ตำรวจปัดจัดฉากจับฮุสเซน
พล.ต.อ. ปานศิริ ปัด ตำรวจ จัดฉาก จับ สารผลิตระเบิด พบ พบประวัติเข้าออกไทย11ครั้ง
พล.ต.อ. ปานศิริ ปัด ตำรวจ จัดฉาก จับ สารผลิตระเบิด พบ พบประวัติเข้าออกไทย11ครั้ง
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. และชุดสอบสวน บช.ภ.7 ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาชาวเลบานอน ผู้ร่วมขบวนการเฮซบอลเลาะห์ ในคดีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ หลังนำตัวไปฝากขังยังศาลอาญารัชดา
โดยในที่ประชุมได้พูดคุยถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีการจัดฉากคดีนี้ เนื่องจากที่ห้องเช่าของนายฮุสเซน ในย่าน ต.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ที่ตำรวจลงไปตรวจยึดแอมโมเนียไนเตรท เคยมีตำรวจไปเช่าอยู่ โดยทางตำรวจ สภ.บางโทรัด ได้รายงานว่าอาคารพาณิชย์ดังกล่าวมีจำนวน 10 ห้อง ผู้ต้องหาเช่าไว้ตั้งแต่ 2 ปีก่อนหน้านี้ ค่าเช่าเดือนละ 15,000 บาทและมีการเช่าอย่างต่อเนื่องจนกำลังจะทำสัญญาซื้อขายห้องดังกล่าวกับเจ้าของในราคา 6 ล้าน ส่วนตำรวจที่มาเช่านั้นตรวจสอบแล้วมีจริงเป็นตำรวจยศดาบตำรวจ แต่มาเช่าภายหลังเพื่อจะขายข้าวสาร เพียง 2 เดือน แต่ก็ไม่ได้ขายข้าวสารเพียง แต่ให้คนงานมาพัก
พล.ต.อ.ปานศิริ เปิดเผยหลังการประชุมว่า หลังนำตัวนายอาทริส ฝากขังยังศาลอาญาแล้ว ทางชุดสอบสวนในคดียังคงดำเนินการติดตามสอบสวนทั้งส่วนของพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนายอาทริส ซึ่งติดต่อกันในการเดินทางเข้าออกประเทศถึง 11 ครั้ง โดยผู้ที่ติดต่อเกี่ยวข้องจะทำการสอบสวนทั้งหมด ซึ่งพอมีเบาะแสบางส่วนแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ และในส่วนของหลักฐานวัตถุพยานที่รวบรวมได้ในที่เกิดเหตุให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบโดยแบ่งงานแต่ละฝ่ายให้ไปเร่งดำเนินการและรายงานผลความคืบหน้าให้ทราบทุกวัน ส่วนผู้ร่วมขบวนการพบว่านายอาทริสยังมีเพื่อนต่างชาติที่อยู่ห้องเช่าดังกล่าวด้วยกันอีก 3 คนคือ นายแซม นายเอบาส และนายเอล่า แต่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะแจ้งข้อหาได้หรือไม่
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ยืนยันว่า ยังไม่ถอนคำเตือนต่อพลเมืองสหรัฐกับภัยก่อการร้ายในกรุงเทพฯ ว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัย พร้อมกับยึดของกลางซึ่งเป็นสารต้องห้ามที่จะนำไปใช้ประกอบวัตถุระเบิดได้จำนวนมาก สิ่งเหล่านี้น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ การที่จะเกิดเหตุต่างๆทุกฝ่ายน่าจะเบาใจได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่ประมาท ยังเฝ้าระวังใน 3 จุดที่ได้ประกาศไว้แล้วอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องปราม
เมื่อถามว่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมหรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า เรื่องการแจ้งข้อหาก็ยังเป็นข้อหาเดิม คือความผิดตามพ.ร.บ.ยุทธภัณฑ์ ข้อหาครอบครองแอมโมเนียไนเตรท โดยไม่ได้รับอนุญาตส่วนจะมีการแจ้งข้อหาก่อการร้ายเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไรนั้นต้องสอบถามโดยตรงกับ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ รองผบ.ตร.ซึ่งท่านเป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน
ถามว่าผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ผบช.น.กล่าวว่า ทั้ง 3 คน เป็นชาวอาหรับ เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย เหมือนๆกับนักท่องเที่ยวธรรมดาเราไม่มีประวัติ มีชาวบ้านในย่านมหาชัยเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว เชื่อว่าขณะนี้น่าจะเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งการประสานงานเรื่องข้อมูลต่างๆนอกจากจะประสานกับสตม.แล้ว ยังมีการประสานงานร่วมกับหน่วยข่าวอื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด ส่วนข้อมูลที่ว่าจะมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น คาดว่าน่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะช่วยอำนวยความสะดวก แต่ไม่รู้จุดประสงค์หลักของกลุ่มผู้ต้องสงสัย
เมื่อถามว่ารู้ที่มาที่ไปของสรแอมโมเนียไนเตรทหรือยัง และมีส่วนเชื่อมโยงกับถุงน้ำแข็งแห้งที่พบในที่เกิดเหตุหรือไม่ พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า ต้องรอผลการสอบสวนของพนักงานสอบสวน และน่าจะเชื่อมโยงกับถุงน้ำแข็งแห้ง ส่วนจะนำเข้ามาจากประเทศใดหรือมีที่มาที่ไปอย่างไรนั้นขอตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน
เมื่อถามว่าต้องมีการพูดคุยกับทางการของสหรัฐเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า คุยกันตลอด การที่เราสามารถยึดสารตั้งต้นที่ใช้ประกอบวัตถุระเบิดได้ ก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในระดับหนึ่ง ประชาชนชาวไทยและทางการข่าวทุกฝ่ายน่าจะเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าเราสามารถสกัดกั้นเอาไว้ได้