ประธานบอร์ดเล็กบินไทย ดร.ประวิช รัตนเพียร
...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย
ในที่สุดคณะกรรมการบริษัท การบินไทย ซึ่งมี กบอำพน กิตติอำพน เป็นประธานกรรมการก็มีมติแต่งตั้ง ประวิช รัตนเพียร อดีตรมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท การบินไทย สืบแทน วัลลภ พุกกะณะสุต ที่ต้องลาออกไปช่วยภริยาทำมาหากิน เนื่องจากถูกสอบสวนเอาผิดกรณีที่เป็นเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูง แต่กลับทำผิดระเบียบวินัยขนสัมภาระเกินน้ำหนักอย่างมากมายมหาศาล แล้วแอบเอามาพักไว้ในแผนกแจ้งของสูญหาย แล้วนำสัมภาระดังกล่าวออกมาโดยไม่ผ่านด่านศุลกากร
ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของบรรดาพนักงานการบินไทยน้อยใหญ่ที่ไม่รู้ว่า ประวิช รัตนเพียร นั้นเป็นใครมาจากไหน แล้วได้รับการเสนอชื่อเข้ามาให้ดำรงตำแหน่งใหญ่ในบริษัท การบินไทยได้อย่างไรมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์มากน้อยเพียงไรกับการบริหารสายการบินแห่งชาติ ซึ่งธุรกิจการบินนั้นถือเป็นธุรกิจเฉพาะจะต้องใช้ความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน เข้ามาบริหารธุรกิจการบินไม่ใช่เลือกใครก็ได้ให้เข้ามาทำงาน
เราจึงน่าจะมาทำความรู้จักกับ ประวิช รัตนเพียร คนนี้ดูว่ามีความเป็นมาอย่างไร
ประวิช รัตนเพียร เกิดที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ปี 2499 เป็นบุตรชายของประชุม รัตนเพียร อดีตนักการ เมืองและนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงกับวิจิตรา รัตนเพียร มีพี่น้องร่วมบิดามารดาคือ ประเวช รัตนเพียร วาริด รัตนเพียร และวชุดา รัตนเพียร จบการศึกษาชั้นต้นจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่สนิทสนมรักใคร่กันมากกับ กบอำพน กิตติอำพน ประธานคณะกรรมการบริษัท การบินไทย คนปัจจุบัน เมื่อจบชั้นมัธยมปลาย สาขาวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลแล้ว ก็ไปศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย รุ่นเดียวกันกับ ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จากนั้นก็ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท Master of Admini stration, ที่ The Pennsylvania State University สหรัฐอเมริกา แล้วศึกษาทางด้าน Postdoctoral Research Associate The Pennsylvania State University สำเร็จวิชาการทหารชั้นปีที่ 5 กรม รักษาดินแดน ฝึกอบรมแต่งตั้งเป็นว่าที่ร้อยตรีกองทัพบก จบหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วปอ.ปี 2546 ผ่านการอบรมหลักสูตร Director Accreditation Program (DAP) จากสมาคมส่งเสริม สถาบันกรรมการบริษัท ไทย (IOD)
หลังจบการศึกษาระดับปริญญาเอก ด้านการบริหารการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ก็กลับมาทำ งานในประเทศไทย ได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนดุสิตพาณิชยการ เมื่อปี 2527 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงานกลาง เมื่อปี 2528 เนื่องจาก ประวิช รัตนเพียร เติบโตมาในครอบครัวของนักการศึกษาและนักการเมือง จึงได้รับการชักชวน ให้เข้าสู่เส้นทางการเมือง จึงตัดสินใจสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคชาติพัฒนาของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เพื่อนรุ่นพี่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนสมัยแรกในปี 2531 ต่อมาในปี 25372538 ได้เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง พล.อ. อาทิตย์ กำลังเอก ครั้นมีการเลือกตั้งในปี 2539 ก็ตัดสินใจไปสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.นครราชสีมา ได้รับเลือกตั้งมาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กร ทัพพะรังสี ในปี 2541 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นอธิการบดีวิทยาลัยรัตนบัณฑิต และเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีบทบาทในการผลักดันตราสัญลักษณ์ไทย คือ Thailand Brand, สนับสนุนมาตรการส่งเสริมการเปิดตลาดใหม่ของสินค้าไทยไปสู่ตลาดโลก และมาตรการส่งเสริมธุรกิจบริการจนทำให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดมาในปี 2544 ตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายกับสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เข้าไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพรรคไทยรักไทยของทักษิณ ชินวัตร ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร จ.นครราชสีมา ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรในสภาผู้แทนราษฎรอย่างแข็งขัน พร้อมกับที่วิทยาลัยรัตนบัณฑิต ได้รับการยกวิทยฐานะเป็นมหาวิทยาลัยในปี 2546 ประวิช รัตนเพียร ก็ได้รับความไว้วางใจจากสภามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี
ต่อมาในปี 2547 ได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกรัฐสภา 138 ประเทศ ให้เป็นกรรมการบริหารสหภาพรัฐสภาระหว่างประเทศนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Inter Parliamentary Union–IPU พร้อมๆ กับที่ได้รับแต่งตั้งจากรัฐบาลในขณะนั้นให้เป็นผู้แทนการค้าไทย ซึ่งนอกจากจะได้ทำหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนทางด้านการส่งออกและนำเข้าสินค้าของประเทศไทยให้การค้าขายระหว่างประเทศมีความราบรื่น และมีความก้าวหน้าเพื่อประโยชน์แห่งการประกอบธุรกิจการค้า โดยส่วนรวมของประเทศแล้ว ประวิช รัตนเพียร ยังมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งจะผลักดันให้ประเทศได้มุ่งเน้นพัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ตลอดจนการพัฒนาขีดความสามารถของแพทย์ไทยให้ก้าวไกลไปสู่การเป็น Thailand : Medical Hub of Asia ที่ดูเหมือนจะเริ่มตื่นตัวและออกแรงแข็งขันกันอยู่เพียงระยะหนึ่งเท่านั้น แล้วแนวความคิดนี้ก็จางหายไปเหลือไว้แต่ความพยายาม โรงพยาบาลเอกชนบางแห่งที่พยายามจะพัฒนาโรงพยาบาลของตนเองให้ก้าวหน้าและมีความทันสมัย เพื่อให้เป็นที่ไว้วางใจของคนต่างชาติได้ระดับหนึ่งเท่านั้น
จากนั้นในปี 2548 ก็ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการอุดมศึกษาวาระ 1 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระหว่างที่เป็นเจ้ากระทรวงแห่งนี้ก็ได้พยายามใช้ประสบการณ์ของการเป็นนักการศึกษามาอย่างยาวนานปลุกเร้าสังคมให้มีความตื่นตัวในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ทำให้สังคมได้เห็นความสำคัญในเรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้จัดให้มีรายการ Mega Clever ซึ่งเป็นรายการที่ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้อย่างเป็นรูปธรรม จนกระทั่งปี 2551 ก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI และเป็นประธานอนุกรรมการนโยบายและส่งเสริมการลงทุนด้วย
ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลายในด้านการบริหารการศึกษา การค้า การพาณิชย์ และทางการเมือง อีกทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันมายาวนานประกอบกับคุณสมบัติส่วนตัวของ ประวิช รัตนเพียร ที่เป็นคนสุภาพเรียบร้อยและตั้งใจจริงในการทำงาน ทำให้กบ อำพน กิตติอำพน ตัดสินใจทาบทามเพื่อนซี้ตั้งแต่ยังเยาว์ให้เข้ามารับตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท การบินไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ความรู้ความสามารถและนิสัยส่วนตัวที่ไม่ชอบหักด้ามพร้าด้วยเข่า อีกทั้งภาพลักษณ์ของนักการเมืองที่ยังไม่มีอะไรด่างพร้อย และไม่มีสิ่งใดในเส้นทางการเมืองที่ผ่านมาว่าเคยเป็นที่ขัดหู ขัดตา ของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในพรรคภูมิใจ ประวิช รัตนเพียร จึงมีความเหมาะสมที่เข้าไปดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท การบินไทย เพื่อประโยชน์และความเจริญรุ่งเรืองของสายการบินแห่งชาติ โดยจะไม่ไปเป็นก้างขวางคอของใครอีกด้วย