมันในศตวรรษที่ 21 แต่อยากให้ลองจินตนาการย้อนไปซัก 100 ปี
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หลังจากยุโรปผ่านยุคการระบาดของโรคทางเพศ เช่น ซิฟิลิส มานานหลายศตวรรษ และส่งผลให้ศาสนาคริสต์เข้มงวดมากขึ้น จนก่อให้เกิดการควบคุมกิจกรรมทางเพศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกับผู้หญิง! พวกเขาไม่ให้เด็กสาวมีเซ็กส์ก่อนแต่งงาน แม้แต่การช่วยตัวเองก็ยังถูกห้าม เวลานั้นผู้คนยังคงอายที่จะพูดถึงการมีเซ็กส์ แต่ซิกมันด์ ฟรอยด์ กลับตะโกนแสกหน้าสังคมดังว่า
‘เซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ’
และ
‘มนุษย์ควรได้รับการตอบสนองทางเพศที่เหมาะสม’
แน่นอนว่าช่วงแรกที่เขาเสนอเรื่องนี้ต่อวงการแพทย์และสังคม ซิกมันด์ ฟรอยด์ ถูกต่อต้าน เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่สิบปี แม้แต่เรื่องเพศศึกษาก็ยังไม่เกิดขึ้นเลยบนโลก! และคนยังเชื่อว่า ‘เซ็กส์’ เป็นเรื่องผิดศีลธรรม!
ซิกมันด์ ฟรอยด์ บิดาแห่งทฤษฎีจิตวิเคราะห์
เมื่อศาสนาผูกขาดการมีเซ็กส์
สิ่งที่ทรงอิทธิพลที่สุดต่อความเชื่อเรื่อง ‘เซ็กส์’ ในโลกตะวันตกคือ ‘ศาสนา’
ถ้าไล่ดูประวัติศาสตร์ความเชื่อ เราจะพบว่าศาสนาเข้ามามีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของมนุษย์ในอดีตเป็นอย่างมาก ในเมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่ก้าวหน้าพอที่จะตอบข้อสงสัยของมนุษย์ได้ในขณะนั้น ศาสนาจึงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและวางกฏเกณฑ์ให้แก่สังคม
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ทรงอิทธิพลในโลกตะวันตก ตั้งแต่ยุคจักรวรรดิโรมันที่จักรพรรดิคอนสแตนตินรับเอาคริสตศาสนาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร การใช้ชีวิตของมนุษย์ถูกวางกรอบขึ้นมาตั้งแต่ช่วงเวลานั้น ภายใต้การตีความคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งเป็นคำสอนของศาสนาที่สำคัญ
ในคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ ย้อนไปเรื่องตำนานระหว่างอดัมและอีฟ มนุษย์คู่แรกของโลก พระเจ้าได้ให้ของขวัญที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีนั่นคือ ‘การมีเซ็กส์’ .. ‘เซ็กส์’ ควรเกิดขึ้นจากความรัก และเป็นส่วนหนึ่งของความรักระหว่างสามีภรรยาเท่านั้น มนุษย์ไม่ควรมีเซ็กส์กับญาติ ไม่ควรมีเซ็กส์กับสัตว์ ไม่ควรมีเซ็กส์กับโสเภณี และไม่ควรมีเซ็กส์กับคนที่มีเพศเดียวกัน
ในจดหมายของนักบุญเปาโล ท่านเคยระบุว่าการมีเซ็กส์นั้นกระทำได้ในผู้ที่เป็นสามีภรรยา แต่จะดีหากมนุษย์สามารถดำรงอยู่ได้ด้วยการอยู่เป็นโสด และการดำรงตนเพื่อนึกถึงผู้อื่น
อดัมและอีฟในสวนอีเดน
จุดเปลี่ยนที่ทำให้โสเภณีกลายเป็นสิ่งที่ผิดศีลธรรมและผิดกฏหมายในโลกตะวันตก จึงหนีไม่พ้นอิทธิพลของศาสนาคริสต์ เมื่อศาสนาได้ผูกเรื่องของเซ็กส์เข้ากับความรัก ... และทำให้เซ็กส์เป็นเรื่องที่ศักดิ์สิทธิและควรมีไว้เพื่อการให้กำเนิดบุตรเท่านั้น!
ในยุคกลาง มีการระบาดของโลกซิฟิลิสเกิดขึ้นในยุโรป เริ่มต้นจากทหารฝรั่งเศสที่ได้เข้าไปเฉลิมฉลองหลังจากได้รับชัยชนะที่เมือง Naples ของประเทศอิตาลีซึ่งขึ้นชื่อเรื่องซ่องโสเภณี หลังจากออกมาจากเมืองพวกเขาไม่ได้พกแค่ความสำราญกลับไป แต่ได้พาเอาโรคซิฟิลิสติดตัวไปด้วย! เมื่อยุโรปรุ่งเรื่องด้วยการค้าทางทะเล โรคซิฟิลิสจึงระบาดไปทั่วโลกในเวลาต่อมา หลังจากนั้นก็ต้องทนทุกข์กับมันเป็นเวลากว่าศตวรรษเลยทีเดียว
ภาพวาดเกี่ยวกับการรักษาโรคซิฟิลิสที่โด่งดังที่สุดรูปหนึ่งในกรุงเวียนนา ราวปี ค.ศ.1498
มีการกล่าวโทษถึงที่มาของโรคไปๆมาๆ อย่างรุนแรง
ชาวอิตาลีบอกว่ามันเป็น โรคของชาวฝรั่งเศส ชาวฝรั่งเศสโทษว่าเป็นโรคของชาวอิตาลี ชาวมุสลิมเติร์กบอกว่าเป็นโรคของชาวคริสต์! ในศตวรรษนั้น ศาสนจักรทรงอิทธิพลเป็นอย่างมาก และมุมมองของศาสนจักรก็เปลี่ยนทัศนคติของสังคมที่มีต่อโสเภณีในช่วงเวลานั้น
‘สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะโสเภณีคือ คนบาป’
มีการยกเนื้อหาในคัมภีร์ไบเบิ้ลบทหนึ่งขึ้นมากล่าวถึงหญิงใจบาปที่ชื่อ ‘มารีอา มักดาเลนา’ โสเภณีที่สามารถกลับใจเพราะพระเจ้าได้ยกโทษบาปให้! ศาสนาจักรได้ใช้แคมเปญนี้ในการรณรงค์และออกเงินทุนให้กับโสเภณีที่กลับใจเพื่อตั้งตัวเสียใหม่ อย่างไรก็ตามมันก็ไม่สามารถหยุดยั้งตัวเลขของการค้าประเวณีในยุคนั้นที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ได้
แม้โสเภณีจะมีปัญหากับศาสนจักรมาโดยตลอด แต่มีข้อสันนิษฐานว่าศาสนจักรได้เอื้อประโยชน์ให้เกิดโสเภณีด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อการนอกใจ หรือการมีเซ็กส์ก่อนแต่งงานเป็นเรื่องผิดสำหรับคนที่นับถือศาสนาคริสต์ การใช้บริการโสเภณีจึงเป็นทางออกที่ดูจะสมเหตุสมผล ... นอกจากนี้เมื่อถึงยุคเสื่อมของคริสตจักร ก็ยังเกิดการใช้อำนาจของตนขายใบอนุญาตเพื่อแลกกับการเปิด ‘ซ่อง’ อย่างถูกกฏหมายจนทำให้คริสชนบางคนไม่สามารถรับได้และเกิดการปฏิวัติศาสนาคริสต์ในท้ายที่สุด
เซ็กส์คือเรื่องธรรมชาติ
ในฝั่งตะวันออก ความเชื่อเรื่องของเซ็กส์นั้นแตกต่างออกไปมากทีเดียว
ศาสนาฮินดูพูดถึงเซ็กส์อย่างโจ๋งครึ่มในตำรากามสูตร ในตำราประกอบด้วยบันทึกกว่าพันหน้าบอกเล่าถึงความเชื่อและวิธีการมีเซ็กส์อย่างครบครัน พวกเขาเชื่อว่าเซ็กส์คือเรื่องของจิตวิญญาณ ศิลปะและความก้าวหน้า
ในขณะเดียวกันพุทธศาสนานิกายเถรวาท ซึ่งเป็นศาสนาหลักของไทยนั้นมองเรื่องนี้ต่างออกไปเล็กน้อย พุทธศาสนามองว่าการมีเซ็กส์นั้นเป็น ‘ธรรมชาติ’ ของมนุษย์ แต่เป็นธรรมชาติที่เต็มไปด้วยตัณหาและราคะ ซึ่งพุทธศาสนาแนะนำว่ามนุษย์ไม่ควรลุ่มหลงในตัณหาและราคะ เพราะเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ .. เรียกว่าไม่ได้ห้ามแต่จะดีกว่ามากถ้าไม่ลุ่มหลงในกาเมจนทำอะไรผิดศีลธรรม เช่น ผิดผัวผิดเมียเขา หรือทำร้ายร่างกายตัวเองและผู้อื่น
พุทธศาสนาลัทธิตันตระ เป็นอีกลัทธิหนึ่งที่ใช้เซ็กส์ในการฝึกจิตใจ โดยเชื่อถึงการดับตัณหาด้วยการสร้างตัณหา
สำหรับประเทศไทย โสเภณีคือเรื่องที่อยู่คู่กับคนไทยมานานเช่นเดียวกัน เพราะต้องยอมรับว่าโสเภณีเป็นส่วนสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ยุคอยุธยาก็มีรายได้จากการขายประเวณีีซึ่งอาจนับได้กว่า 600 คน ที่มีภูมิหลังตั้งแต่ทาสไปจนถึงลูกสาวข้าราชการระดับสูง ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ก็เกิดการจัดเก็บ ‘ภาษีบำรุงถนน’ ซึ่งเป็นชื่อเรียกการเก็บภาษีโสเภณีในสมัยนั้น และมีการจดทะเบียนโสเภณีตามกฏหมายเพื่อเป็นการคุ้มครองหญิงโสเภณีในอดีต ที่มักจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากนายจ้าง รายได้จากการเรียกเก็บนี้จะนำมาก่อสร้างถนนจึงกลายเป็นชื่อของภาษีบำรุงถนนนั่นเอง
ในสมัยต่อ ๆ มาได้มีการออกใบอนุญาตและเก็บเงินรายได้จากหญิงโสเภณี มีการออกกฏว่า เจ้าของซ่องจะต้องสียค่าธรรมเนียมขอรับใบอนุญาตฉบับละ 30 บาท หญิงโสเภณี เสียค่าธรรมเนียมฉบับละ 12 บาท หากตั้งโรงหญิงนครโสเภณีโดยไม่มีใบอนุญาต หรือใช้ใบอนุญาตของผู้อื่น จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 200 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังมีการกำหนดอายุหญิงที่มาให้บริการโดยห้ามมีอายุต่ำกว่า 15 ปี
ซ่องที่โด่งดังที่สุดในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ก็คือซ่องของยายแฟง จึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า
‘ยายฟักขายข้าวแกง ยายแฟงขาย.......’
และรายได้จากการทำซ่องนี้ก็ถูกนำไปสร้างวัดที่ชื่อว่าวัดคณิกาผล
การระบาดของโลกสู่การทำให้โสเภณีเป็นเรื่องผิดกฏหมาย
ต้นศตวรรษที่ 19 อิทธิพลของศาสนาเสื่อมถอยลง ขณะที่แนวคิดเสรีนิยมผลิบานในสังคมตะวันตก ได้เกิดกระแสสตรีนิยมที่มองว่าการค้าประเวณีเป็นผลจากการแสวงหาผลประโยชน์ในเรื่องเพศของผู้ชาย และรณรงค์ให้จัดการเรื่องการค้าประเวณีอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ผู้หญิงต้องตกเป็นเหยื่อการค้าประเวณีอีก มีการออกกฎหมายว่าการค้ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งผิดกฏหมายในหลายประเทศ ...
อย่างไรก็ตามจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่อมาเมื่อเกิดการระบาดของโรคเอดส์ และการค้าประเวณีข้ามชาติก็ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เอดส์ระบาดหนักไปทั่วโลก จึงได้มีการออกมาจัดการกับการค้าประเวณีอย่างเด็ดขาด
การรณรงค์เรื่องเอดส์ในปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งประชาชนยังไม่มีความรู้เรื่องเอดส์มากนักและเกิดความสับสนในสังคม
ทหารอเมริกันที่เรียกว่าจีไอ เข้ามาพักผ่อนในไทยและพาเม็ดเงินเข้ามามากมายมหาศาล มีการคาดการณ์ว่าในปี ค.ศ.1970 ประเทศไทยได้รายได้จากทหารเหล่านี้กว่า 20 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ! .. สิบปีผ่านไปประเทศไทยจึงเปิดศักราชใหม่ให้ประเทศเป็นประเทศแห่งการท่องเที่ยว และมีการรณรงค์ไปทั่วทุกจังหวัดทุกภาคของประเทศ ในขณะเดียวกันสถานการณ์โรคเอดส์ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นในประเทศเช่นกัน
ภาพหญิงสาวหน้าป้ายภาษาอังกฤษที่บอกว่า ห้ามผู้หญิงที่ไม่มีบัตรตรวจโรค เข้ามาในบาร์ หรือแม้จะมากับทหาร จี.ไอ ก็ตาม
การเปลี่ยนแปลงของกฏหมายและแนวปฏิบัติต่อหญิงบริการของสังคมไม่ได้เป็นจุดเดียวที่เปลี่ยนไป ตัวพวกเธอที่ทำอาชีพนี้ก็มีแนวคิดที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
หญิงขายบริการหลายคนมีความคิดที่ว่าการมีเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ และผู้หญิงมีสิทธิต่อร่างกายของตัวเองไม่ต่างจากผู้ชาย พวกเขาจึงออกมาเรียกร้องสิทธิในอาชีพของตนเองมากขึ้น โดยระบุว่าเป็นความยินยอมของตัวเองที่อยากออกมาขายบริการ เพราะสามารถสร้างรายได้และเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญคือพวกเขามีสิทธิต่อร่างกายของตัวเองโดยสมบูรณ์ และเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่คนเราจะถูกบังคับในเรื่องเซ็กส์ทั้ง ๆ ที่เป็นความสมยอมทั้งสองฝ่าย
มีข้อเสนอและการรณรงค์ต่าง ๆ มากมายให้การขายบริการด้วยความยินยอมเป็นสิ่งที่ถูกกฏหมาย ก็ในเมื่อเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ ก็ทำให้มันถูกกฏหมายซะสิ! ด้วยสองเหตุผล หนึ่งคือหากว่าทำให้ถูกกฏหมาย พวกเขาหวังจะได้รับการคุ้มครอง เพราะแต่เดิมเมื่อต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ทำให้พวกเธอไม่สามารถออกมาเรียกร้องอะไรเลยเมื่อถูกเจ้านายทำร้าย ถูกลูกค้าเอาเปรียบ หรือถูกใครขู่กรรโชกเงินเพราะทำผิดกฏหมาย และสองพวกเขาหวังว่าหากมันถูกกฏหมาย ความคิดที่มีต่อหญิงบริการจะเปลี่ยนไป ก็ในเมื่อมันถูกกฏหมายพวกเธอก็มีสิทธิที่จะทำงานนี้อย่างมีศักดิ์ศรี อีกทั้งความคิดที่ว่าพวกเธอคือสาเหตุของปัญหาสังคมอย่างเช่น การท้องแบบที่ไม่ต้องใจ หรือเป็นตัวก่อโรคนั้น หญิงขายบริการทุกวันนี้ก็มีวิธีที่จะดูแลตัวเองและรู้เท่าทันเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี
การรณรงค์ทั่วโลกเพื่อให้สังคมยอมรับว่าการขายบริการก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งและควรได้รับการปฏิบัติเฉกเช่นอาชีพอื่น
แต่ถึงอย่างนั้น เกือบร้อยปีที่ผ่านมาพบว่ามีไม่กี่ประเทศที่ให้เสรีต่อคนขายบริการร้อยเปอร์เซ็นต์ อันเนื่องมาจากข้อกังวลหลายประการที่นอกเหนือไปจากทัศนคติเรื่อง ‘เซ็กส์’ ‘การท้อง’ หรือ ‘การก่อโรค’
พวกเขาให้เหตุผลถึงความกังวลเรื่องผลกระทบอื่น ๆ
มีสถิติที่ระบุว่าประเทศที่ให้การค้าบริการถูกกฏหมายส่งผลให้เกิดการค้ามนุษย์ในประเทศเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้น
เกิดการย้ายถิ่นฐานมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานแบบผิดกฏหมายมากขึ้น
การค้าประเวณีที่ถูกกฏหมายไม่ได้ลดความรุนแรงในสังคม จากการสำรวจ 8 รัฐในอเมริการะบุว่าร้อยละ 36 ถูกทำร้ายร่างกายจากผู้รับบริการ
และที่สำคัญคือการทำให้การค้าประเวณีถูกกฎหมายไม่ได้ทำให้การถูกประณามหยามเหยียดจากสังคมต่อผู้ขายบริการลดลง เช่นที่นิวซีแลนด์ ซึ่งออกกฎหมายให้มีการค้าประเวณีได้ในปี 2003 ก็ยังมีรายงานว่าผู้ขายบริการทางเพศยังคงถูกดูหมิ่นและถูกคุกคามจากคนทั่วไป นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่อยู่ในอาชีพนี้ยังไม่ค่อยเปิดเผยอาชีพของตนเมื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล ไม่ต่างจากก่อนการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย
…….
ส่วนประเทศไทยการค้าบริการมีบริบทที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก ตามประวัติศาสตร์ในช่วงที่มีการโปรโมทประเทศให้เป็นเมืองท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สภาเศรษฐกิจและความมั่นคงแห่งชาติบอกว่ารายได้จากธุรกิจให้บริการที่ให้รัฐมีมาก แต่ไม่ได้ตกไปถึงรัฐ... อ้าวแล้วมันไปอยู่ที่ใคร?
เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธุรกิจบริการที่มีการให้บริการลักษณะนี้ในไทย เป็นแหล่งทำเงินสีเทาชั้นดีให้กับคนที่หาผลประโยชน์จากมันได้ นั่นทำให้กฏหมายไม่ได้ครอบคลุมทุกส่วนของสังคม การใช้กฏหมายไม่ได้มีความเท่าเทียมและเสมอภาค ในขณะที่การถ่ายคลิปออนไลน์โดนจับตามกฏหมาย แต่อาบอบนวดที่แฝงด้วยการค้าบริการอย่างโจ่งแจ้งกลับเปิดได้อย่างเสรี
…..
ในเรื่องนี้เราควรจะมองจากหลายมิติ
เมื่อมีการบุกจับ ‘น้องไข่เน่า’ เน็ตไอดอล 18+ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา
ปฏิกิริยาแรกคือสังคมประณามทัศนคติและความเชื่อของสังคมตัวเองว่าเชยและล้าสมัย
ผู้เขียนเกิดคำถามในใจว่า จริงเหรอ? ที่ปัจจุบันคนไทยยังคงมีค่านิยมแบบเดิม ๆ ต่อการมีเซ็กส์และคนที่หาเงินจากเซ็กส์
วาทกรรมที่ว่าคนไทยรับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้นั้น ใช่ตัวปัญหาที่แท้จริงหรือไม่?
แล้วปัญหาของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแท้จริงอยู่ที่ตรงไหน? และจะทำยังไงได้บ้าง?
หรืออยู่ที่ใคร?
พีร์ญาดา ประสูตร์แสงจันทร์
--------------------
ที่มา:
- https://www.bbc.com/thai/thailand-40103687
- https://www.demandabolition.org/research/evidence-against-legalizing-prostitution/
- https://www.worldhistory.org/article/927/women-in-ancient-greece/
- https://www.theweek.co.uk/92121/ages-of-consent-around-the-world
- https://th.usembassy.gov/th/our-relationship-th/official-reports-th/2021-trafficking-persons-report-thailand-th/
- https://en.wikipedia.org/wiki/History_of_human_sexuality
- https://en.wikipedia.org/wiki/Sexology
- https://en.wikipedia.org/wiki/Havelock_Ellis
- https://en.wikipedia.org/wiki/Premarital_sex
- https://en.wikipedia.org/wiki/Libido
- https://www.silpa-mag.com/history/article_47243
- https://www.silpa-mag.com/culture/article_34976
- https://www.britannica.com/topic/prostitution
- http://www.empowerfoundation.org/thai/preview.php?id=37
- https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/8509097/