เปิดใจ"ณวัฒน์"เบื้องหลังนางงามชูป้ายโนม็อบ

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ภาพจากงานแถลงข่าว มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมา ณ อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งมีสาวงามผู้เข้าประกวดมายืนถือป้าย “โน ม็อบ” ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่ม

งานนี้ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานและผู้ก่อตั้ง มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เวทีการประกวดสาวงามนานาชาติ ลิขสิทธิ์โดยคนไทย เปิดใจกับโพสต์ทูเดย์ว่า งานนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้ แต่ทำขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Stop the War ของการประกวดครั้งนี้ คำว่า ม็อบ ไม่ได้เจาะจงว่า เป็นกลุ่มใดหรือสีใด

จากเหตุการณ์นี้ ณวัฒน์ ได้เปิดใจกับทีมข่าวโพสต์ทูเดย์ว่า เรื่องผลกระทบที่ตามมา ก็มีบ้าง แต่ถือว่าเพียงเล็กน้อยสำหรับตน

“ถามว่ามีผลกระทบมั้ย ก็มีบ้าง เช่น มีม็อบบางฝ่ายได้เห็นภาพจากทางโซเชียล มีเดีย แล้วตีความไปโดยที่ไม่ได้ฟังการพูดคุยที่แท้จริง หรือไม่ได้อ่านในรายละเอียด ซึ่งก็อาจจะทำให้เข้าใจไปด้วยความรู้สึก แต่พอมีหนังสือพิมพ์บางฉบับส่งสารที่เราอยากสื่อออกไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้มีคนเข้าใจสิ่งที่เราต้องการสื่อไปมากขึ้น ทำให้คนมาแสดงความคิดเห็นทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้นว่าเข้าใจในเจตนารมย์ของเรานะ”

ณวัฒน์เผยว่า คอนเซ็ปต์ Stop the War นั้น แท้จริงแล้วตนเองเริ่มต้นทำมาตั้งแต่การประกวด มิส แกรนด์ ไทยแลนด์ ในช่วงต้นปี โดยตนได้พานางงามไปเก็บตัวและทำกิจกรรมที่จ.ปัตตานี ดังนั้น นี่จึงเป็นการสานต่ออย่างต่อเนื่อง

“การสานต่อของเรา เราชัดเจนว่าเราไม่ได้ทำเพื่อโจมตีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด หรือเหตุการณ์หนึ่งเหตุการณ์ใด เราต้องการพูดถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากสงคราม ไม่ว่าที่ไหนบนโลกใบนี้ แล้วเราอยากให้ทุกฝ่ายได้ตระหนักถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้น เราจึงอยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ”

นอกจากกระแสความไม่พอใจจากกลุ่มคนหลายฝ่ายทีมีต่อภาพโนม็อบของเขากับเหล่าสาวงามที่เผยแพร่ผ่านสื่อไป ยังมีกลุ่มคนที่เข้าใจว่าณวัฒน์กำลังฉกฉวยโอกาสจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างกระแสให้กับการประกวดในเวทีของตน ณวัฒน์เผยว่า เมื่อได้นำเสนอคอนเซ็ปท์นี้ไปแล้วทั่วโลก ทั่วโลกก็คงคิดว่าเขาคงทำได้เพียงแค่พูดปาวๆ แถลงข่าวหรือพีอาร์ไปงั้นๆ แต่พอมีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา ก็ไม่เห็นพูดหรือลงมือทำอะไรให้เห็นอย่างจริงจัง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจึงตัดสินใจทำให้เห็นอย่างจริงจัง โดยไม่ได้คาดหวังว่าสิ่งที่เราทำจะได้ผลหรือไม่ได้ผล

"สิ่งที่เราได้คือเราได้ทำตามเจตนารมย์ของเราอย่างเต็มที่แล้ว ที่สำคัญที่สุด สิ่งที่เราต้องการสื่อสารในม็อบของบ้านเมืองเรา ผมไม่ได้ต้องการบอกโดยเจาะจงไปที่ใคร หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่อยากให้ทุกฝ่ายหันมาตระหนักถึงความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง เราไม่ต้องการให้เกิดอันตรายหรือการสูญเสีย นี่คือเจตนารมย์ของเรา ที่เราอยากสื่อสารออกไป"ณวัฒน์กล่าว

เมื่อถามว่า หลังจากภาพโนม็อบของเขาได้เผยแพร่ออกไป เขาได้รับการข่มขู่ไม่จากทางใดก็ทางหนึ่งหรือเปล่า ณวัฒน์เผยว่า ไม่มีการข่มขู่ตนเองจากทางทางหนึ่งทางใดแต่อย่างใด มีก็เพียงการท้วงติงที่เกิดจากการได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ตีความผิด และคิดไปเองเท่านั้น

ณวัฒน์กล่าวว่าที่ผ่านมาต้องย้ายสถานที่การจัดการประกวดภายในหกวัน จากบิวตี้ ธันเดอร์โดม มาเป็นอิมแพค อารีนา เมืองทองธานี เนื่องจากถูกยึดพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง เหนื่อยนะ เพราะการย้ายสถานที่มาจัดในกสถานที่ที่ใหล่กว่า เราต้องเปลี่ยนสเกลหมด ราคาคูณอย่างต่ำก็ต้องเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่า ถามว่าเราอยากจะเอาฮอลล์ใหญ่อย่างนี้มั้ย เราก็ไม่รู้จะเอาฮอลล์ใหญ่ไปทำไม ไม่รู้ว่าจะเอาที่นั่งเป็นหมื่นไปทำอะไร ไม่โกรธนะที่เกิดผลกระทบเกิดขึ้นกับเราแบบนี้ แม้จะสูญเสียเงินเพิ่มขึ้นเป็นสิบล้าน (ถอนหายใจ) ยอมขาดทุนครับ เราต้องทำงานให้จบ ให้สาวงามจากต่างประเทศ รวมทั้งคนดูทั่วโลกรู้สึกประทับใจและรู้สึกพอใจในผลงานของเรา เพื่อที่เราจะได้ทำงานได้สะดวกขึ้น เอาเป้นว่า ตอนนี้ ได้แต่พยายามเข้าใจ และสู้ต่อไปครับ

ณ ขณะที่ทำการสัมภาษณ์ ณวัฒน์เผยว่า ตอนนี้ ทีมงานทุกคนรวมทั้งสาวงามกำลังทำการซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น โดยการประกวดรอบตัดสินจะมีขึ้นภายในวันที่ 19 พ.ย. นี้ โดยใครที่สนใจมาชมที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ณวัฒน์ใจปล้ำเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเข้ามาชมฟรี โดยมารับบัตรหน้างานได้ตั้งแต่เวลา 19.00 น. หากใครอยากติดตามชมผ่านหน้าจอทีวี ติดตามชมได้ทางช่อง 7 สี เวลา 22.30 น.

“ถามว่ามาจนถึงขณะนี้ เรามั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ เอาเป็นว่ามั่นใจ 90 เปอร์เซ็นต์ละกันครับ ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไรที่เราไม่คาดฝันเกิดขึ้น ก็ภาวนาขอให้ทุกอย่างราบรื่น อย่าได้ติดขัดอะไร ส่วนใครที่ถามว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเวทีการประกวดเวทีนี้แล้วจะท้อจนถอดใจหรือเปล่า ไม่จัดการประกวดอีกแล้วหรือเปล่า ผมขอยืนยันตรงนี้ว่า ผมยังจะมีการประกวดในปีต่อๆ ไปอย่างแน่นอน ไม่ท้อ ครับ ขอยืนยัน”