คนจนเมืองร้องรัฐแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย
ชุมชนบ้านมั่นคงโพรงมะเดื่อรับมอบเอกสารสิทธิ สหพันธ์คนจนเมืองฯร้องรัฐเร่งแก้ที่อยู่อาศัย
ชุมชนบ้านมั่นคงโพรงมะเดื่อรับมอบเอกสารสิทธิ สหพันธ์คนจนเมืองฯร้องรัฐเร่งแก้ที่อยู่อาศัย
นายนิมิต จันทน์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม เปิดเผยระหว่างเป็นประธาน มอบหนังสือรับรองการใช้ประโยชน์ในที่ดิน ชุมชนโพรงมะเดื่อ จำนวน 70แปลง ณ ชุมชนบ้านมั่นคงเทศบาลโพรงมะเดื่อ จังหวัดนครปฐม ว่า องค์กรปกครองส่วนภูมิภาคพร้อมที่จะเข้าใจและให้ความร่วมมือในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม การดำเนินงานของชาวชุมชนโพรงมะเดื่อเป็นความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนงานสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของการขับเคลื่อนงานแบบมีส่วนร่วมจากหลายภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความยากจน รวมถึงการร่วมสร้างสังคมใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างมีคุณภาพหากประชาชนในระดับฐานรากมีความเข้าใจขั้นตอน กระบวนการ จนถึงขั้นนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันได้
นางทิพย์รัตน์ นพลดารมย์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวว่าโครงการบ้านมั่นคง มียุทธศาสตร์การดำเนินการ คือ ให้ชุมชนและเครือข่ายเป็น “เจ้าของโครงการ” ทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและภาคีที่เกี่ยวข้องพอช. เป็นเพียงหน่วยงานกลางทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินการซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่ดำเนินการ 74 จังหวัด 237 เมือง จำนวน 1,664 ชุมชน 65,032 ครัวเรือน จากจำนวนผู้เดือดร้อนที่ได้มีการสำรวจข้อมูลในปี2551 ทั้งสิ้น 840 เมือง 6,334 ชุมชน 4,285,546 หลังคาเรือน ขณะที่ภาพรวมจังหวัดนครปฐมมีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการบ้านมั่นคงแล้ว จำนวน 1,880 ครัวเรือน จาก 7 เมือง 12 ชุมชน โดยได้รับงบประมาณพัฒนาสาธารณูปโภค จำนวน 35,784,500 บาท และงบประมาณสินเชื่อที่อยู่อาศัย จำนวน 64,321,069.50 บาท รวมผู้รับประโยชน์ 1,044 ครัวเรือน
นายพรเทพบูรณะบุรีเดช ผู้แทนสหพันธ์พัฒนาองค์กรชุมชนคนจนเมืองแห่งชาติ (สอช.)กล่าวว่า ได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อส่งมอบต่อนายพระนาย สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยต้องการให้หน่วยงานปกครองภูมิภาค เป็นภาคีสนับสนุนในปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินเนื่องเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐต้องเร่งแก้ไขและให้การสนับสนุน โดยยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ขาดแคลนที่อยู่อาศัย และที่ดินทำกิน จนต้องบุกรุกพื้นที่สาธารณะ เฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนปี2258 จะยิ่งมีการแย่งชิงทรัพยากรที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินในประเทศเพิ่มสูงขึ้น รัฐจะต้องมีนโยบายหรือมาตรการคุ้มครองสิทธิพี่น้องประชาชนไทยในการครอบครองที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย และทำกินในประเทศเป็นพื้นฐาน