หลวงพระบาง...อาณาจักรล้านช้างที่น่าลงทุน

13 เมษายน 2555

โดย...อภิชาติ สุประกอบ

โดย...อภิชาติ สุประกอบ

ปี 2554 ที่ผ่านมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มี GDP 7.5% สูงกว่าทุกประเทศในอาเซียน หากเทียบกันในเอเชียแล้วจะเป็นรองก็แต่เพียงประเทศจีนเท่านั้น เป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายในการปกครองประเทศและด้านเศรษฐกิจตามที่วีรบุรษของประเทศ คือ ท่านไกรสอน พรหมวิหาร อดีตประธานประเทศผู้ล่วงลับ ได้วางแนวทางไว้ให้ คือ “กินอิ่ม นุ่งอุ่น” “กินแซบ นุ่งงาม” และ “จินตนาการใหม่” นโยบายอีกด้านหนึ่งในแนวทางของรัฐบาลลาวในปัจจุบัน คือ “ความมั่นคงมาก่อนความมั่งคั่ง วัฒนธรรม นำเศรษฐกิจ ติดพันสภาพแวดล้อม”

นั่นหมายถึงให้มีการพัฒนาประเทศแบบค่อยเป็นค่อยไป ความมั่นคงของชาติสำคัญกว่าความเจริญทางวัตถุ ไม่ใช่มาประท้วงกันแบบคนไทย วัฒนธรรมที่ยึดถือปฏิบัติกันมาให้ยังคงดำรงอยู่ตลอดไป เช่น การนุ่งผ้าซิ่นของผู้หญิงลาว การถือฮีตครองประเพณี หรือที่เรียกกันว่าฮีต 12 ครอง 14 หากสนใจศึกษาด้านประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ ลาวมีความเจริญรุ่งเรืองและมีอารยธรรมมาก่อนใครเพื่อน การก่อร่างสร้างเมืองอาณาจักรล้านช้างอันรุ่งเรืองตั้งแต่สมัยขุนลอ หรือโก๊ะล่อฝง จนมารุ่งเรืองสุดขีดในสมัยเจ้าฟ้างุ่ม ผู้รวบรวมอาณาจักรล้านช้างและแผ่ขยายแผ่นดินในความปกครอง อย่างกว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมพื้นที่ของไทยในปัจจุบัน เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ น่าน เลย ส่วนภาคอีสานเกือบทั้งภาคก็เคยเป็นดินแดนในสมัยเจ้าฟ้างุ่ม มีหลวงพระบางเป็นเมืองหลวง

ปัจจุบันเหตุการณ์ผ่านมาเกือบ 700 ปี ร่องรอยของความเจริญ อารยธรรมและวิถีชีวิตของประชาชนชาวหลวงพระบางยังคงอยู่ให้ชนรุ่นหลังได้เห็นและศึกษากัน ทำให้องค์การยูเนสโกประกาศให้หลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลกทั้งตัวเมือง

หลวงพระบางกำลังทำ LuangPrabang Living Museum 700 ปี ในพื้นที่ของเฮือนหลวงพระบาง ทำให้เราสามารถเข้าไปศึกษาและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม วิถีชีวิต ของอาณาจักรล้านช้าง และจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งที่สำคัญ ที่พลาดไม่ได้ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่หลั่งไหลเข้าไปเที่ยว เมืองมรดกโลกและหลวงพระบางจะเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกตลอดไป

ผมเดินทางไปทั่วทุกแขวงใน สปป.ลาว ปรากฏว่ายังอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ร่มรื่น สวยงาม ประชาชนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับขับสู้ แสดงออกถึงความเป็นมิตร หลายปีที่ผ่านมานักลงทุนไทยเราเป็นผู้ลงทุนอยู่ใน สปป.ลาวเป็นอันดับ 1 แต่ปัจจุบันไม่ใช่แล้ว กลายเป็นจีน เวียดนาม ที่ไปลงทุนทั้งด้านอุตสาหกรรม เกษตร ไฟฟ้า เขื่อน รถไฟฟ้า โทรศัพท์ ฯลฯ ทั้งๆ ที่เรามีชายแดนติดกันถึง 12 จังหวัด เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ร่วมกัน พูดภาษาเดียวกัน วัฒนธรรมและวิถีชีวิตคล้ายกันจนแทบแยกไม่ออก

ประชาชนลาวนิยมสินค้าไทยมากกว่าของจีนและเวียดนาม ดูโทรทัศน์ ข่าว ละครไทยกันทุกครัวเรือน มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐต่อรัฐ นี่ก็ตั้งเป้ากันทั้งสองประเทศว่าจะเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2558 เรามีจุดแข็งในหลายๆ เรื่องกับการลงทุนใน สปป.ลาว แต่กลับพลาดโอกาสในการเข้าไปลงทุน ปล่อยให้จีน เวียดนาม เข้าไปแซงหน้า

ล่าสุด พี่จีนก็เข้าซื้อโรงแรมดอนจันทน์ระดับ 5 ดาว ของทุนมาเลเซียพร้อมที่ดินริมแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดในเวียงจันทน์กว่า 20 ไร่ เพื่อก่อสร้างบ้านพักหรูและอาคารสำนักงาน เพื่อรองรับนักลงทุนจากประเทศจีนไปแบบม้วนเดียวจบ ยังไม่รวมอื่นๆ อีกมากมายที่จีนเข้าไปทำโครงการในลาว เช่น ตอนนี้สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ เอาไว้ประชุมผู้นำอาเซียนยุโรป (ASEM) สร้างขยายสนามบินนานาชาติวัดไต ให้รับเครื่องบินขนาดใหญ่พร้อมกัน 10 ลำ เอาไว้รับการประชุมผู้นำ ASEM

จีนเป็นเจ้าของเหมืองทองคำและทองแดงที่ใหญ่ที่สุดในลาว สร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าหลายแห่ง ด้านเหมืองแร่ก็กำลังสำรวจอีกมาก ส่วนด้านการศึกษา รัฐบาลจีนก็ให้มหาวิทยาลัยซูโจวเข้าไปตั้งที่เวียงจันทน์ เป็นมหาวิทยาลัยต่างชาติแห่งแรกของลาว รับนักศึกษาปีแรก 5,000 คน เรียนปริญญาตรีถึงปริญญาเอก ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ การเงินระหว่างประเทศ แสดงว่าลาวเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างมากในอนาคต โดยมีการวางแผนสร้าง “คน” ให้มีคุณภาพก่อน

ไทยเรามีจุดแข็งและเชี่ยวชาญในเรื่องธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม สปา ร้านอาหารไทย นวดแผนโบราณ สุขภาพ ฯลฯ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นจากการไปเที่ยวหลวงพระบางเป็น 1 ล้านคน ภายใน 2 ปีข้างหน้า แค่ตอนนี้นักท่องเที่ยวลาวเที่ยวหลวงพระบางเมื่อปีที่แล้วก็เกือบ 1 ล้านคนแล้ว หลับตาแล้วนึกภาพตามผม รถไฟฟ้าจากยูนนานวิ่งมาหลวงพระบาง ขยายสนามบินใหม่เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ ถนนจากเชียงใหม่ เชียงราย น่าน เลย หนองคาย ยูนนาน เวียดนามทำเสร็จหมด จะขนนักท่องเที่ยวมุ่งสู่หลวงพระบางจำนวนมหาศาล

โอกาสทางธุรกิจของนักธุรกิจไทยรออยู่ และผมไม่เชื่อว่าจีน เวียดนามจะทำธุรกิจบริการได้ดีกว่าเรา เมื่อเมืองท่องเที่ยว เช่น หลวงพระบางกำลังเจริญ การพัฒนาก็ตามมา ไม่ว่าถนน น้ำ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ที่อยู่อาศัย ฯลฯ ผมว่าเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทยที่สนใจเข้าไปลงทุนในธุรกิจพื้นฐานเหล่านั้น ช้ากว่านี้พี่จีนกับสหายเวียดก็จะเอาไปหมด

อย่ามัวแต่จดๆ จ้องๆ ตั้งการ์ดมวยกันอยู่เลยครับ คนไทยที่ไปลงทุนในหลวงพระบางยังมีน้อยอยู่ ที่เห็นใหญ่ๆ ลงทุนเกิน 300 ล้านบาทก็มีโรงแรมเดอะ แกรนด์ ของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เฮือนหลวงพระบางของกาย รัชชานนท์ แต่ที่ได้ข่าวลือมา คือ คุณทักษิณ ชินวัตร เข้าไปซื้อสนามกอล์ฟที่หลวงพระบางจากนักลงทุนเกาหลีไปเรียบร้อยแล้ว นอกนั้นหนักไปทางเอาของไปขายตลาดนัด

หลวงพระบางยังขาดธุรกิจอีกหลายอย่างที่จะรองรับนักท่องเที่ยวครับ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก โรงงานอาหารแช่แข็ง การจัดจำหน่ายผลไม้ อาหารทะเล การปลูกดอกไม้ ผลไม้ พืชผักสวนครัวเมืองหนาวเพื่อส่งออก การเลี้ยงวัว หมู แพะ ปลา เพื่อใช้บริโภคภายในและส่งออกไปจีน เวียดนาม ขอโทษที่ยกตัวอย่างราคาปลานิลเป็นๆ ที่หลวงพระบาง กิโลกรัมละ 200 บาท ถ้าเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ กิโลกรัมละ 60 บาท เพราะต้องขนจากเวียงจันทน์ขึ้นไปทั้งน้ำและปลา

แค่นี้ก็เป็นโอกาสทางธุรกิจที่มองเห็นและไม่ต้องสงสัยว่าทำไมราคาอาหารที่หลวงพระบางแพง เพราะหลวงพระบางไม่มีธุรกิจต้นน้ำเลย ต้องนำเข้าเครื่องอุปโภคบริโภคทั้งหมด ลองคิดดูว่าอีก 2 ปีข้างหน้านักท่องเที่ยวเป็นล้านคน จะต้องกินอาหารเท่าไหร่

ปัญหาความเสี่ยงด้านการเมืองในลาวที่เป็นที่กังวลใจของนักลงทุนบางส่วนนั้น ได้มีการประเมินโดย MIGA เป็นหน่วยงานสากลและจากหน่วยงานประเมิน ONDD ในแง่ของความเสี่ยงด้านสงครามและการยึดทรัพย์สินของกิจการไปเป็นของรัฐอยู่ในระดับ 34 ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง แต่สำหรับการโอนผลประกอบการกลับประเทศกลับมีความเสี่ยงสูงสุดอยู่ในระดับ 7

ผมว่าผู้ประเมินน่าจะประเมินจากการที่ลาวปิดประเทศมานานและกฎหมายมีความล้าหลัง ขณะนี้รัฐบาลลาวก็มีนโยบายทลายความเสี่ยงดังกล่าว โดยการมีนโยบายที่เปิดประเทศชัดเจน พัฒนากฎหมายและคุ้มครองสิทธิของนักลงทุนมากขึ้น นักลงทุนเองก็ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่รัฐนะครับ การแก้ปัญหาด้านความเสี่ยงด้านการเมืองนั้นเราสามารถเข้าไปซื้อประกัน PRI ได้จาก MIGA หรือ EXIM BANK ที่ขณะนี้ก็มีการเสนอประกันภัย PRI ให้กับนักลงทุนที่จะไปลงทุนในต่างประเทศ แต่ก็อาจจะมีต้นทุนค่าเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นในงบประมาณการลงทุน

สุดท้าย คือความลับของการไปลงทุนใน สปป.ลาว ต้องตอบให้ได้ว่า รัฐได้อะไร ประชาชนได้อะไร และตัวคุณได้อะไร นั่นหมายถึงคำตอบทั้ง 3 ข้อจะอยู่ในแผนธุรกิจของคุณ ที่ยื่นต่อรัฐบาลในการขอการลงทุน

Thailand Web Stat