แก๊งค้าซากศพทารกขบวนการอุบาทว์ไม่มีวันตาย
กลายเป็นข่าวฮือฮาชวนให้ขนหัวลุก เมื่อตำรวจจากกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (
โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ
กลายเป็นข่าวฮือฮาชวนให้ขนหัวลุก เมื่อตำรวจจากกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส.) บุกจับกุม โจวฮองฮุน หนุ่มวัย 28 ปี ชาวไต้หวัน พร้อมซากศพเด็กทารก 6 คน เตรียมส่งออกเพื่อไปทำกุมารทอง
ตำรวจถึงกับผงะ เพราะศพทารกทั้งหมดถูกย่างจนแห้ง ซ้ำยังมีการลงอักขระตามลำตัว มัดด้วยสายสิญจน์ หรือที่เรียกว่าผ่านพิธีกรรมปลุกเสกเรียบร้อย โดยซากทารกชุดนี้หากนำออกไปขายที่ประเทศไต้หวันจะทำให้มีราคาซากละนับแสนบาท!!
เหตุที่ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวไต้หวันต้องการนำซากทารกไปบูชานั้น จากคำพูดของ พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส. หัวหน้าชุดจับกุมผู้ต้องหารายนี้ เล่าว่า ซากทารกจากประเทศไทยที่นำไปทำกุมารทองเพื่อส่งขายต่างประเทศปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยความเชื่อว่าหากได้บูชากุมารทองที่ทำจากซากเด็กทารกผ่านการปลุกเสกลงคาถาอาคม จะส่งผลให้ทำมาค้าขายเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไป
ผู้กำกับวิวัฒน์ เล่าว่า จากประสบการณ์ที่เคยจับกุม “เณรแอ” หมอไสยศาสตร์มนต์ดำชื่อดังของไทย ทำให้รู้ว่าเหตุที่ต่างชาติต้องการกุมารทองของไทย เพราะเชื่อว่าการปลุกเสกจากหมอผีไทยถือว่า “ขลัง” มากที่สุด เพราะมีกระบวนการทำกุมารทองที่ตกทอดมาช้านานตามความเชื่อ โจวฮองฮุน ผู้ต้องหา ก็มีความเชื่อในเรื่องนี้เช่นกัน ประกอบกับเคยมาศึกษาเรื่องไสยศาสตร์ในประเทศไทยอีกด้วย จึงหาช่องทางทำมาค้าขายกับซากศพเสียเลย
“ที่ผ่านมามีซากศพทารกหลุดออกไปขายยังประเทศไต้หวันจำนวนมาก ผู้ต้องหารายนี้ก็รับว่าเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง นำซากทารกออกไปแล้ว 2 ศพ โดยเมื่อไปถึงไต้หวันจะมีการประกาศขายทางเว็บไซต์ โดยเขาจะลำเลียงซากทารกและโหลดลงใต้เครื่องบิน จะไม่ถือขึ้นเครื่อง เพราะจะมีการตรวจสอบที่เข้มงวด”
ประเด็นที่น่าสนใจยิ่งกว่า ซากทารก 6 ศพ ผู้ต้องหารายนี้ไปนำมาจากไหน หรือจะมีขบวนการซื้อขายซากศพเด็กในเมืองไทย ชุดสืบสวนของ กก.ดส.ที่แกะรอยตามจับกุมบอกว่า จะมาจากพื้นที่ กทม. และสมุทรปราการเป็นหลัก ทั้งจากวัด โรงพยาบาล หรือสถานที่ที่รับทำแท้งเถื่อน
“จากข้อมูลจะมีการซื้อขายกันในไทยศพละไม่เกิน 3 หมื่นบาท พวกที่มาซื้อจะนำไปทำคุณไสยต่างๆ ตามกระบวนการวิธีของแต่ละคน และหากส่งต่อไปยังต่างประเทศได้ โดยเฉพาะไต้หวันราคาจะพุ่งขึ้นไปถึงหลักแสนบาท เรื่อยไปถึงหลักล้านบาทก็ยังมี ก็ขึ้นอยู่กับว่าความสมบูรณ์ของซากทารก อย่างผู้ต้องหารายนี้รับว่าเคยขายได้ราคาสูงสุดถึง 10 ล้านบาท” นายตำรวจชุดสืบสวนเล่า
การนำออกไปขายจะทำเป็นขบวนการ มีคนไทยเป็นผู้จัดหา พ่อค้าคนกลางเป็นชาวต่างชาติ จะทำงานเป็นระบบ ร่วมกันช่วยกันปิดบังอำพรางตำรวจ ทำให้การจับกุมค่อนข้างยาก ต้องจับกันแบบคาหนังคาเขา และตำรวจก็รู้ต้นตอแล้ว รอเพียงหลักฐานก่อนเข้าจับกุม
จากข้อมูลพร้อมคำบอกเล่าของตำรวจที่ไปผู้ต้องหาค้า “ซากทารก” ดูเหมือนจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น แต่ตามความจริงแล้วสถาบันครอบครัว สังคม ต้องสอดส่องช่วยเหลือดูแลปัญหาการทำแท้งเถื่อนร่วมกัน หากปล่อยปละละเลยจะกลายเป็นช่องทางให้เกิดธุรกิจที่หากินกับความตายได้
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องฝากความหวังไว้ที่ตำรวจให้ช่วยปราบปรามขบวนการหากินกับซากทารกด้วย ถึงแม้จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุก็ตาม เพราะบ้านเราเมืองพุทธ อย่าให้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งการซื้อขายซากศพเพื่อส่งออกเลย
ค้าขายซากทารก
มีความผิดติดคุก-ปรับ
พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.ดส.บช.น. ฝากบอกถึงประชาชนให้ช่วยสอดส่องเป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสกับตำรวจด้วยหากพบเห็นสิ่งผิดปกติ ทั้งการขุดฝังซากต่างๆ รวมถึงคลินิกที่ให้บริการทำแท้งเถื่อน เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม และไม่ให้คลินิกเหล่านี้หากินกับสิ่งผิดศีลธรรมและซากศพอีก โทร.แจ้งที่ 191 เพื่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบทันที
อย่างไรก็ตาม การนำซากทารกไปทำกุมารทอง แม้จะมีการซื้อขายมาจากที่ใดก็ตาม ถือเป็นความผิดอาญา ตามข้อหาลักลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ