ตบ-จบอนาคต

17 มกราคม 2555

เห็นทีงานนี้ท่านซี 7 จะหมดอนาคตราชการเสียแล้ว ไม่ว่าอาการบาดเจ็บจะถึงขั้นไหน เห็นทีจะหนีความผิดอาญาไม่พ้น

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง นักวิชาการกฎหมายอิสระ

การใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น นอกจากเป็นการผิดศีลในทางศาสนาแล้ว ยังเป็นความผิดตามกฎหมายด้วย ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลที่ทุกประเทศไม่ยอมให้มีการใช้กำลังทำร้ายร่างกายกันเอง ประมวลกฎหมายอาญาของไทยเราก็บัญญัติให้การใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นเป็นความผิด ซึ่งพอจะแบ่งความผิดเป็น 4 ระดับ จากเบาไปหาหนัก คือ

ความผิดลหุโทษ ตามมาตรา 391 “ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ความผิดตามมาตรา 295 “ผู้ใดทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ความผิดตามมาตรา 297 “ผู้ใดกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสิบปี”

ความผิดตามมาตรา 290 “ผู้ใดมิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”

ความผิดลหุโทษ เป็นความผิดเล็กน้อย ไม่ทำให้เกิดบาดเจ็บ โทษที่ได้รับจึงไม่มาก เราจึงมักได้ยินขาใหญ่เปรยๆ ว่า ตบสั่งสอนครั้งละ 500 บาท เพราะโทษปรับ 1,000 บาท ลดครึ่งราคาเมื่อรับสารภาพ คงเหลือ 500 บาท

ตบของไทยจึงเป็นตบราคาถูก และความผิดลหุโทษ ก็มักเป็นข้อยกเว้นเรื่องการเสียประวัติหรือขาดคุณสมบัติ ฉะนั้น สส.หรือท่านผู้ทรงเกียรติในสภาของบ้านเราจึงนิยมใช้กัน ไม่ว่าจะเป็นประเภท ตบสั่งสอน หรือจอมถีบประจำสภา ทั้งๆ ที่พฤติกรรมเหล่านี้เป็นอันธพาล ไม่เหมาะที่จะไปนั่งในรัฐสภาของผู้ทรงเกียรติ และที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือ การปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆ ว่าไม่ได้ทำ เป็นการทำผิดซ้ำสอง คือ การให้การเท็จ หรือการมุสาในทางธรรม

สำหรับ สส.ที่เรียกกันเองว่า ผู้ทรงเกียรติ จึงน่าจะมีมาตรฐานสูงกว่าชาวบ้านทั่วๆ ไป

ส่วนความผิดตามมาตรา 295 ต้องเกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ความยากจะอยู่ที่ว่า แค่ไหนเพียงใดจึงจะถือว่าเกิดอันตรายแก่กาย และอันตรายแก่จิตใจเป็นอย่างไร

หลักง่ายๆ ถ้าเพียงฟกช้ำดำเขียว ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก ไม่ถือเป็นอันตรายแก่กาย เว้นแต่จะปรากฏว่าเลือดตกใน อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บ ก็อาจเป็นอันตรายแก่กายได้ เพราะร่างกายมิใช่เพียงส่วนที่เห็นภายนอกเท่านั้น

ส่วนอันตรายแก่จิตใจ มิใช่เป็นกรณีความโกรธ ความกลัว ความเสียใจ ความอับอาย แต่เป็นกรณีที่เกิดอันตรายทางด้านจิตใจ เช่น ให้กินยากดประสาทอย่างแรงจนทำให้หมดสติแทบจะทันที เป็นเวลา 12 ชั่วโมงจึงฟื้น ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า แม้ไม่เกิดอันตรายแก่กาย แต่ถือเป็นอันตรายแก่จิตใจ (ฎีกาที่ 3269/2531)

นักเลงประจำสภา ท่านรู้กฎหมายจึงออกอาวุธแม่ไม้มวยไทยไม่ให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ

ความผิดฐานทำร้ายร่างกายที่แรงที่สุด คือ เจตนาทำร้ายร่างกาย แต่ผลของการกระทำ เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ความยากของความผิดนี้จึงอยู่ที่การวินิจฉัยว่า การกระทำอย่างใดเป็นเพียงเจตนาทำร้ายร่างกาย มิใช่เจตนาฆ่า ซึ่งจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ กันไป เช่น ใช้มีดฟันคอ จะอ้างว่ามีเจตนาแค่ทำร้ายร่างกายคงจะฟังไม่ขึ้น แต่ถ้าชกครั้งเดียว ผู้ถูกชกล้มลงหัวฟาดพื้นตาย ก็อาจเป็นเพียงเจตนาทำร้ายเท่านั้น

การทำร้ายพนักงานตรวจหาอาวุธที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยการตบบ้องหู ตามคลิปที่เผยแพร่ทั่วไป ถ้าดูจากภายนอกน่าจะไม่มีบาดแผลอะไร ตำรวจจึงไม่รับแจ้งความในครั้งแรก (ซึ่งก็ไม่ถูกต้องเพราะยังเป็นความผิดลหุโทษตามมาตรา 391) และตำรวจเองอาจระวังตัวมากเกินไป เพราะผู้ต้องหาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับซี 7 ต่อเมื่อได้รับใบรับรองแพทย์ ตำรวจจึงยอมรับแจ้งความ ซึ่งอาจเป็นเพราะเป็นเรื่องดังแล้วจะไม่รับก็ไม่ได้

อาการบาดเจ็บตามใบรับรองแพทย์ จะถือว่าเป็นอันตรายแก่กายหรือไม่ หรือจะเป็นอันตรายถึงสาหัสหรือไม่ คงต้องฟังความเห็นจากแพทย์ ถ้าเยื่อแก้วหูฉีกขาด อย่างน้อยก็น่าจะเป็นอันตรายแก่กาย หรือหากถึงขนาดหูหนวกหรือเสียฆานประสาท ก็จะเป็นอันตรายสาหัส

นอกจากนี้ หากพนักงานผู้นั้นเป็นเจ้าพนักงานหรือผู้ต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมาย การไม่ยอมให้ตรวจร่างกายโดยใช้กำลังประทุษร้าย ก็จะมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 138 อีกกระทงหนึ่ง

เห็นทีงานนี้ท่านซี 7 จะหมดอนาคตราชการเสียแล้ว ไม่ว่าอาการบาดเจ็บจะถึงขั้นไหน เห็นทีจะหนีความผิดอาญาไม่พ้น จะต่อสู้หักล้างหลักฐานจากกล้องวงจรปิดอย่างไร

ยิ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ยิ่งต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี คำพิพากษาของศาลในระยะหลังจะลงโทษผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่สูงๆ ในวงราชการ ในอัตราโทษหนัก ไม่ยอมให้นำความดีความชอบที่รับใช้ราชการมาอ้างเป็นเหตุลดโทษ ยิ่งได้รับเครื่องราชฯ ชั้นสูง ยิ่งต้องรักษาเกียรติให้สมกับที่ได้รับ

ตบครั้งเดียว อนาคตดับวูบ ถ้าท่านใจเย็นสักหน่อย เก็บอารมณ์ไว้ใส่เสื้อแดงไปหาเรื่องตบคนอื่นตอนที่เขาประท้วง นอกจากไม่เสียอนาคตแล้วยังจะได้รางวัล 7.7 ล้านบาทให้ครอบครัวไว้ใช้ก็ได้

Thailand Web Stat