มาร์คลั่นไม่ร่วมกับ "เพื่อไทย"หากยังอยู่ใต้เงา "ทักษิณ"
อภิสิทธิ์ลั่นทำพรรคการเมืองยึดเรื่องอุดมการณ์ ชี้ถ้าเพื่อไทยไม่พ้นจากครอบครัวชินวัตรก็ไม่สามารถร่วมงานกันได้ ลุยแก้ข้อบังคับพรรคให้สมาชิกเก่า 2.5 ล้านคนร่วมหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค
อภิสิทธิ์ลั่นทำพรรคการเมืองยึดเรื่องอุดมการณ์ ชี้ถ้าเพื่อไทยไม่พ้นจากครอบครัวชินวัตรก็ไม่สามารถร่วมงานกันได้ ลุยแก้ข้อบังคับพรรคให้สมาชิกเก่า 2.5 ล้านคนร่วมหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค
เมื่อวันที่ 26 ก.ย. พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จัดประชุมใหญ่พรรคตามขั้นตอนของกฎหมายและรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเป็นขั้นตอนของการร่างระเบียบข้อบังคับพรรค โดยมีสิ่งที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ คือระเบียบขั้นตอนการหยั่งเสียงสมาชิกเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ดำริโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวก่อนการประชุมถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า นายอภิสิทธิ์กับ นายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย มีการคุยกันว่าพรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันและมีการยกตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กันหลังการเลือกตั้งว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นที่สำนักกฎหมายธรรมนิติ ตนไปพบนายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี เพราะนายไพศาลทำงานสมาคมประสานเรื่องการไปประเทศจีน และมีประเด็นเรื่องที่จีนเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งตนก็เคยพบนายโภคิน แต่ไม่มีเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะมายกให้กัน แต่ก็มีการพุดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการเมืองบ้าง ส่วนใหญ่พูดถึงปัญหาข้อกฎหมาย การทำงานของพรรคการเมือง โดยที่ตอนนั้นยังไม่มีการปลดล็อกหรือคลายล็อก
"ปกติผมเจอคนของพรรคเพื่อไทยในเวที หรือ ถ้าจะมีการพูดคุยเรื่องการเมืองก็จะเป็นเรื่องเหล่านี้ เพราะผมพูดชัดเจนมาตลอดว่า ผมทำการเมืองในเรื่องของอุดมการณ์ และถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกันก็ร่วมกันไม่ได้ ตรงนี้คือจุดที่ผมแสดงมาตลอด ไม่ต้องมีปัญหามาตีความกัน และผมไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน แต่เห็นคุณโภคินก็ออกมาปฏิเสธแล้ว โดยข้อเท็จจริงพรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้บริหารอะไรอย่างไร ผมนึกไม่ออกว่าเขาจะคิดเรื่องนี้ขึ้นมา"นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า มองเจตนาของข่าวที่ออกมาอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเจตนา แต่ได้บอกไปแล้วว่าเรื่องอุดมการณ์นั้นถ้าพรรคเพื่อไทยยังอยู่ภายใต้ของครอบครัวชินวัตร ไม่ดึงตัวเองให้พ้นจากการสนับสนุนของระบอบทักษิณ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำงานร่วมกัน
ต่อมา นายอภิสิทธิ์แถลงภายหลังการประชุมว่า วันนี้มีการแก้ไขข้อบังคับให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่ โดยมีนโยบายเปิดโอกาสให้สมาชิกและประชาชนมีส่วนร่วมหยั่งเสียงหัวหน้าพรรค แปลว่ายังต้องมีการจัดประชุมใหญ่ในเดือน พ.ย. หลังการหยั่งเสียง เพื่อจะได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เตรียมสู่การเลือกตั้งต่อไป
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงต่อถึงการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคว่า ที่ประชุมพูดกันว่านี่คือก้าวสำคัญของระบอบประชาธิปไตย ก้าวสำคัญของระบบพรรคการเมือง เป็นการยืนยันความเป็นสถาบันและประชาชนเป็นเจ้าของ แต่โดยที่เป็นเรื่องใหม่ ก็มีความห่วงใยในแนวทางปฏิบัติ ห่วงปัจจัยแทรกซ้อนนำไปสู่ความเสียหาย จึงสรุปว่าระเบียบการหยั่งเสียง ต้องเป็นกระบวนการประชาธิปไตย และต้องรัดกุมไม่เป็นปัญหาทางกฎหมายกับพรรคได้
"ผมเองในฐานะมีส่วนได้เสีย ได้มอบให้คณะกรรมการบริหารพรรคไปดำเนินการระเบียบที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ และแจ้งต่อสมาชิกพรรคต่อไป ส่วนตัวได้พบ นายวรงค์ เดชกิจวิกรม นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่เสนอตัวแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ได้เสนอว่าอยากขอโอกาสให้คนสนใจสมัครมาแสดงความคิดเห็นให้สบายใจและบรรยากาศการแข่งขันที่ดี ที่ประชุมก็เห็นชอบ"หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ผู้มีสิทธิ์หยั่งเสียงนั้น ประกอบด้วย 1. สมาชิก 2. ผู้เคยเป็นสมาชิก 2.5 ล้านคน เพราะคนเหล่านี้ไม่เคยลาออกจากพรรค และไม่เคยไปสมัครสมาชิกพรรคอื่น เราถือว่าเขาเป็นเจ้าของพรรค แต่ปัจจุบันไม่มีสถานภาพจากคำสั่ง คสช. ที่บังคับให้ยืนยันใน 17 วันทำการ มีขั้นตอนยุ่งยาก ที่ประชุมจึงเห็นว่าสมควรอดีตสมาชิกเหล่านี้มีสิทธิ์หยั่งเสียงด้วย
ขณะที่ ขั้นตอนใช้สิทธิ์หยั่งเสียงต้องมีการลงทะเบียนล่วงหน้า เพราะต้องสอบทานความถูกต้อง (ไม่เป็นสมาชิกพรรคอื่น) และอาจมีช่องทางการให้คัดค้านได้
"อำนาจการเลือกหัวหน้าพรรคยังเป็นของที่ประชุมใหญ่ เราเขียนให้รับฟังผลการหยั่งเสียง และมั่นใจว่าคนของพรรคประชาธิปัตย์เคารพการตัดสินใจของเจ้าของพรรค การแข่งขันนี้ไม่ใช่การได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ให้เกิดสิ่งที่ดีต่อพรรค โดยตั้งเป้าว่าต้น พ.ย. ให้ได้หัวหน้าพรรค"นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สัปดาห์หน้าจะนำคณะหัวหน้าพรรคเสรีนิยมในแทบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปประชุมที่แอฟฟริกา หากกลับมาแล้วมีผู้เสนอชื่อตนร่วมแข่งชิงหัวหน้าพรรค หรือตัดสินใจลงสมัครก็จะยุติการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ
"สิ่งเราเดินหน้าสร้างระบบไว้คือกำหนดให้มีกรรมการบริหาร 41 คน โดยกำหนดว่าขั้นต่ำต้องเป็นผู้หญิง 10 คน และในกรรมการสาขาพรรค 11 คนอย่างน้อยต้องมีผู้หญิง 3 คน และคนที่อายุไม่เกิน 35 ปีอย่างน้อย 1 คน"นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า วันที่ 28 ก.ย. จะไปร่วมประชุมกับ กกต. เพื่อแลกเปลี่ยนความเข้าใจขั้นตอนรับสมัครสมาชิก โดนคาดว่าในวันที่ 8 ต.ค. จะสามารถเปิดรับสมาชิกพรรคได้