น้ำพังแนวคันดินจมนามิดรวงข้าว
น้ำพังแนวคันดินสูงกว่า 2 เมตร ทะลักเข้าท่วมนากรุงเก่าจนมิดรวงข้าว
น้ำพังแนวคันดินสูงกว่า 2 เมตร ทะลักเข้าท่วมนากรุงเก่าจนมิดรวงข้าว
ปริมาณแม่น้ำน้อยที่มีระดับน้ำท่วมสองฝั่งน้ำพังแนวคันดินสูงกว่า 2 เมตรเข้าท่วมแปลงข้าวนาปรังขนาด 40 ไร่ เขต ม.1ต.บ้านแป้ง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ของนาย ปรีชา เริงอนันต์ อาจารย์ประจำโรงเรียนวัดไทรโสภณ (ปราสาททองโอสถสงเคราะห์) หมู่ 3 ต.บ้านเกาะ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา จนมิดรวมข้าวและสร้างความเสียหายทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท โดยเจ้าของนาช้ำในชะตากรรมโดยทำได้เพียงจุดธูปบอกพระแม่โพสกที่จมน้ำให้กลับบ้านพร้อมกัน ตามความเชื่อของชาวนาที่ไม่อยากให้พระแม่โพสกจมน้ำ
นายปรีชา กล่าวว่า ครอบครัวถึงจะรับราชการแต่เดิมรุ่นพ่อแม่ก็เป็นชาวนา มาช่วง 4-5 ปีหลังที่ผ่านมา นอกจะเป็นครูแล้วก็ยังทำอาชีพเสริมด้วยการทำนาด้วย โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการขยันทำมาหากินเพิ่มรายได้ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยข้าวนาปรังที่เกือบจะเก็บเกี่ยวแล้วโดยนัดรถเกี่ยวข้าวไว้กลางสัปดาห์นี้ และน้ำท่วมก็ใกล้เข้ามาจึงลงทุนทำคันดินล้อมแปลงนาจำนวน 40 ไร่ โดยในทิศตะวันออกและทิศใต้เป็นถนนจึงลงทุนทำคันล้อมในทิศเหนือและทิศตะวันตกเสียเงินไปจำนวนมากเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หลังเลิกสอนที่โรงเรียนก็มาเฝ้าแปลงนาตลอดทั้งคืนเพราะกลัวว่าน้ำจะพังเข้ามาท่วมแปลงนาโดยในใจเพียงต้องการป้องกันให้ถึงวันที่รถเกี่ยวข้าวมาเกี่ยวในกลางสัปดาห์นี้แต่ก็ไม่มันการเพราะน้ำขึ้นเร็วมากและพังคันดินเข้ามาท่วมนาเพียงไม่กี่ชั่วโมง พบว่าต้นข้าวและรวงข้ามจมน้ำทั้งหมดแล้วซึ่งคงไม่ไปจ้างใครมาเกี่ยวข้าวในน้ำ เพราะว่าจะต้องลงทุนเงินอีกมาและหากได้ข้าวขึ้นมาก็จะต้องมีความชื้นสูง ขายได้ไม่ได้ราคาจะถือว่าไม่คุ้มกับเงินที่จะต้องเสียเพิ่มในการเกี่ยวข้าวจมน้ำ
"ผมต้องปล่อยให้ข้าวจมน้ำเสียหายไปและยอมรับชะตากรรม ล่าสุดทางผู้ใหญ่บ้าและตัวแทนเกษตรตำบลเข้ามาสำรวจแล้วคาดว่าจะได้รับเงินชดเชยไร่ละ 2,222 บาท ซึ่งถือว่ายังขาดทุน โดยแปลงนา40 ไร่ ตนเองลงทุนไปไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนบาท" นายปรีชา กล่าว