"บิ๊กตู่"ซื้อใจคนจน ปูทางเลือกตั้ง
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ยิ่งจะได้เห็นนโยบายอุ้มคนจนของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดเพื่อปูทางไปสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
โดย...ทีมข่าวการโพสต์ทูเดย์
ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ยิ่งจะได้เห็นนโยบายอุ้มคนจนของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดเพื่อปูทางไปสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง
โครงการช่วยคนจนที่บิ๊กตู่และ คสช.มั่นใจว่าจะครองใจรากหญ้าได้ คือ “โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “บัตรคนจน” โดยช่วยผู้มีรายได้น้อยกว่าปีละ 1 แสนบาท ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 8.3 ล้านราย รัฐบาลอัดงบไป 1.9 หมื่นล้านบาท เพื่อแจกเงิน 3,000 บาท แก่คนจนที่รายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท/ปี และคนละ 1,500 บาท แก่คนจนที่รายได้เกิน 3 หมื่นบาท/ปี
ต่อมาเฟส 2 แจกเงินผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์จากแพ็กเกจสวัสดิการที่รัฐบาลจัดให้ สำหรับผู้มีรายได้มากกว่า 3 หมื่น-1 แสนบาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 200 บาท/เดือน ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่นบาท/ปี ได้รับวงเงินผ่านบัตร 300 บาท/เดือน รวมถึงวงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้ากระทรวงพลังงาน 45 บาท/คน/3 เดือน และยังช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาท/เดือน วงเงินค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท/เดือน และวงเงินค่าโดยสารรถไฟ 500 บาท/เดือน รวม 11.4 ล้านราย
ยิ่งล่าสุดบัตรคนจนเฟส 3 เตรียมเพิ่มวงเงินรายเดือนกรณีรายได้ตั้งแต่ 3 หมื่นบาทขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท/ปี จะได้วงเงินช่วยเหลือเพิ่ม 100 บาท/เดือน เพิ่มจาก 200 บาท/เดือน เป็น 300 บาท/เดือน ส่วนรายได้ไม่ถึง 3 หมื่นบาท/ปี จะได้วงเงินช่วยเหลือเพิ่มอีก 200 บาท/เดือน จาก 300 บาท/เดือน เพิ่มเป็น 500 บาท/เดือน และยังสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลผ่านโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้ เป็นต้นไป
นอกจากนี้ เตรียมแจก “ซิมคนจน” โดยรัฐบาลจะดูแลค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตรายเดือนให้ โดยเติมเงินผ่านบัตรคนจน เท่านั้นยังไม่พอคนถือบัตรคนจนรัฐบาลจะให้เพิ่มค่าเดินทางเดือนละ 1,000 บาท แบ่งเป็น รถไฟของการรถไฟ
แห่งประเทศไทย (รฟท.) จำนวน 500 บาท/คน/เดือน และรถโดยสารประจำทางของบริษัท ขนส่ง (บขส.) จำนวน 500 บาท/คน/เดือน และในอนาคตจะเพิ่มค่าเดินทางในระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีม่วงอีกเดือนละ 500 บาท
อีกโครงการที่ “บิ๊กตู่” ภูมิใจ คือ โครงการ “ บ้านคนไทยประชารัฐ” เพื่อให้คนจนมีบ้านเป็นของตัวเอง โดยการนำที่ดินราชพัสดุ รวมทั้งหมด 317 ไร่ จัดเป็นที่อยู่อาศัย 2,757 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.5–7 แสนบาท ประกอบไปด้วย บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 28 ตร.ม. โครงการนี้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 4,000 ล้านบาท ผ่านธนาคารออมสินและธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธ.อ.ส.) โดยมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1-4 ร้อยละ 2.75 ต่อปี ส่วนปีที่ 5 เป็นต้นไป คิด MRR แบ่งเป็นรายย่อย MRR - 0.75 ต่อปี และกรณีสวัสดิการหักเงินเดือน MRR-1 ต่อปี พร้อมกำหนดระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี
นอกจากนี้ “บิ๊กตู่” ยังสั่งการให้การเคหะแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัดโครงการ “บ้านเคหะประชารัฐ” ผุดขึ้นทั่วประเทศกว่า 50 โครงการ มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค เน้นสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ อัตราดอกเบี้ย 1.5% และฟรีค่าธรรมเนียมการโอนสิทธิราคาบ้านตั้งแต่ 4-7 แสนบาท
ยิ่งประชาชนในกลุ่มเกษตรกร รัฐบาลเอาใจมากเป็นพิเศษ โดยมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นเจ้าภาพหลัก คือ “โครงการพักหนี้เกษตรกร” รอบที่ 1 วงเงิน 9.5 หมื่นล้านบาท เพื่อลดภาระหนี้สินทั้งในและนอกระบบ และต่อมาพักหนี้เกษตรกร รอบที่ 2 วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 10 ล้านคน
ยังไม่หยุดเทงบประมาณเพียงเท่านี้ “บิ๊กตู่” ตั้งงบกลางปี 2561 จำนวน 1.5 แสนล้านบาท “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” โดยกระทรวงมหาดไทย เป็นเจ้าภาพปูพรม 8 หมื่นหมู่บ้านและชุมชนได้งบแห่งละ 2 แสนบาท
ไม่เฉพาะคนจนในชนบทเท่านั้น รัฐบาลเอาใจคนจนในเมืองผ่านโครงการ “กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง” อัดเม็ดเงินสนับสนุนตั้งแต่ปี 2559 ราว 6 หมื่นล้านบาท ปี 2560 อัดเงินไปราว 4 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2561 รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท
จุดพลิกจะได้เป็นรัฐบาลต่อหรือไม่ คือนโยบายแก้จนที่โดนใจ “บิ๊กตู่” จึงต้องสวมบทพ่อบุญทุ่ม อัดฉีดสารพัดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า เน้นซื้อใจผู้มีรายได้น้อยเป็นหลักถึงจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง