วัดพนัญเชิง ผู้พิชิตมหาอุทกภัย 2554

13 ธันวาคม 2554

วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นวัดสำคัญใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่สามารถต่อสู้กับมหาอุทกภัยปี 2554 จนตลอดรอดฝั่งได้อย่างงดงามน่าชื่นชม

วัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นวัดสำคัญใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่สามารถต่อสู้กับมหาอุทกภัยปี 2554 จนตลอดรอดฝั่งได้อย่างงดงามน่าชื่นชม

โดย..นพ.วิชัย โชควิวัฒน

วัดพนัญเชิงฯ ถือเป็นวัดเก่าแก่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ เพราะเป็นที่ประดิษฐาน พระไตรรัตนนายก หรือ “หลวงพ่อโต” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ซำปอกง” เทพเจ้าผู้พิทักษ์ท้องทะเล และยังมีตำนานของเจ้าชายสายน้ำผึ้งและเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ณ วัดแห่งนี้ด้วย เป็นต้น

หลวงพ่อโต นั้นสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 1867 ก่อนพระเจ้าอู่ทองทรงสร้างกรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี และเป็นวัดน้อยแห่งที่มิได้ถูกพม่าเผาทำลายคราวเสียกรุง เมื่อ พ.ศ. 2310 เหตุหนึ่งเพราะวัดตั้งอยู่นอกตัวเกาะพระนครศรีอยุธยา

วัดพนัญเชิงฯ ตั้งอยู่ในทำเลที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมมากกว่าหลายๆ พื้นที่ในอยุธยาด้วยซ้ำ เพราะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเกาะ ริมฝั่งแม่น้ำป่าสักมาจรดกับแม่น้ำเจ้าพระยาตรง “บางกะจะ” แม่น้ำตรงนั้นจึงกว้างและน้ำไหลแรง แต่สามารถเอาชนะน้ำท่วมได้โดยต่อเนื่องถึง 16 ปีมาแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2538

จากการศึกษาข้อมูลโดยเฉพาะจาก พระเทพรัตนากร เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงฯ ทราบว่าวิธีการเอาชนะมหาอุทกภัยครั้งนี้เป็นเรื่องตรงไปตรงมาไม่มีความซับซ้อนอะไรมาก

ประการแรก คือ การสร้างคันกระสอบทรายรอบวัดกว่า 7 แสนใบ มีเคล็ดสำคัญคือ 1) ต้องใช้ผ้าใบขึงกันน้ำไว้ก่อน 2) กระสอบทรายต้องไม่ผูกปาก แต่ใช้วิธีพับปากกระสอบทรายและวางเรียงให้ต่อเชื่อมกันสนิท 3) เนื่องจากปีนี้น้ำท่วมมาก จึงต้องใช้ไม้กระดานหนุนหลังแนวกระสอบทรายแล้วใช้ไม้ค้ำเพื่อต้านทั้งแรงดันน้ำและคลื่นจากเรือที่วิ่งผ่านไปมา ระยะหลังจึงต้องตอกเสาเข็มระยะห่างหนึ่งศอกช่วยยันไว้ด้วย

ประการที่สอง นอกจากคันกระสอบทรายแล้ว ทางวัดได้จ้างรถแบ็กโฮสองคันไว้ในวัด คอยตักดินในวัด สร้างคันดิน เสริมแนวกั้นน้ำตามความจำเป็นด้วย เพราะช่วงหลังหากระสอบทรายยาก

ประการที่สาม คือ การที่พระ เณร ราวร้อยรูปกับตำรวจตระเวนชายแดนที่เข้าไปอยู่ในวัดเดินยามอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคอยซ่อมแซมคันกั้นน้ำและคอยสูบน้ำออก โดยใช้เครื่องสูบน้ำ 10 เครื่อง

ผลสำเร็จของการต้านน้ำท่วมนอกจากสามารถรักษาทรัพย์สมบัติอันทรงคุณค่าในประวัติศาสตร์ของชาติและพระศาสนาไว้ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ปรากฏว่าวัดยังเป็นฐานที่ตั้งของตำรวจตระเวนชายแดนราว 500 นายด้วย

ถามว่า นอกจากแรงงานจำนวนมาก ทางวัดต้องใช้เงินไปเท่าไร ทราบว่าปีนี้ทางวัดใช้เงินไปกว่า 10 ล้านบาท เทียบกับปีที่แล้วใช้ไปราว 3 ล้านบาท ปีนี้ใช้มากเพราะต้องทำคันกระสอบทรายสูงกว่าปีที่แล้วมาก กล่าวคือใช้กระสอบทรายไปราว 7 แสนใบ ราคาใบละ 7 บาท รวมเป็นเงินราว 5 ล้านบาท

ช่วงหลังหาทรายยากต้องไปเอาจาก จ.ราชบุรี ราคาสูงถึงคันรถละ 14,000 บาท ค่าใช้จ่ายอีกส่วนหนึ่งที่สูงมาก คือ ค่าอาหารเพราะต้องเลี้ยงดูตำรวจตระเวนชายแดนราว 500 คน ที่เข้าไปตั้งฐานช่วยประชาชนอยู่ในวัดด้วย เงินทั้งหมดที่ใช้จ่ายเป็นเงินวัดที่มาจากศรัทธาของชาวบ้านทั้งสิ้น

เงิน 10 ล้านเศษมิใช่เงินน้อยๆ แต่คุ้มค่าอย่างยิ่ง เพราะนอกจากสามารถรักษาทรัพย์สมบัติของชาติและของพระศาสนาไว้ได้แล้ว ยังเป็นฐานให้ช่วยเหลือผู้คนได้มากมาย ทราบว่าปีหน้าเจ้าอาวาสเตรียมการสร้างระบบป้องกันแบบถาวรแล้ว

เมื่อวันเสาร์ที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปทอดกฐินที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อเครื่องบินบินผ่านดอนเมือง กัปตันประกาศให้ผู้โดยสารดูสภาพน้ำท่วม เห็นน้ำเวิ้งว้างไปหมด สักครู่หนึ่งก็บินผ่านอยุธยา มองเห็นตัวเกาะน้ำท่วมหมด แต่เห็นวัดพนัญเชิงฯ เหลืองอร่ามสะท้อนแสงอาทิตย์ยามเช้า งดงามยิ่งนัก 

 

Thailand Web Stat