พม่าแต่งตัวรับนักลงทุน เดินหน้าปล่อย'จ๊าด'

06 มีนาคม 2555

แม้จะได้รับเสียงตอบรับอันดีจากประชาคมโลกในเรื่องการปฏิรูปประเทศที่คืบหน้าอย่างรวดเร็ว

โดย...นงลักษณ์ อัจนปัญญา

แม้จะได้รับเสียงตอบรับอันดีจากประชาคมโลกในเรื่องการปฏิรูปประเทศที่คืบหน้าอย่างรวดเร็ว จนมหาอำนาจตะวันตก ทั้งยุโรปและสหรัฐส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร และกลายเป็นโอกาสอันหอมหวานในสายตาของนักลงทุน

แต่เมื่อมองให้ลึกลงไปแล้ว บรรดานักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ต่างก็ตระหนักดีว่า ประเทศพม่า ยังต้องการเวลาสำหรับการปรับปรุงพัฒนาประเทศขนานใหญ่ด้วยความไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน

ยืนยันได้จากรายงานแสดงความคิดเห็นของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า พม่ายังคงเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียที่ยากจนที่สุดในภูมิภาค โดยรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนมีเพียง 2.25 เหรียญสหรัฐ (ราว 67.5 บาท) ต่อวัน อัตราเงินเฟ้อยังสูงแตะระดับ 24% และระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอย่างเข้มงวด

เรียกได้ว่า หนทางที่พม่าจะผงาดทัดเทียมประเทศเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงยังอยู่อีกไกล ตราบใดที่พม่ายังไม่มีระบบการเงินที่เป็นมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ

ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสักเท่าไรนัก เมื่อแหล่งข่าววงในที่น่าเชื่อถือรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กระบุว่า รัฐบาลพม่าภายใต้การนำของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ได้เตรียมตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลังจากเดินหน้าเปิดประเทศด้วยการประกาศลอยตัวค่าเงินสกุลจ๊าด (kyat) ที่รัฐบาลทหารพม่าควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมานาน ภายในเร็ววันนี้

พม่าแต่งตัวรับนักลงทุน เดินหน้าปล่อย\'จ๊าด\'

ทั้งนี้ เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักลงทุนมานานแล้วว่า อัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลจ๊าดที่ใช้ระบบแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ประเภทตามใจรัฐบาลเป็นหลักนั้น เพี้ยนจากค่าเงินจริงในตลาดไปมากถึง 125 เท่า โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่ทางการพม่ากำหนดอยู่ที่ 1 เหรียญสหรัฐต่อ 6.51 จ๊าด ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืดซึ่งสะท้อนความเป็นจริงของตลาดได้ใกล้เคียงที่สุดจะอยู่ที่ 800 จ๊าดต่อเหรียญสหรัฐ

เรียกได้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวเบรกนักลงทุนได้ชะงัดนัก เพราะทำให้เงินจ๊าดของพม่าด้อยค่าลงไปในทันทีในระบบอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศ

ดังนั้น การตัดสินใจปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนผูกขาดของพม่าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันให้เป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว (Managed Float) โดยอิงกับความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินโลก ย่อมเป็นข่าวดีที่น่าชื่นใจสำหรับนักลงทุนไม่น้อย

เพราะ 1) ช่วยให้การค้าขายกับพม่าเป็นธรรมมากขึ้น คล่องขึ้น และโปร่งใสขึ้น 2) พัฒนาระบบการเงินการธนาคารของประเทศให้สามารถเชื่อมต่อกับธนาคารทั่วโลกได้โดยง่าย3) ทำให้ระบบการเงินภายในประเทศมีเสถียรภาพ และ 4) ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับบรรดาผู้ส่งออกเอกชนของพม่า ที่โดนอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ของรัฐบาลพม่าเล่นงานจนราคาสินค้าของพม่าสูงเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง

ฌอง เทอร์แนลล์ ศาสตราจารย์ผู้ทำวิจัยเรื่องเศรษฐกิจของพม่าจากมหาวิทยาลัยแมคควอรีย์ ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ถึงกับกล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับระบบการเงินคือชัยชนะที่แท้จริงของการปฏิรูปของรัฐบาลพม่าในปัจจุบัน

ขณะที่ไอเอ็มเอฟเห็นว่า การยุติอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ที่ใช้มานานกว่า 35 ปีจะช่วยเอื้อให้เศรษฐกิจของพม่าเติบโตอย่างเข้มแข็ง และกลายมาเป็นประเทศเศรษฐกิจชั้นนำอีกประเทศหนึ่งของภูมิภาคเอเชียเลยทีเดียว

นอกจากนี้ การปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนของพม่าให้สอดคล้องกับตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโลกในครั้งนี้ ยังมีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้รัฐบาลพม่าและธนาคารกลางของประเทศสามารถจัดการดูแลเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของตนเองได้สะดวกมากขึ้น หลังจากที่ต้องปล่อยให้มีอัตราแลกเปลี่ยนในตลาดมืดที่รัฐบาลพม่าเอื้อมไม่ถึงแตะไม่ได้มานาน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งยังไม่วายออกมาเตือนว่า พม่าควรดำเนินการปรับระบบอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่เร่งรัดจนเกินไป เพราะพม่าในขณะนี้ยังขาดผู้เชี่ยวชาญที่จะคอยให้คำปรึกษา พร้อมฝึกบุคลากรภายในประเทศให้เข้าใจระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัว

เพราะหากผลีผลาม ส่วนที่จะได้รับผลเสียไปเต็มๆ ก็คือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของประเทศที่อ้างอิงกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ของทางการมาโดยตลอด โดยโคจิ คุโบะ นักวิจัยจากองค์กรส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่นระบุว่า อาจทำให้รัฐวิสาหกิจของพม่าล้มละลาย กลายเป็นหนี้เสีย หรือต้องยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล

เรียกได้ว่า แทนที่จะได้ประโยชน์จากการปรับ ก็กลายเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวไปแทน

และเพราะบรรดาธนาคารเพื่อการลงทุนที่อยู่ในสังกัดของรัฐบาลส่วนใหญ่ อย่าง ธนาคารการค้าต่างประเทศของพม่า ธนาคารเพื่อการลงทุนและการพาณิชย์ และธนาคารเศรษฐกิจพม่า ยังคงติดบัญชีดำโดนคว่ำบาตรจากมหาอำนาจอันดับหนึ่งของสหรัฐอยู่

ให้พูดแบบรวบรัดก็คือ การเดินหน้าปล่อยจ๊าดในครั้งนี้ นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุน แต่ความพร้อมรับมือของรัฐบาลพม่านั้น ยังคงต้องใช้ระยะเวลาอีกสักพักใหญ่ๆ

เอาแค่การปรับใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวก็หลายปีแล้ว

 

Thailand Web Stat