สนช.ประเดิมชงออกกฎหมายคุมสื่อลามกอนาจารเด็ก
สนช.เสนอ กม.คุมเข้มสื่อลามกอนาจารเด็ก มีไว้ในครอบครอง ผลิต นำเข้า มีโทษทั้งจำทั้งปรับ รัฐบาลขอพิจารณา 20 วันก่อน ส่งกลับให้ลงมติ
สนช.เสนอ กม.คุมเข้มสื่อลามกอนาจารเด็ก มีไว้ในครอบครอง ผลิต นำเข้า มีโทษทั้งจำทั้งปรับ รัฐบาลขอพิจารณา 20 วันก่อน ส่งกลับให้ลงมติ
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ที่ประชุมสภานิติบัญญัติ(สนช.) พิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ที่ น.ส.จินตนันท์ ชญาต์ร ศุภมิตร สนช. กับคณะ เป็นผู้เสนอ โดย สาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้เพื่อ กำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการครอบครองสื่อลามกอนาจารเป็นความผิดเฉพาะการมีไว้ครอบครองเพื่อการค้า เพื่อการแจกจ่าย หรือเพื่อการแสดงอวดประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาหรือทำให้แพร่หลายด้วยประการใดๆ ประกอบการค้า หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการค้า โดยไม่ได้แยกประเภทของสื่อลามกอนาจารผู้ใหญ่และสื่อลามกอนาจารเด็ก
ทั้งนี้ การครอบครองสื่อลามกอนาจารผู้ใหญ่ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้ แต่สื่อลามกเด็กเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ประกอบกับ การผลิตสื่อลามกอนาจารเด็กเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาชัดแจ้ง นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าว เป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก สมควรที่จะกำหนดให้มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
สำหรับกฎหมายฉบับนี้ ถือเป็นร่างกฎหมายแรกที่ทางสมาชิก สนช.เป็นผู้นำเสนอเข้าสู่การประชุมของ สนช. โดยมีสมาชิก สนช. จำนวน 50 คน เป็นผู้ร่วมเสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยสาระสำคัญของร่างนี้ คือ กำหนดคำนิยามคำว่า 'สื่อลามกอนาจารเด็ก' ไว้ในมาตรา 1 ของประมวลกฎหมายอาญา กำหนดให้ผู้ใดที่มีวัตถุหรือสื่อลามกอนาจารของเด็กอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไว้ในความครอบครอง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ หากผู้ใดมีวัตถุหรือสื่อลามกอนาจารของเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไว้ในความครอบครอง ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งกรณีการผลิต มีไว้ นำเข้า ส่งออกพาไปหรือทำให้แพร่หลายของสื่อลามกอนาจารของเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
น.ส.จินตนันท์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้พยายามผลักดันกฎหมายฉบับนี้ มา 8 ปี 4 รัฐบาล แต่ไม่สำเร็จ มีประชาชนเข้าร่วมลงรายชื่อกว่า 2 หมื่นรายชื่อ โดยหวังว่าเรื่องนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องการกำหนดนิยามสื่อลามกอนาจารให้ครอบคลุมกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปหลายสื่อและรูปแบบ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเร่งแก้ไข
คุณหญิงทรงสุดา ยอดมณี สนช. อภิปรายว่า เห็นด้วยกับหลักการกฎหมายที่การกำหนดให้ผู้ครอบครอง จำหน่ายผลิต ให้มีมีโทษหนักกว่าสื่อลามกอนาจารผู้ใหญ่ แต่เห็นว่าบทกำหนดโทษ มาตรา 4 เพ่ิมโทษจำคุกเป็นไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท นั้นอาจไม่สอดคล้องกับการวางหลักเกณฑ์เทียบเคียงที่ให้โทษจำคุก 1 ปี เท่ากับโทษปรับ2 หมื่นบาท ดังนั้น หากเทียบกับโทษไม่เกิน 3 ปีโทษควรจะเป็น 6 หมื่นบาท หรือไม่
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่า การเสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เป็น การเสนอของสมาชิกสนช. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 14 วรรค 5 ซึ่ง รัฐบาลอาจสามารถขอรับไปพิจารณาก่อน สนช.จะมีการลงมติพิจารณารับหลักการได้จึงจะขอฟังความเห็นจากตัวแทนรัฐบาลก่อน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเสนอขอแก้ไขกฎหมายอาญา ซึ่งถือเป็นกฎหมายหลักของประเทศ มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาว่าจะกระทบกับกฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วหรือไม่ หรือตามเหตุผลที่เสนอร่างพ.ร.บ. ที่อ้างถึง อนุสัญญาสิทธิเด็กฯ นั้นจะต้องตรวจสอบให้ท่องแท้ว่าการจะอนุวัติเนื้อหาตามอนุสัญญาครบถ้วนหรือไม่ รวมทั้งจะต้องพิจารณาว่าซ้ำซ้อนกฎหมายเดิม รวมทั้งอัตราโทษที่มีสมาชิกตั้งข้อสังเกตดังนั้น รัฐบาลจึงขออนุญาตนำกลับไปพิจารณา 20 วันนับจากวันที่ได้รับแจ้งและเสนอความเห็นกลับมายังสนช. ก่อนเข้าสู่การพิจารณารับหลักการต่อไป