รวบแก๊งค้ายาบ้าเครือข่ายพม่า
ตำรวจสน.หัวหมากขยายผลจับแก็งค้ายาบ้า20,000เม็ด ผู้ต้องหารับสารภาพเป็นเครือข่ายยาบ้าชาวพม่า
ตำรวจสน.หัวหมากขยายผลจับแก็งค้ายาบ้า20,000เม็ด ผู้ต้องหารับสารภาพเป็นเครือข่ายยาบ้าชาวพม่า
ที่สน.หัวหมาก พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.4 พ.ต.อ.สาโรจน์ ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ประเวศ ร่วมแถลงจับกุมนายกัมพล พงส์วศิน อายุ 31 ปี น.ส.สุคนธา วัฒนมงคลพงศ์ อายุ 32 ปี นายศรียนต์ นายยอด น.ส.สุพัตรา ศรีนคร อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาค้ายาบ้า พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด ยาไอซ์ 41 กรัม รถยนต์ 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง
พ.ต.อ.สาโรจน์กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.ประเวศ ได้ให้สายลับล่อซื้อยาจากนายกัมพลและน.ส.สุคนธา โดยนัดส่งของกันที่หน้าตึกบีพฤกษาคอนโดเทล ซ.อ่อนนุช 55/2 แขวงประเวศ เขตประเวศ กทม. จนสามารถจับกุมตัวเอาไว้ได้พร้อมยาไอซ์ 41 กรัม จากนั้นได้ทำการสอบสวน และขยายผลจับกุม โดยผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่าสั่งซื้อยาบ้ามาจากมาจากนายศรียนต์ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้นายกัมพลโทรศัพท์สั่งซื้อยาบ้าจากนายศรียนต์ และนัดแนะส่งยาบ้ากันที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี เอ็กตร้า สาขาบ้านม้า ถ.รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
เมื่อถึงเวลานัดหมายนายศรียนต์ก็ได้มาตามนัดพร้อมกับน.ส.สุพัตรา เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุมและตรวจค้นพบยาบ้า 20,000 เม็ด ขยายผลพบว่ารับยาบ้ามาจากนายไซ มาย ชาวไทยใหญ่ สัญชาติพม่า เป็นเอเย่นต์สั่งยาบ้ามาจาก อ.ท่าขี้เหล็ก ชายแดนประเทศพม่า จึงตรวจค้นห้องพักซึ่งเป็นที่อยู่ของนาย ไซ มาย ทันที ที่ห้องเลขที่ 20/13 ซ.รามคำแหง 58/4 (ซ.สุขาภิบาล3แมนชั่น) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. พบนายไซ และยาบ้า 20,000 เม็ด จึงจับกุมตัวไว้
สอบสวนนายไซ ให้การรับสารภาพว่า รู้จักกับนายทูน ชาวพม่า ที่อ.ท่าขี้เหล็ก ได้ 2 เดือนแล้ว และได้ชักชวนมาค้ายาบ้าด้วยกัน โดยนัดหมายส่งยากันที่สนามหลวง ทำมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ละครั้งจะรับมา 70-80 มัด ได้ค้าจ้างขนส่งเที่ยวละ 2-3 หมื่นบาท และนำยาบ้ามาพักไว้ที่ห้องของตนแล้วนำไปส่งต่อรามคำแหง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหานายกัมพลและนางสาวสุคนธา ในข้อหามียาเสพติดให้โทษ(ยาไอซ์ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมียาเสพติดให้โทษ(ยาไอซ์)ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายศรียนต์ ,น.ส.สุพัตรา และนายไซ มาย เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษ(ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป.