แก้ท่วมเด่นเกินหน้าเชือดไก่ผู้ว่าฯปทุมฯ

27 ตุลาคม 2554

อยู่ดีๆ กระทรวงมหาดไทยก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น เมื่อมีคำสั่งสายฟ้าแลบ ย้าย “พีระศักดิ์หินเมืองเก่า”

โดย...ทีมข่าวการเมือง

อยู่ดีๆ กระทรวงมหาดไทยก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น เมื่อมีคำสั่งสายฟ้าแลบ ย้าย “พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า” ผวจ.ปทุมธานี เข้ากรุผู้ตรวจราชการกระทรวง โดยที่ไม่มีสัญญาณอะไรก่อนหน้านี้ และหากว่ากันตามตรงแล้ว ค่อนข้างผิดธรรมเนียมประเพณีของกระทรวงคลองหลอดแห่งนี้ ที่จะโยกย้ายสักทีก็ต้องโยกย้ายกันเป็นบัญชีใหญ่ถึงขั้น 40-50 ตำแหน่ง เพราะเมื่อสิ้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา มีข้าราชการระดับ 10ซึ่งมีตั้งแต่อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ตรวจราชการกระทรวง เกษียณอายุราชการวมกันมากกว่า 20 ตำแหน่ง ไม่นับรวมถึงรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกษียณอายุราชการอีก 20 ตำแหน่งเช่นเดียวกัน

อันที่จริงชื่อชั้นของ “พีระศักดิ์” ติดอยู่ใน “แบล็กลิสต์” อยู่แล้ว เนื่องจากเติบโตแบบก้าวกระโดดในยุคที่พรรคภูมิใจไทยครอบครองอำนาจปกคลุมกระทรวงมหาดไทยในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์มาโดยตลอด เพราะถูกเลือกให้เป็น ผวจ.บุรีรัมย์ เมืองหลวงของพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่ปี 2552 และหลังจากดำรงตำแหน่งเพียงปีเดียวเท่านั้น ก็ได้ขึ้นเป็น ผวจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นจังหวัดเกรดเอทันที ทำให้ทุกฝ่ายหมายตาว่าเก้าอี้ของพีระศักดิ์นั้น หากมาด้วยตัวเองคงไม่มีใครดันขึ้นมาได้ไกลจนถึงขนาดนี้

เมื่อฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง รัฐบาลใหม่เข้ามาควบคุมมหาดไทยแทน นอกจากจะมี “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” อดีตปลัดกระทรวงฯ เป็น รมว.มหาดไทยแล้ว ยังหอบเอา “ชูชาติ หาญสวัสดิ์” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองปทุมธานีมาเป็น มท.2ด้วย ซึ่งทุกครั้งที่ชูชาติมอบนโยบายหรือไปเป็นประธานการประชุมที่ไหน ก็จะหยิบยก “ปทุมธานี” ขึ้นมาเป็นตัวอย่างในการแก้ปัญหาที่ “ไม่บูรณาการ” ทุกครั้ง เพราะผู้ว่าฯ มาแล้วก็ไป ไม่เคยสนใจจะรู้พื้นที่จริง และมักจะพูดว่า ความสำเร็จทุกอย่างที่เกิดขึ้นใน จ.ปทุมธานีไม่เคยมาจากข้าราชการประจำ หรือผู้ว่าฯ เลย แต่เกิดจากฝ่ายการเมืองเท่านั้น!

แก้ท่วมเด่นเกินหน้าเชือดไก่ผู้ว่าฯปทุมฯ

 

เสียวสันหลังไปถึงพีระศักดิ์ จนมีคำร่ำลือมาจากศาลากลางปทุมธานี ว่าเขาเริ่มแพ็กของเตรียมไปรับตำแหน่งผู้ตรวจตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย. ซึ่งเข้าใกล้ฤดูกาลโยกย้ายของกระทรวงมหาดไทย แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีคำสั่งลงมาเสียที เนื่องจากเกิดมหาอุทกภัยขึ้นก่อน

“ปทุมธานี” เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ต้องรับน้ำเหนือเต็มๆ ต่อมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งพีระศักดิ์เองก็ออกแอ็กชันเต็มที่จนประทับใจ “อารี ไกรนรา” เลขานุการ รมว.มหาดไทย ที่เอ่ยปากชมให้ฟังว่า พีระศักดิ์นั้นตั้งใจทำงาน และรู้พื้นที่ใน จ.ปทุมธานี ดีมากคนหนึ่ง ถึงกับควงกันขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจพื้นที่กัน 2-3 ครั้ง จนสนิทสนมกันแนบแน่น และยิ่งพีระศักดิ์เป็น “สิงห์ทอง” จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจูนกันได้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น จนมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากผู้มีอำนาจของกระทรวงมหาดไทยออกมาแล้วว่า “ทำงานดีขนาดนี้ ให้อยู่ที่เดิมแก้ปัญหาไปก่อนก็แล้วกัน”

จนกระทั่ง “มหาอุทกภัย” คืบเข้าใกล้ จ.ปทุมธานี จริงๆ บทบาทของพีระศักดิ์ก็มากขึ้นตามไปด้วย

วันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะถูกน้ำท่วมจนเสียหายทั้งหมดเพียง 2 วัน พีระศักดิ์ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนว่า น้ำจะท่วม จ.ปทุมธานี นั้น จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมีพายุลูกใหญ่อย่างพายุเกย์ผ่านกลางเมืองเท่านั้น เมื่อส่งเสียงผ่านออกมาทุกคนก็มั่นใจเต็มที่ว่า จ.ปทุมธานี จะต้องรอดพ้นจากปัญหาน้ำท่วมแน่นอน และจะส่งผลทำให้ “กรุงเทพฯ” ปลอดภัยตามไปด้วย

แต่ถัดจากนั้นมาเพียงไม่กี่วัน จ.ปทุมธานีก็เริ่มเอาไม่อยู่ เมื่อน้ำเริ่มลงต่ำเข้ามาเรื่อยๆ ท่วมลามไปตั้งแต่บ้านเรือนในเขต อ.สามโคก คลองหลวง ลาดหลุมแก้ว ธัญบุรี ท่ามกลางข่าวลือและข่าวจริงที่ว่ามีชาวบ้านมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากเพื่อขัดขวางการเปิดปิดประตูระบายน้ำ และการทำลายคันกั้นน้ำ เพื่อไม่ให้น้ำท่วมพื้นที่ของตัวเอง จนบางพื้นที่ถึงกับมีข่าวว่านำอาวุธปืนมาจ่อเจ้าหน้าที่กรมชลประทานและเจ้าหน้าที่ของจังหวัด จนเกิดเป็นโมเดล “ผู้มีอิทธิพลขวางทางน้ำ” ขึ้นมา เพราะ จ.ปทุมธานี นั้นมี สส.เป็นรัฐมนตรีถึง 2 คน นอกจาก “ชูชาติ” แล้ว ยังมี “สุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล” เป็น รมช.ศึกษาธิการ รวมถึง สส.ปทุมธานีทั้ง 6 คนก็ล้วนเป็น สส.พรรคเพื่อไทยยกจังหวัด

ถึงขั้นพีระศักดิ์ร้องไห้ออกทีวีว่า “ไม่ต้องเอาผมไว้ในตำแหน่งก็ได้ แต่ขอให้จังหวัดผมรอดก็พอ” และขอให้ยก จ.ปทุมธานี ให้ทหารเป็นคนจัดการแทน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ขอให้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ดูแลจังหวัดแทนเขาเพื่อยุติเหล่าผู้มีอิทธิพล เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาถูกกดดันเป็นอย่างหนักจากทั้ง สส.ในพรรคและผู้ใหญ่ในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)

ผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์ พีระศักดิ์ก็ถูกเด้งจริง ท่ามกลางเสียงครหามากมายว่าเป็นการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” และถูกตั้งคำถามอย่างหนักหน่วงว่า เพราะเหตุใดถึงจะต้องย้ายพีระศักดิ์ที่มีภาพของคนทำงานเพื่อปกป้องจังหวัดจนวินาทีสุดท้ายมาตลอด โดย “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” มท.1 ตอบง่ายๆ สั้นๆ ว่า เหตุที่ย้ายพีระศักดิ์เข้าไปนั่งในกระทรวงนั้น เพราะพีระศักดิ์เหนื่อยกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมมามากแล้ว

แต่ก็ถูกข้าราชการในกระทรวงมหาดไทยและสื่อมวลชนวิจารณ์กันระงมไปหมดว่า ถ้าย้ายเพราะพีระศักดิ์เหนื่อยจากน้ำท่วม ทำไมจึงไม่ย้าย ชัยโรจน์ มีแตง ผวจ.นครสวรรค์ วิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา หรือผู้ว่าฯ จังหวัดอื่นๆ ที่เหน็ดเหนื่อยจากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมตามไปด้วย เพราะคงไม่ใช่มีพีระศักดิ์คนเดียวที่เหนื่อย

วันรุ่งขึ้นยงยุทธจึงตอบแก้เกี้ยวไปว่า เหตุที่ย้ายพีระศักดิ์ก็เพื่อกระชับการประสานงานระหว่างกระทรวงมหาดไทยและ ศปภ.ให้ทำงานกันได้ใกล้ชิดมากขึ้น แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วทุกคนก็รู้ดีว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่พอใจพีระศักดิ์ เนื่องจากค่อนข้างเป็นคน “กร้าว” และ“ดื้อรั้น” รวมถึงมักจะพูดตรงๆ ทำให้หลายครั้งดูเหมือนเป็นการให้ร้ายรัฐบาล

แม้พีระศักดิ์จะยอมรับการโยกย้ายโดยดุษฎี และไม่ขออุทธรณ์คำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น แต่แน่นอนว่า นี่คือการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” ของ “ยงยุทธ” ที่ย้ำเตือนให้รู้ว่า ต่อแต่นี้ไปข้าราชการมหาดไทยห้าม “ขัดคำสั่งนักการเมือง” และห้าม “เด่นเกินหน้าเกินตา” อีกต่อไปแล้วจะสามารถทำงานกันต่อไปได้ราบรื่น! m

 

Thailand Web Stat