สภาผ่าน2กม.ฟอกเงิน
สภาฯรับหลักการ 2พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ ฝ่ายค้านติงฐานความผิดไม่ครอบคลุม ยกบทเรียนอดีต หวั่นเปิดทางอำนาจมิชอบให้เจ้าหน้าที่
สภาฯรับหลักการ 2พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ ฝ่ายค้านติงฐานความผิดไม่ครอบคลุม ยกบทเรียนอดีต หวั่นเปิดทางอำนาจมิชอบให้เจ้าหน้าที่
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ภายหลังการพิจารณากว่า 6 ชม. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบในหลักการวาระแรก ร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่ง คณะรัฐมนตรี และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอด้วยคะแนนเสียง 368 เสียง งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 3 เสียง และมีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ด้วยคะแนน 356 เสียง งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 5 เสียง พร้อม ตั้งกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ คณะละ 31 คน
ทั้งนี้ หลักการและเหตุผลของร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เนื่องจากคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) กำหนดรายชื่อให้ไทยเป็นประเทศที่มีข้อบกพร่องเชิงยุทธศาสตร์ในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายเนื่องจากขาดกฎหมายที่เป็นมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการก่อการร้าย จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากล
ส่วนหลักการและเหตุผล ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย เพราะแม้ประเทศไทยจะมีการกำหนดความผิดฐานก่อการร้ายในประมวลกฎหมายอาญา และกำหนดให้เป็นความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ง.แต่ยังไม่มีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการเข้าถึงเงินทุนของผู้ก่อการร้าย จำเป็นต้องกำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปราม โดยจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้าย การระงับการดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ก่อการร้าย
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า คณะของ FATF ได้เข้ามาสังเกตการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 50 และบอกว่าเราบกพร่องทางยุทธศาสตร์เรื่องการฟอกเงินและการก่อการร้าย ตนเองจึงได้หารือกับเลขาป.ป.ง. และคณะกรรมการ พร้อมกับหารือกับคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินให้ไปชี้แจงต่อที่ประชุมที่ประเทศฝรั่งเศสเมื่อเดือนก.พ. แต่ในขณะนั้น เราออกกฎหมายไม่ทัน เขาจึงขึ้นบัญชีประเทศไทย เขาก็ต้องการให้เราแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.ฟอกเงินและออกกฎหมายก่อการร้าย เพื่อให้สามารถปฏิบัติการในเชิงยุทธสาสตร์เพื่อป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ ซึ่งไม่น่ิงนอนใจจึงได้ให้เลขาป.ป.ง.ยกร่างกฎหมายเสนอต่อครม.
นายอภิชาต ศักดิเศรษฐ สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเพิ่มฐานความผิดเข้ามาจำนวนมาก ด้านหนึ่งก็ง่ายต่อเจ้าหน้าที่ที่จะดำเนินการต่อผู้กระทำความผิด รวมทั้งเป็นการเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่ก็เป็นช่องทางให้อำนาจมิชอบเพิ่มเติมเข้ามาได้ เพราะหลายกรณีในอดีตก็มีข้อสงสัย ว่าอำนาจทางการเมืองเข้าไปมีบทบาทเหนือป.ป.ง. และดีเอสไอ
อย่างไรก็ตาม ฐานความผิดในกฎหมายการฟอกเงินยังไม่ครอบคลุม เพราะถ้าเราเข้าไปดูในประมวลกฎหมายอาญามีความผิดเกี่ยวข้องกับความมั่นคงกับราชอาณาจักรหลายเรื่องน่าจะนำมาเป็นฐานความผิดในการฟอกเงินด้วย ได้แก่ 1.ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท 2.ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร และ3.พวกเตรียมการก่อกบฏ ใช้สิทธิเสรีภาพเกินกว่าขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซ่องสุมกองกำลังอาวุธ ล่วงละเมิดและจาบจ้วงสถาบัน ยุยงต่อท่อน้ำเลี้ยงเข้ามาปฏิบัติการต่อต้านรัฐ หวังว่าในชั้นกมธ.จะดูในรายละเอียดของเรื่องเหล่านี้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ความผิดฐานก่อการร้ายเป็นหนึ่งในฐานความผิดตาม ร่าง พ.ร.บ.ฟอกเงิน ฯ ทั้งสองฉบับ ซึ่งอยากถามเลขาธิการป.ป.ง. ว่าขณะนี้ มีการขึ้นบัญชีผู้ก่อการร้ายอยู่เท่าไหร่ และ หากมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม กลุ่มคนที่ก่อการร้ายจะได้รับการนิรโทษกรรมหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องออก ร่างพ.ร.บ.ทั้งสองฉบับนี้ ดังนั้นจึงอยากถามไปยังรมว.ยุติธรรมว่าจะแสดงความมั่นใจในการปฏิบัติกตามกฎหมายนี้ได้หรือไม่ แม้กฎหมายนี้จะดีแต่ถ้าไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้จริงตนเองก็ไม่สนับสนุนร่างกฎหมายนี้
นอกจากนี้ ในส่วนของฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ควรจะต้องรวมไปถึงการทุจริตการเลือกตั้ง ที่มีการใช้เงินซื้อเสียง ซึ่งเป็นเงินสีเทา เงินนอกระบบ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้ใช้ได้ และหากสามารถกำหนดเรื่องการซื้อเสียงลงไปในฐานความผิดการฟอกเงิน ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องมีการยุบพรรค แต่ สามารถเอาผิดการทุจริตทางกฎหมายฟอกเงินเป็นรายบุคคลได้