รวบเพิ่มโจรปล้นบ้านสุพจน์ยึดเงินคืนกว่า16ล.
ตำรวจแถลงจับโจรปล้นบ้านปลัดคมนาคมเพิ่ม4คนยึดเงินสดคืนรวมกว่า17.5ล้านบาท ด้านอดีตเลขาฯ"สุพจน์"พาลูกมอบตัวหลังถูกซัดทอดเอี่ยวขบวนการปล้น
ตำรวจแถลงจับโจรปล้นบ้านปลัดคมนาคมเพิ่ม4คนยึดเงินสดคืนรวมกว่า17.5ล้านบาท ด้านอดีตเลขาฯ"สุพจน์"พาลูกมอบตัวหลังถูกซัดทอดเอี่ยวขบวนการปล้น
ที่กองบังคับการสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) พล.ต.ต. วินัย ทองสอง รักษาราชการทำหน้าที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รรท.ผบช.น.) และพ.ต.อ. สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิย(ปปง.) แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม ในคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม(คม.) เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12พ.ย.2554
ผู้ต้องหา4คนในภาพจากซ้าย 1.นายวุฒิชัย พันธวารี อายุ 33 ปี 2. นายสมบูรณ์ ริยะเทน อายุ 40 ปี 3. นายวณัญกฤต บุตรกันหา 30 ปี และ4.นายบุญสืบ โจมกัน 44 ปี พร้อมของกลางเงินสด จำนวน 13,701,000 บาท
ก่อนลงมือมีข้อมูลเงินในบ้าน
ผลการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่ามีส่วนรวมในการก่อเหตุ จะมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพช่วงบ่ายวันนี้ ซึ่งในนายสมบูรณ์หนึ่งในคนร้าย เปิดเผยว่า ก่อนเข้าปล้นทราบว่าในบ้านมีเงินซุกซ่อนอยู่ 165 ล้านบาท วันเกิดเหตุได้เข้าไปภายในห้องนั่งเล่น หยิบเงินสดซึ่งบรรจุอยู่ในลังกระดาษในตู้เสื้อผ้าจำนวน3ลัง ซึ่งได้หยิบมาเพียง 1 ลังเท่านั้น ซึ่งภายในลังใบนี้มีเงินสดอยู่ 3 ล้านบาท
โจรขอมอบตัวเพิ่มอีก1
ล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ติดตามจับกุมคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในคดีนี้ได้แล้ว 6คน ขณะนี้ยังเหลือผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุที่ยังหลบหนีอยู่ คือ นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 36 ปี นายพงษ์ศักดิ์ หรือเจี๊ยบ นางวงศ์ อายุ 39 ปี นายคำนวน หรือ นวน เมฆน้อย อายุ 38 ปี นายประพันธ์ เรืองเครือ อายุ 42 ปี และล่าสุดชุดสืบสวนได้รับการติดต่อจาก นายชยทัช หรือ เอก จันนะชัย อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุว่าจะเดินทางเข้ามามอบตัวในเวลา 13.00 น.
พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวน นายชยทัช ทำหน้าที่นำข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เกิดเหตุที่จะเข้าทำการปล้นทรัพย์ มาให้กับนายบุญสืบ ขณะที่บุญสืบซึ่งมีความสนิทสนมกับนายวีระศักดิ์ ได้นำข้อมูลมาส่งต่อให้กับนายวีระศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ที่จัดหาทีมงานก่อเหตุ
ก่อนที่จะมาใช้ทีมงานของนายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชื่นชม ก็ได้ใช้มาแล้ว 2 ทีม แต่มีความไม่พร้อมเรื่องยานพาหนะ หรือพอเตรียมงานไปแล้ว ทีมงานกลับไม่กล้าลงมือก่อเหตุ จึงต้องเปลี่ยนทีมงานมาเป็นทีมของนายสิงห์ทองที่ถูกจับกุมได้
ใครรับฝากเงินปล้นให้รีบส่งคืน
สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ตำรวจทราบตัวละครที่ร่วมก่อเหตุทั้งหมดแล้ว ส่วนเงินของกลางที่ได้จากการก่อเหตุ ทราบว่านายวีระศักดิ์ได้กระจายไปฝากกับคนรู้จักดังนั้น หากใครรู้ที่ซ่อนของเงิน หรือรับฝากเงินดังกล่าวไว้ให้รีบนำมาคืน ซึ่งตำรวจจะกันไว้เป็นพยาน เชื่อว่าคดีนี้ตำรวจ จะสามารถจับกุมคนร้ายได้เพิ่มเติม รวมทั้งน่าจะสามารถยึดเงินของกลางได้เพิ่มเติมอีก
เมื่อถามถึงจำนวนเงินของที่คนร้ายโจรกรรมไป พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ กล่าวว่า ยอดเงินที่สูญหายตำรวจทราบจากคำให้การของผู้ต้องหาเท่านั้น ส่วนรายละเอียดต้องตรวจสอบต่อไป เมื่อถามว่าจากการตรวจที่เกิดเหตุตำรวจได้เห็นยอดเงินตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างหรือไม่ ก็เห็นว่า เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ความจริงจะปรากฎว่าคืออะไร
นอกจากนี้ ยังมีนายเลอศักดิ์ วิริยะกระษาปณ์ อายุ 51 ปี ชาวจ.กาญจนบุรี แสดงความบริสุทธิ์โดยนำเงิน 1,500,000 บาท ที่นายวีระศักดิ์หัวหน้าแก๊งนำมาฝากไว้ มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะไม่ทราบว่าเงินนี้ได้มาจากการปล้น
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17พ.ย.จับกุมคนร้ายได้ 2 คน พร้อมของกลางเงินสด จำนวน 2,322,000 บาท ได้แก่ นายสิงห์ทอง ใจชมชื่น และ นายเสาร์แก้ว นามวงศ์
อดีตเลขาฯ"สุพจน์"พาลูกมอบตัวหลังเอี่ยวปล้น
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ย. ที่บก.สส.บช.น. นายชยธัช หรือ เอก จันนะชัย อายุ 34 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาร่วมขบวนการปล้นบ้าน นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ตามหมายจับของศาลอาญาเลขที่ 1789/2554 ลงวันที่ 19 พ.ย. พร้อมด้วยนางชุติมา จันทร์ผ่อง มารดา ซึ่งเคยเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายสุพจน์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เดินทางเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แบ่งชุดสอบสวนออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกสอบปากคำนายชยธัช ขณะที่อีกชุดสอบปากคำนางชุติมา ซึ่งจากการสอบสวนนายชยธัชยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ สำหรับนางชุติมา ซึ่งเคยเป็นเลขาฯนายสุพจน์ เพิ่งถูกไล่ออกไป 6 เดือนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ โดยสาเหตุเกิดจากนายสุพจน์ต้องการให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน
ด้านพ.ต.อ.ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง กล่าวภายหลังพาผู้ต้องหาไปทำแผนว่า ความคืบหน้าของคดีก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมทั้งหมดแล้ว เหลือเพียง นายสุพจน์ ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้มาให้ปากคำ เนื่องจากติดภารกิจ จึงทำให้ยังไม่ทราบมูลค่าทรัพย์สินที่สูญหาย
ภาพ/โกศล นาคาชล