ไขข้อสงสัยที่คนไม่ค่อยรู้ "เมื่อกะเทยต้องไปเกณฑ์ทหาร"
ตอบคำถามที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้ "เมื่อกะเทยต้องไปเกณฑ์ทหาร"
เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล
ฤดูเกณฑ์ทหารเวียนมาอีกครั้ง ...
ภาพชายหนุ่มอกสามศอกถอดเสื้อจับใบดำใบแดง ท่ามกลางเสียงโห่ฮาของกองเชียร์ บางคนกระโดดตัวลอยเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ต้องไปเป็นทหาร บางคนนอนดิ้นพราดๆกับพื้น (ดีใจ?) ที่ได้รับใช้ชาติ
สปอร์ตไลท์ถูกสาดส่องไปยังสาวประเภทสองหน้าตาสะสวย หุ่นดี ยืนยิ้มด้วยท่าทีสงบ ไม่มีใครรู้ว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ ลุ้นใจจดใจจ่อ? มั่นใจยังไงก็รอด? หรือพยายามสะกดความเขินอายจากการถูกสายตาและคำซุบซิบนินทาที่พุ่งมาจากทุกทิศทุกทาง
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ "กะเทย" ต้องเตรียมตัวเตรียมใจยังไงเวลาไปเกณฑ์ทหาร
วันนี้ โน๊ต-เจษฎา แต้สมบัติ ผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย (Thai Transgender Alliance-Thai TGA) จะมาตอบข้อสงสัยทุกประการถึงการเตรียมพร้อมของน้องๆในการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2559 ระหว่างวันที่ 1-12 เมษายนนี้
ในอดีตที่ผ่านมา วิวัฒนาการการเกณฑ์ทหารกับกะเทยเป็นอย่างไร
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเวลากะเทยไปเกณฑ์ทหารคือ "กะเทย" "สาวประเภทสอง" หรือ "คนข้ามเพศ" จะถูกจัดให้อยู่ในจำพวกที่ 4 หมายถึงบุคคลทุพลภาพ โรคจิต วิกลจริต เวลาไปเกณฑ์ทหารก็จะถูกให้ถอดเสื้อต่อหน้าสาธารณะ ทั้งที่บางคนผ่าตัดแปลงเพศมีหน้าอกแล้ว ถูกแซว ถูกคุกคาม ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
กระทั่งปี 2549 เราร่วมกับเครือข่ายความหลากหลายทางเพศ นำโดยคุณสามารถ มีเจริญ ยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อให้มีการแก้ไขถ้อยคำที่ระบุในใบเกณฑ์ทหารว่า 'โรคจิตถาวร' ระหว่างนั้นก็มีการสื่อสารทำความเข้าใจกับทหาร ทั้งเรื่องมาตรฐานการปฏิบัติต่อน้องๆที่เป็นกะเทย เราไม่ได้ต้องการให้น้องกะเทยได้รับการปฏิบัติที่พิเศษกว่าคนอื่น แต่เราต้องการได้รับการปฏิบัติที่ยึดในการเคารพคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ต่อมาปี 2555 ศาลปกครองมีคำสั่งให้แก้ไขถ้อยคำในใบสด.43 (ใบรับรองผลการตรวจเลือกทหาร) โดยร่วมมือกับกระทรวงกลาโหม และกรรมาธิการเด็ก สตรี และเยาวชน ในการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ จนได้ถ้อยคำใหม่ว่า 'ภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด' และเริ่มประกาศบังคับใช้เป็นทางการเมื่อปี 2557
ปัญหาที่กะเทยต้องเจอเวลาถึงช่วงเกณฑ์ทหารคืออะไร
ปัญหาที่พบบ่อยคือ น้องไม่ทราบข้อมูล เข้าไม่ถึงข้อมูล ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ขอเอกสารใบรับรองแพทย์ที่ไหน ทำให้หลายคนต้องกลับมาเกณฑ์ทหารใหม่อีกครั้งในปีถัดไป เพราะขอเอกสารไม่ทัน บางคนโชคร้ายจับได้ใบแดง เราก็ต้องทำเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการระดับสูง ให้เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ว่าน้องๆเหล่านี้เป็นกะเทย เป็นสาวประเภทสองจริงๆ ก่อนจะช่วยเหลือให้ปลดประจำการออกมา
ที่ผ่านมา จากการพูดคุยผ่านสายด่วนให้คำปรึกษา น้องๆจะโทรเข้ามาเยอะ บ่นว่าเครียด นอนไม่หลับ พ่อแม่ญาติพี่น้องก็เครียดกันหมดทั้งบ้าน กลัวว่าจะได้เป็นทหาร กลัวว่าจะถูกคุกคาม ถูกล่วงละเมิดทางเพศ
นอกจากนี้ ปัญหาอีกอย่างคือ การทำงานร่วมกับโรงพยาบาลของรัฐที่มีแผนกจิตเวช เพื่อให้เขามีความรู้ความเข้าใจว่าน้องๆสามารถมาขอใบรับรองแพทย์ได้ เพราะโรงพยาบาลบางแห่งปฏิเสธ ไล่ให้ไปใบรับรองแพทย์ที่โรงพยาบาลทหาร ซึ่งโรงพยาบาลทหารมีข้อจำกัดมีจำนวนแค่ 20 แห่งทั่วประเทศเท่านั้น
กะเทยแบบไหน ถึงจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเป็นทหาร
ในสายตาทหาร เขาแบ่งกะเทย หรือสาวประเภทสองออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันคือ เห็นได้ด้วยตา หมายถึง เห็นได้จากภายนอก ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายชัดเจน เช่น หน้าอก แพทย์ในหน่วยตรวจเลือกสามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ไม่ต้องรับการเข้าเกณฑ์ทหาร
ส่วนกะเทยหลายคนที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนร่างกาย ไม่ได้ทำหน้าอก ไม่ได้แปลงเพศ เพราะบางคนอายุไม่ถึง 20 ปี หลายคนยังเรียนอยู่ หลายคนมีข้อจำกัดเรื่องเงินค่าผ่าตัด คนกลุ่มนี้ทหารก็อยากจะให้ไปขอใบรับรองแพทย์
กลุ่มสุดท้ายคือ ผู้ที่มีจิตใจเป็นผู้หญิง แต่ไม่สามารถใช้วิถีชีวิตเป็นผู้หญิงได้ ด้วยข้อจำกัดต่างๆ เช่น บางคนยึดอาชีพครู บางคนทางบ้านยังไม่ยอมรับ ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้
กะเทยแปลงเพศกับไม่แปลงเพศเจอปัญหาแตกต่างกันไหม
ไม่ว่าจะแปลงเพศ หรือไม่แปลงเพศ เขาจะดูใบรับรองแพทย์เป็นสำคัญ ถ้าคุณแปลงเพศแล้ว แต่ไม่มีใบรับรองแพทย์ การพิสูจน์อย่างเดียวที่จะทำได้คือ ตรวจร่างกาย ถึงแม้ปัจจุบันทหารจะมีห้องลับเฉพาะในการตรวจร่างกาย แต่คุณก็ต้องเปิดอวัยวะเพศ เพื่อให้แพทย์ในหน่วยตรวจเลือกตรวจ แต่ถ้าคุณมีใบรับรองแพทย์ ทุกอย่างก็จบ ดังนั้นเราจึงรณรงค์ให้น้องๆกะเทย ไม่ว่าจะแปลงเพศหรือไม่แปลงเพศ ต้องขอใบรับรองแพทย์ทุกคน
แล้วจะรู้ได้ไงว่าเป็นกะเทยจริงๆ ไม่ใช่พวกแอบอ้างเพื่อหนีทหาร
เราเคยพาน้องๆกะเทยไปตรวจที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา พบว่า แพทย์จะมีวิธีวินิจฉัยอย่างละเอียด เช่น ต้องพบกับจิตแพทย์ถึง 3 คนในการรับรอง ต้องทำแบบทดสอบทางจิตวิทยากว่า 800 ข้อ ตรงนี้จะเป็นวิธีสกรีนได้ในระดับหนึ่งว่าใครมีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด
สมมติว่าคุณจะไปเกณฑ์ทหาร คุณจะยอมไหมที่จะถูกเรียกว่ามีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ซึ่งหมายความว่าคุณเป็นกะเทย เป็นสาวประเภทสอง แล้ววันที่คุณไปเกณฑ์ทหารต้องเจอทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง เพื่อน กองเชียร์ ธรรมชาติของผู้ชายไม่มีทางที่จะลดเกียรติของตัวเองว่าฉันเป็นกะเทย ฉันมีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ไม่ยอมไปเข้าแถวของสาวประเภทสองที่ถูกจัดไว้ให้เฉพาะ ที่สำคัญเอกสารประจำตัวสำคัญที่ได้รับมาเพื่อแสดงว่าเราพ้นจากการเกณฑ์ทหารแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสอบเข้าเรียน สมัครงาน การเดินทาง การทำธุรกรรมต่างๆ คุณจะต้องใช้มันไปตลอดชีวิต เราจึงไม่เคยพบว่า มีผู้ชายคนไหนแกล้งเป็นกะเทยเพื่อหนีทหาร
คิดยังไงกับการทำข่าวกะเทยเกณฑ์ทหารของสื่อมวลชน
ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่เราต้องสื่อสารกับสื่อมวลชนว่า เวลาทำข่าวเกณฑ์ทหาร เราไม่อยากให้คุณจับประเด็นเฉพาะเรื่องกะเทยสวยไปเกณฑ์ทหาร โฟกัสไปที่กะเทยหน้าตาสวย รูปร่างดีเท่านั้น แต่อยากให้โฟกัสไปที่มาตรฐาน หรือการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารที่มีต่อกะเทยมากกว่า เพราะยิ่งทำข่าวแบบนั้น มันยิ่งเห็นอคติในการนำเสนอความแปลกประหลาด ตลกขบขัน และสร้างบรรทัดฐานให้มีแต่กะเทยสวยเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับ เราไม่เคยเห็นกะเทยหน้าตาธรรมดา กะเทยหน้าตาไม่ดีปรากฎอยู่ในข่าวเลย
อยากให้เสนอภาพรวมมากกว่าว่า ถึงฤดูเกณฑ์ทหาร น้องๆกะเทย สาวประเภทสอง ผู้ที่มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด พวกเขาเหล่านี้ได้รับการปฏิบัติอย่างไรบ้าง น้องเค้าเตรียมพร้อมยังไง มีความท้าทายอย่างไรบ้างในการมาเกณฑ์ทหาร ขณะเดียวกันผู้ชายแท้ๆที่ไปเกณฑ์ทหารมองน้องๆเหล่านี้ด้วยท่าทีอย่างไร นักข่าวควรเสนอภาพบรรยากาศกระบวนการเกณฑ์ทหาร มาตรฐานการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหาร มากกว่าจะเอากะเทยเป็นจุดขาย
อยากเสนอแนะอะไรไปยังฝ่ายทหาร
เราไม่ได้มองไปไกลถึงขนาดจะให้มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ณ ตอนนี้ ข้อเรียกร้องที่เรามองบนพื้นฐานของความเป็นไปได้ในปัจจุบันคือ อยากให้พี่ๆทหารช่วยเรื่องการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารให้แก่น้องๆกะเทย สาวประเภทสอง หรือผู้มีภาวะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด ตั้งแต่ตอนมาขึ้นทะเบียนทหารตอนอายุ 17 ปีที่สัสดีภูมิลำเนา
อยากให้เจ้าหน้าที่สัสดีแจ้งกับน้องๆว่า กรณีคนที่เป็นกะเทย สาวประเภทสอง หรือคนข้ามเพศ สามารถขอใบรับรองแพทย์ได้ และขอได้ที่ไหนบ้าง ขออย่างไร เพื่อที่เวลาอายุ 20 ปีบริบูรณ์จะได้มีความพร้อมในเรื่องเอกสาร ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราอยากจะสื่อสารกับทางพี่ๆทหาร ถ้าน้องเค้าเข้าใจชัดเจน น้องๆเค้าจะได้เตรียมเอกสารให้เรียบร้อย จะช่วยผ่อนแรง ลดความยุ่งยากของพี่ๆทหารด้วย
นอกจากนี้ อยากให้มีการปฐมนิเทศเจ้าหน้าที่ที่จะมาทำหน้าที่ตรวจคัดเลือกทหาร ให้เข้าใจว่าจะต้องปฏิบัติกับน้องๆสาวประเภทสองอย่างไร จะเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของเขาอย่างไร เช่น ไม่สั่งให้เค้าเสิร์ฟน้ำ ไม่สั่งให้เค้าเต้นในกิจกรรมสันทนาการเพื่อความบันเทิง ไม่พูดจาข่มขู่ คุกคาม ด่าว่า หรือทำให้รู้สึกอับอายต่อหน้าธารกำนัล
ทั้งหมดช่วยให้ภาพลักษณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ทหารในการเกณฑ์ทหารมีความก้าวหน้าพัฒนาด้วย
แล้วอยากแนะนำน้องๆกะเทยที่กำลังจะเข้าเกณฑ์ทหารอย่างไรบ้าง
น้องๆที่กำลังจะเกณฑ์ในปีนี้ เข้าใจว่าหลายคนเตรียมตัวไม่ทัน หลายคนขอใบรับรองแพทย์ไม่ทัน ก็อยากให้น้องไปเกณฑ์ทหารตามปกติ ห้ามหนี ห้ามหลบเลี่ยง เพราะจะมีความผิดตามกฎหมาย ยังไงก็ต้องไปตามปกติ พี่ๆทหารเขาจะมีทางออกให้ นั่นคือ กลับมาเกณฑ์ใหม่ในปีหน้า แล้วไปขอเอกสารมาให้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องตกใจใดๆทั้งสิ้น
น้องๆควรไปถึงสถานที่เกณฑ์ทหารตรงต่อเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าสายตา ซึ่งอาจนำไปสู่การพูดจาล้อเลียนแต่งกายให้เหมาะสม ถ้าเป็นนักศึกษาให้ใส่ชุดนักศึกษาไปได้ สำรวจกิริยามารยาท วางตัวอย่างเหมาะสมในการติดต่อกับหน่วยงานทางราชการ อดทนอดกลั้นต่อสายตากองเชียร์ และการจับจ้องในบริเวณพื้นที่ตรวจเลือก
นอกจากนี้หากถูกสั่งให้ถอดเสื้อ ถ้าใส่เสื้อที่มีกระดุมอยู่แล้ว สามารถปลดกระดุมได้ 2-3 เม็ดก็ทราบได้ว่ามีนมหรือไม่ แต่ถ้าไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ตไปควรเจรจากับเจ้าหน้าที่ว่าขอไปทำในที่มิดชิดบริเวณใกล้เคียงที่ไม่ไกลจากสายตาผู้คนมากนัก เพื่อป้องกันการถูกล่วงละเมิด
อย่าหลงเชื่อถ้อยคำชักจูงใดๆ เช่น ถ้าไปเป็นทหารจะไม่ให้ฝึก จะให้ไปทำงานสบายๆในครัวหรือในสำนักงาน เพราะคนที่มีอำนาจตัดสินใจว่าเราจะได้จับใบดำใบแดงหรือไม่คือเจ้าที่ที่ตรวจร่างกายเรา ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหารระดับปฏิบัติการที่เดินอยู่ในบริเวณนั้น
ถ้าถูกสั่งหรือขอให้ไปช่วยเสิร์ฟน้ำ บีบนวดเจ้าหน้าที่ หรือเข้าร่วมการประกวดเพื่อสร้างบรรยากาศ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้ เพราะเป็นกิจกรรมที่กะเทยถูกใช้เป็นเครื่องมือจากฐานคิดที่ไม่ส่งเสริมการเคารพศักดิ์ศรีและความเท่าเทียมกันในสังคม ดังนั้นเราไม่ควรสนับสนุนวิธีปฏิบัติแบบนี้ และต้องหาวิธีการปฏิเสธที่เหมาะสม
กรณีที่รูปร่างการแต่งกายยังไม่ดูเป็นผู้หญิงมากแต่จิตใจเป็นหญิงแล้ว เช่น ยังไม่มีหน้าอก ผมยังไม่ยาว เหล่านี้มีสิทธิที่จะผ่านการตรวจร่างกายสูงมาก ดังนั้น ถ้ามีเอกสารใดๆ เช่น ใบรับรองจากจิตแพทย์ ให้รีบยื่นในขั้นตอนการตรวจร่างกายหรือร้องเรียนต่อประธานกรรมการการตรวจเลือกฯ ก่อนที่จะต้องจับฉลากเพื่อยันยันความเป็นตัวเอง
ทั้งหมดทั้งปวงถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการคุกคาม ล่วงละเมิดทางเพศ เลือกปฏิบัติ หรือถูกกีดกันด้วยวิถีแห่งเพศ น้องๆสามารถร้องเรียนได้ที่ประธานตรวจคัดเลือกเกณฑ์ทหาร
สำหรับน้องๆที่จะเข้าไปเกณฑ์ทหารในปีหน้า ควรเข้าไปศึกษาข้อมูลได้ที่เครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย www.thaitga.com หรือเพจเฟซบุ๊ก www.facebook.com/thaitga อัพเดทข่าวการเกณฑ์ทหารที่ https://www.facebook.com/tgmilitaryrecruit/ ชมคลิปวีดีโอในยูทูบที่ https://youtu.be/Q51uZ1nPILE หรือค้นหาคำว่า “กะเทยกับการเกณฑ์ทหาร” เพื่อให้ตัวเองได้เตรียมความพร้อมอย่างทันท่วงที และไม่เครียดด้วย
ถ้าเราพร้อม เตรียมเอกสารพร้อม ก็จะอุ่นใจ สบายใจในการเกณฑ์ทหารที่จะมาถึง.
ชมคลิปน่ารักๆกะเทยเกณฑ์ทหาร https://www.youtube.com/watch?v=Sq_4IdjgUt8