ครบ15ปีรัฐประหารไทยไม่ทนสอบทุจริตดาวเทียมไทยคม
หยุดรัฐสภาธนาธิปไตย ไทยไม่ทนตรวจสอบรัฐบาล-ไล่นายกฯ บุกพัทยา เตรียมจัดเวทีตรวจสอบทุจริตสัมปทานดาวเทียมไทยคม 21ก.ย.64
นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และแกนนำไทยไม่ทน เปิดเผยว่า ไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ได้จัดเวที "ทวงคืนสมบัติชาติ ภารกิจเพื่อแผ่นดิน" ผ่านมาแล้ว 2 ครั้ง เพื่อติดตามทวงถามทรัพย์สมบัติแผ่นดินและตั้งข้อกล่าวหาการทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาลในประเด็นต่างๆ หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จและการใช้เงินหว่านกว้านซื้อเสียงในสภาจึงไม่สามารถโหวตไม่ไว้วางใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ กลายเป็นรัฐสภาธนาธิปไตย ภายหลังเวทีทวงคืนที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมมย์ วันนี้ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จะร่วมกับสภาที่ 3 และคณะไทยไม่ทน จะจัดเวทีทวงคืนสมบัติแผ่นดินครั้งต่อไป
ดังนั้น ไทยไม่ทนฯ จึงเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลและขับไล่นายกฯ ต่อไป โดยวันพรุ่งนี้จะมีคณะไทยไม่ทนไปร่วมจัดการชุมนุมที่พัทยา ในโอกาส 15 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ส่วนวันอังคารนี้ จะมีเวทีตรวจสอบทุจริตประพฤติมิชอบของรัฐบาล ว่าด้วยเรื่องมหากาพย์ทุจริตแอบแฝงกรณีดาวเทียมไทยคม หลังจากที่สัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคมสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2564 นั้น สัญญาระบุว่า ดาวเทียมและอุปกรณ์ทุกชนิด ต้องโอนเป็นของรัฐ เมื่อติดตามมหากาพย์เรื่องนี้ชัดเจนขึ้นประชาชนไทยจะเข้าใจและถึงบางอ้อ ว่าทำไมนายกฯ ต้องตั้งนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม วันนี้เข้าใจแล้ว เพราะพบข้อพิรุธกังขาอย่างน้อย 5 ข้อคือ
1.หลังโหวตไว้วางใจเสร็จ ในการประชุม ครม. และมีข้อกล่าวหาการแจกเงินในสภา มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ต่างตอบแทนหรือไม่ เพราะต่อมาวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมาก่อนสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง ได้มีมติ ครม. เห็นชอบให้ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นใน บมจ.ไทยคม ไม่ต่ำกว่า 51% ของหุ้นทั้งหมด และมีมติเห็นชอบให้ผนวกดาวเทียมไทยคม 4 หรือเรียกว่าไอพีสตาร์ เป็นดาวเทียมภายใต้สัญญาสัมปทาน โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯ พ.ศ. 2562 ทั้งที่ดาวเทียมไทยคม 4 ไม่เข้าเงือนไขในสัญญาสัมปทานเดิม ซึ่งควรดำเนินการทางกฎหมายเพื่อให้ดาวเทียมฯ เป็นกรรมสิทธ์ของรัฐ
2.แทนที่ดาวเทียมไทยคมจะต้องตกเป็นกรรมสิทธ์ของรัฐตามสัญญาสัมปทาน แต่มติ ครม.คือการฟอกขาวความผิดเป็นถูกในเรื่องที่ค้างคาอยู่เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้เอกชนหรือไม่ ที่ผ่านมาก็เป็นข้อกังขาว่าทำไมบริษัท กัลฟ์ฯ ของนายสารัช ถึงมาช้อนซื้อหุ้นใหญ่ของ บมจ.อินทัชฯ เพื่อเป็นเจ้าของดาวเทียมไทยคม จากการเปลี่ยนแปลงสัญญาโดยมติ ครม.
3.โครงการดาวเทียมไทยคมไอพีสตาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ทำให้เป็นดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 แต่เป็นโครงการใหม่ที่ให้บริการสื่อสารระหว่างประเทศเป็นหลักดังที่ปรากฏจากคุณสมบัติดาวเทียมไอพีสตาร์ที่บริษัทผู้รับสัมปทานได้ยื่นประกอบการยื่นคำร้องขอรับการส่งเสริมการลงทุน แต่สัญญาสัมปานดาวเทียมเดิมนั้นระบุเพื่อใช้ภายในประเทศเป็นหลัก จึงไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อการสื่อสารภายในประเทศตามวัตถุประสงค์ของสัญญาสัมปทาน และเป็นเรื่องที่อยู่นอกกรอบแห่งสัญญา
4.การอนุมัติดาวเทียมไทยคมไอพีสตราร์นั้นนั้นจึงผิดสัญญาสัมปทาน จะต้องมีการเปิดประมูลใหม่ เพราะถือว่าเป็นโครงการใหม่ที่อยู่นอกกรอบของสัญญาสัมปทาน และจะต้องเปิดให้มีการประมูลแข่งขันโดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนเสนอโครงการกันใหม่อย่างเสรีและเป็นธรรมทั้งในด้านการบริหารงานและอัตราการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่รัฐ ตามกระบวนการของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ซึ่งคาดว่าจะมีผลประโยชน์เข้ารัฐมากกว่า 16,000 ล้านบาท
5.การผนวกดาวเทียมใหม่เข้าไปในสัญญาเก่าโดยมิชอบด้วยกฎหมายนี้ ทำให้ความมั่นคงในการสื่อสารดาวเทียมของชาติต้องเสียหายจากการที่ไม่มีดาวเทียมไทยคม 4 เพื่อเป็นดาวเทียมสำรองของไทยคม 3 ได้ทั้งดวงตามสัญญาจนถึงปัจจุบัน ทำให้บริษัทผู้รับสัมปทานไม่ต้องปฏิบัติตามสัญญา ไม่ได้ลงทุนในการส่งดาวเทียมไทยคม 4 ขึ้นไปซึ่งมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับดาวเทียมไทยคม 3
ดังนั้น มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 ที่วันนี้ยังไม่ยอมนำเข้าระบบสืบค้นอิเลคทรอนิกส์ เห็นชอบให้แก้ไขเพิ่มเติมสัญญาโดยกำหนดให้ดาวเทียมไทยคม 4 ไอพีสตาร์ ผนวกเข้ามาเป็นดาวเทียมภายใต้สัญญา และดำเนินการแก้ไขสัญญาตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายแน่นอน และพยายามฟอกความผิดที่ผ่านมาจากผิดเป็นถูกอย่างชัดเจน คณะรัฐมนตรีย่อมมีความผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ที่ต้องถูกดำเนินคดีด้วย
******
เวทีทวงคืนสมบัติชาติ ภารกิจเพื่อแผ่นดิน ครั้งที่ 3
ทวงคืนดาวเทียมไทยคมหลังหมดสัญญาสัมปทาน มติครม.ต่อสัญญาจำแลงทุจริตประพฤติมิชอบ?
วันอังคารที่ 21 กันยายน 2564 เวลา 11.00-12.30 น.
ณ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว