posttoday

พ่อเนรคุณ

08 มีนาคม 2553

....สมผล ตระกูลรุ่ง

ธรรมชาติของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ย่อมมีความรักลูก ปรารถนาจะเห็นลูกได้ดีมีความสุข ไม่มีพ่อแม่คนไหนที่ต้องการทำร้ายลูก

และด้วยความรักลูกมากนี่แหละครับ พ่อแม่บางคนจึงทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว ด้วยการสอนลูกให้เป็นโจร ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นอยู่ทั่วไป

ในกฎหมายของเรา ก็ได้บัญญัติถึงหน้าที่ของพ่อแม่ไว้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์

กฎหมายกำหนดหน้าที่ไว้กว้างๆ ถ้าอยากจะรู้ว่า จะอุปการะเลี้ยงดูอย่างไร ก็ต้องดูหลักตามฆราวาสธรรมของพุทธศาสนา ที่สอนเกี่ยวกับหน้าที่ของบิดามารดาที่พึงอนุเคราะห์บุตรธิดาไว้ ดังนี้

1.ห้ามปรามจากความชั่ว

2.ให้ตั้งอยู่ในความดี

3.ให้ศึกษาศิลปวิทยา

4.หาคู่ครองที่สมควรให้

5.มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันควร

หน้าที่เลี้ยงดูและให้การศึกษาตามกฎหมาย จึงไม่ใช่ป้อนน้ำป้อนข้าว แล้วส่งเข้าโรงเรียน แต่ต้องสอนลูกให้รู้ผิดชอบชั่วดี เมื่อลูกรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีแล้ว ลูกจะได้ไม่ทำชั่ว การสอนไม่ให้ทำชั่วอย่างเดียวยังไม่พอ พ่อแม่ยังต้องสอนให้ลูกทำดีอีกด้วย ซึ่งวิธีการสอนที่ดีที่สุดคือ การสอนด้วยการปฏิบัติจริง ทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง เช่น ถ้าจะสอนให้ลูกไม่พูดโกหก พ่อแม่ก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ปากสอนให้พูดความจริง แต่ตัวเองโกหกอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นอย่างนี้ สอนให้ตายลูกก็ไม่เชื่อ

ถ้าต้องการให้ลูกเคารพกฎหมาย พ่อแม่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น

การให้ศิลปวิทยาคือความรู้นั้น ในสมัยนี้ ไม่ค่อยจะมีปัญหา เพราะพ่อแม่สมัยนี้ยอมเป็นหนี้เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ แต่ก็มักจะมีปัญหาการยัดเยียดให้ลูกเรียนตามที่ตัวเองกำหนด ซึ่งจะกลายเป็นการทำร้ายลูกไปโดยไม่รู้ตัว หรือไม่ก็ลูกเกเรไม่อยากเรียน พ่อแม่อุตส่าห์ใช้อำนาจบารมีจนเข้าโรงเรียนดีๆ ได้ แต่ไม่สนใจเรียน ไปแกล้งครู เข็นรถจักรยานคุณครูลงสระซะงั้น

เรื่องคู่ครอง สมัยนี้คงไม่มีการคลุมถุงชนแล้ว แต่พ่อแม่ก็ยังมีหน้าที่ต้องดูแลให้คำแนะนำลูกเรื่องคู่ครอง ตักเตือนลูกด้วยประสบการณ์ ให้ระมัดระวังคนไม่ดีที่ลูกจะเลือกมาเป็นคู่ครอง

สำหรับการมอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันควรนั้น เป็นธรรมดาของพ่อแม่ที่หาสมบัติไว้ให้ลูก แต่ลูกต้องมีความสามารถที่จะดูแลทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่มอบให้ได้ และการมอบทรัพย์สมบัตินั้น เป็นการมอบจริงๆ มอบให้เป็นผู้ดูแล บริหารจัดการเอง มิใช่มอบแต่ในกระดาษ มอบให้ถือแทน

ความหมายของมอบทรัพย์สมบัติให้ลูกในทางพุทธศาสนา หมายถึงพ่อแม่อายุมากแล้ว ต้องการวางมือจากการดูแลทรัพย์สมบัติ เพื่อจะได้หันมาดูแลจิตค้นหาใจของตนเองแทน

ถ้ามอบทรัพย์สมบัติให้ตามเอกสาร แต่พอมีคนไปถามลูกกลับตอบว่า เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ อย่างนี้ ไม่ใช่การมอบทรัพย์สมบัติให้ลูก แต่เป็นการนำลูกเข้ามาร่วมโกหก ร่วมทำผิดกฎหมาย

พ่อแม่บางคนเห็นทรัพย์สมบัติสำคัญกว่าลูก แทนที่จะใช้ทรัพย์สมบัติเป็นเครื่องปกป้องลูก กลับใช้ลูกเป็นตัวปกป้องทรัพย์สมบัติ

ไม่รู้โง่หรือฉลาด หรืออาจเป็นเพราะความหลงจากความโลภ

พ่อแม่ที่สอนลูกให้เป็นโจร ด้วยการไม่ห้ามปรามเมื่อลูกทำผิด เป็นการทำร้ายลูกด้วยความรักจนหลง กรณีนี้ยังมีเหตุผลพอที่จะเข้าใจได้บ้าง ยังไม่ถึงกับเป็นคนเลว แต่คนที่สอนลูกให้ทำผิดด้วยความตั้งใจ สอนให้ทำผิดกฎหมายเพียงเพื่อรักษาทรัพย์สมบัติของตน คนอย่างนี้สมควรเรียกเป็นคนเลว

แต่ไม่ว่าจะเป็นเพียงสอนลูกให้เป็นโจร หรือคนเลวที่สอนลูกให้ทำผิดกฎหมาย ก็มักจะสำนึกได้เมื่อความจริงปรากฏ ถูกกฎหมายบ้านเมืองจัดการ

แต่พ่อบางคนที่แม้ความจริงจะถูกเปิดเผย ผู้คนรู้เท่าทัน ก็ยังไม่สำนึก ยังสอนลูกเมียให้แต่งเรื่องเท็จเพื่อปกป้องทรัพย์สมบัติ สอนให้โกหก ให้การเท็จต่อศาล โกหกต่อคำสาบานก่อนที่จะเบิกความต่อศาล แม้เมื่อถูกกฎหมายบ้านเมืองลงโทษแล้ว ก็ยังไม่สำนึก ยังสอนลูกให้ปฏิเสธความจริง ปฏิเสธกฎหมายบ้านเมือง ปลุกระดมให้ผู้คนออกมาต่อต้านกระบวนการศาล โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดกับประเทศชาติ อ้างแต่เพียงว่า ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ไม่เคยอธิบายโต้แย้งเหตุผลที่ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษ

คนอย่างนี้ เป็นคนเลวสนิท ที่สมควรถูกเรียกว่า พ่อเนรคุณ เป็นพ่อที่เนรคุณต่อความเป็นพ่อของลูก เนรคุณต่อความหมายของคำว่า พ่อเนรคุณต่อแผ่นดินเกิด เพียงเพื่อต้องการรักษาทรัพย์สมบัติ ต้องการอำนาจ

พระพุทธเจ้าสอนว่า พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต พึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม

วันนี้ พ่อเนรคุณสอนกลับกัน สอนให้ลูกโกหกเพื่อรักษาทรัพย์ คือการสอนให้สละธรรมเพื่อรักษาทรัพย์ สอนให้สละชีวิต สละความเป็นอิสระ ยอมแม้กระทั่งให้ลูกเมียเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ยอมให้ประชาชนเสี่ยงชีวิต เสี่ยงตาย เพื่อรักษาทรัพย์ของตน

พ่อที่ถึงขั้นเป็นพ่อเนรคุณแล้ว ยากที่กลับตัวกลับใจได้ ไม่รู้ว่าแม่ที่หวังดีต่อลูกเสมอ จะยังพอมีสติสั่งสอนให้ลูกรู้จักผิดชอบชั่วดี ให้เสียสละทรัพย์เพื่อรักษาศักดิ์ศรี รักษาชีวิตของตนเองหรือไม่

กลัวแต่ว่า ทั้งพ่อทั้งแม่จะหลงผิด ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี เพราะหลงไปร่วมมือกับเจ้าสำนักพุทธพาณิชย์ ที่เอาบุญมาขายเป็นสินค้า ทำตัวเหมือนเทวทัตยุพระเจ้าอาชาติศัตรูให้ฆ่าพระเจ้าพิมพิสาร เพื่อหวังจะแสวงหาอำนาจครอบครองความเป็นใหญ่ทั้งฝ่ายอาณาจักรและศาสนจักร

แต่สุดท้ายก็หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ ผมเขียนไปตามหลักการไม่ได้กล่าวหาว่าร้ายใครนะครับ แต่ถ้าคุณทักษิณจะเก็บเอาไปคิดบ้าง ก็อาจเกิดประโยชน์กับครอบครัวลูกเมียของคุณทักษิณเอง ก่อนที่จะสายเกินไป

ผมเตือนมาด้วยความหวังดีจริงๆ