กทม.ส่อผิดต่อสัญญาบีทีเอส
กทม.ส่อผิด ต่อสัมปทานบีทีเอส นอกเหนืออำนาจหน้าที่ ดีเอสไอร่อนหนังสือถามรมว.มหาดไทย ดูข้อกฎหมายตั้งแต่ปี35
กทม.ส่อผิด ต่อสัมปทานบีทีเอส นอกเหนืออำนาจหน้าที่ ดีเอสไอร่อนหนังสือถามรมว.มหาดไทย ดูข้อกฎหมายตั้งแต่ปี35
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า กรณีที่กทม.โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม. ลงนามสัญญาว่าจ้าง บริษัทกรุงเทพธนาคม และ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส โดยการขยายสัญญาสัมปทานให้กับบีทีเอสในการบริหารส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าจากเดิม 17 ปี เป็น 30 ปี ทางดีเอสไอยังไม่รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากต้องทำหนังสือถามไปยังนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ว่าการที่กทม.ต่อสัมปทานออกไปยังอยู่ในอำนาจหลักของกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ ถ้าตอบว่าไม่ใช่จะเท่ากับสัญญาที่กทม.ทำไม่สมบูรณ์ เพราะหน้าที่ของกทม.จะขยายสัญญาจากสัมปทานใหญ่ออกไปไม่ได้
ทั้งนี้ การที่กทม.ได้ส่งเรื่องสอบถามไปยังกฤษฎีกาให้ตีความแล้วนั้น ทางดีเอสไอ พบว่า การตีความของกฤษฎีกา ตรวจสอบ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมงานหรือดำเนินในกิจการรัฐ พ.ศ.2535 หรือ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ แต่ไม่ได้ตรวจสอบเรื่องกรอบอำนาจหน้าที่ของกทม. และเรื่องอำนาจหน้าที่อาจทำให้ได้ข้อยุติของกรณีทันที
“โครงการนี้จะครบสัญญาในปี 2572 แต่กทม.ขยายสัญญาออกไปอีก ถ้ารมว.มหาดไทยระบุว่าไม่ใช่อำนาจของมหาดไทย และได้มอบให้กทม. ซึ่งไม่ควรตอบเช่นนั้น แต่ถ้าตอบเช่นนี้ดีเอสไอจะตรวจสอบตามที่มีการร้องเรียนจากตัวแทนพรรคเพื่อไทยที่มายื่นเรื่องไว้” นายธาริต กล่าว
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวอีกว่า มาของเรื่องดังกล่าวเริ่มจากการจัดทำรถไฟฟ้า ถือเป็นกิจการรถราง มีประกาศคณะปฏิวัติ คือ กฎหมายรากฐาน ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 ม.ค.2515 ให้รมว.มหาดไทย เป็นผู้มีอำนาจในการให้สัมปทาน เพื่อมอบหมายให้แต่งตั้งกทม.ขึ้นมารับผิดชอบ ทั้งนี้โครงการสร้างรถไฟฟ้าบีทีเอส เกิดขึ้นในปี2534-2535 ทางกทม.ดำเนินการเปิดทีโออาร์ จนได้ผู้ชนะประมูล และเมื่อกทม.ประมูลเสร็จแต่ไม่มีอำนาจอนุมัติจึงส่งเรื่องกลับไปให้รมว.มหาดไทย ในขณะนั้นคือ พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี
จากนั้น พล.อ.อิสระพงศ์ เห็นว่าเป็นการลงทุนที่เกิน 1 พันล้านบาท เข้าข่ายกิจการร่วมทุน ตามกฎหมายจึงนำเข้าคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อขอมติเห็นชอบ ทำให้รมว.มหาดไทยออกคำสั่ง 2 ข้อ คือ 1. อนุมัติสัมปทานให้กับ กลุ่มบริษัท ธนายง หรือบีทีเอสซี 2. ตั้งผู้ว่ากทม.กำกับดูแลกิจการเรื่องนี้ และให้กทม.เข้าบริหารจัดการตามกฎหมาย รวมถึงการตั้งบริษัทกรุงเทพธนาคม เพื่อให้เป็นบริษัทในการบริหารงาน โดยมีอำนาจหน้าที่เพียงกรอบสัมปทานถึงปี 2572 เท่านั้น
ด้าน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้ระงับสัญญากทม.จ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ว่า ได้สั่ง กทม. ให้ชี้แจงรายละเอียด โดยสิ่งเหล่านี้มีเอกสารเป็นหลักฐานที่ตรวจสอบได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนมาจาก 2 ทาง คือจากพรรคเพื่อไทย และจากทางกระทรวงคมนาคม ซึ่งขณะนี้ก็มีทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการด้านกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบสัญญาดังกล่าวอย่างละเอียด
“ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นที่จะระบุได้ว่าสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสระหว่างกรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด สามารถดำเนินต่อได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ได้รับหนังสือชี้แจ้งจากกรุงเทพมหานครมาแล้ว โดยเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งน่าจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ก่อนจะชี้ขาดได้ว่าสัญญาดังกล่าวถูกต้องตามขั้นตอน และถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่” รมว.มหาดไทยกล่าว