ตำรวจตกเป็นเป้า เมื่อโจรไม่กลัวสีกากี

05 กรกฎาคม 2555

กลายเป็นอีกอาชีพที่ต้องตกอยู่ในอันตราย สำหรับอาชีพ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” หรือ “ตำรวจ” ที่ระยะหลังในห้วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

กลายเป็นอีกอาชีพที่ต้องตกอยู่ในอันตราย สำหรับอาชีพ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” หรือ “ตำรวจ” ที่ระยะหลังในห้วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ตำรวจไทยต้องกลายเป็นเหยื่อของเหล่าโจรร้าย อาชญากร วัยรุ่นคึกคะนอง ถูกรุมทำร้าย ถูกยิง ทั้งบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต

ด.ต.สนิท ริ้วทองชุม ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางยี่ขัน ที่ไปช่วยราชการกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล (กก.สส.บช.น.) ก็ต้องจบชีวิตลงหลังจากไปวางแผนจับกุมแก๊งค้ายาบ้า โดยถูกผู้ต้องหาชักปืนยิงสวนดับคาที่ก่อนจะถูกจับ

ด.ต.ศักดิ์ชัย ชูชื่น ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.หัวหมาก พร้อมกับพวกได้มานั่งดื่มกินกัน ย่านคลองจั่น บางกะปิ แต่เกิดไปมีเรื่องกับวัยรุ่นเจ้าถิ่นเข้า แม้จะมีการบอกให้วัยรุ่นระงับสติอารมณ์ แต่ด้วยความยั้งคิดกลับชักปืนยิงใส่ ด.ต.ศักดิ์ชัย จนคว่ำก่อนที่เด็กนรกเหล่านี้จะร่วมกันสหบาทาอย่างไม่ยั้ง และยิงปืนใส่อีก 1 นัด ทำให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัส

จากเหตุการณ์ทั้งสองข้างต้น ถือเป็นสัญญาณร้ายที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า อาชีพตำรวจซึ่งในอดีตเหล่าโจรร้าย หรือคนที่ทำผิดกฎหมายในสังคมต้องรู้สึกหวาดกลัว แต่ขณะนี้กลับกลายเป็นว่า หาได้สร้างความเกรงขามต่อเหล่าโจรร้าย ยิ่งสมัยนี้อาวุธปืนหาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาเหล่าพ่อค้ายาเสพติด หรือพวกนักเลงตั้งแต่หัวไม้ยันมือปืนต่างๆ ที่พากันพกให้เกลื่อนเมือง และพร้อมจะสวนได้ทุกเมื่อหากเกิดความเกรงกลัวหรือไม่พอใจ

ตำรวจตกเป็นเป้า เมื่อโจรไม่กลัวสีกากี

โดยเฉพาะในเมืองกรุงที่ดูเหมือนในทุกท้องที่ของแต่ละโรงพักจะมีกลุ่มแก๊งอาชญากรรม ถือเป็นเรื่องใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) อยู่ไม่น้อย เพราะระยะหลังเหตุเกิดกับตำรวจเมืองกรุงอยู่นับครั้งไม่ถ้วน

เรื่องนี้ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบช.น. หัวหน้างานรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามในเมืองกรุง ต้องสั่งกำชับให้ตำรวจที่ออกปฏิบัติการ โดยเฉพาะชุดสายสืบและชุดจับกุมใส่เสื้อเกราะทุกครั้งในการปฏิบัติหน้าที่

“ผมกำชับไปแล้วให้ชุดสืบสวน และชุดจับกุมที่ออกไปทำงานต้องเพิ่มความระมัดระวัง และที่สำคัญต้องใส่ชุดเกราะออกไปทำงานทุกครั้ง เพราะสมัยนี้โจรผู้ร้ายน่ากลัวมากขึ้น อีกทั้งยังมีอาวุธที่ทันสมัย รวมถึงอาวุธสงครามที่ไปหาซื้อกันมาเพื่อไว้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะและเล่นกันถึงตายทีเดียว โดยเฉพาะพวกค้ายาที่มีมูลค่ามหาศาล พร้อมจะถล่มตำรวจได้ทุกเมื่อ”

“แต่จะมาให้ตำรวจกลัวเหล่าโจรร้ายเสียเองก็เป็นไปไม่ได้ เพราะตำรวจต้องทำงานต้องปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะอันตรายก็ต้องปราบจับกุม แต่การจับกุมเมื่อประเมินสถานการณ์ว่าเสี่ยง ก็ต้องวางแผนให้รอบคอบ อย่าฉายเดี่ยวเพราะมันอันตราย ควรวางแผนให้รอบคอบ เพราะชีวิตตำรวจก็สำคัญเช่นกัน หรือแม้แต่การไปในสถานที่ทั่วไป หากเห็นสถานการณ์ไม่ดีก็พยายามห้ามปราม หรือไม่ก็ต้องเรียกท้องที่เข้ามาจัดการ” พล.ต.ต.สาโรจน์ ย้ำ

แต่ในอีกมุมมอง การที่วางตัวกร่างเกินไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางนาย ก็ทำให้ประชาชนเกิดความเอือมระอาได้เช่นกัน จนเป็นเหตุให้เกิดการปลูกฝังให้เกลียดตำรวจก็ยังมี และยิ่งมีเชื้อโจรอยู่ในตัว ทำให้ความเกลียดยิ่งบวกความรุนแรงเข้าไปอีก อาจจะเป็นอีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ตำรวจทั่วไปตกเป็นเป้าถูกทำร้าย

เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทาง สตช. ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบ บุคลากรตำรวจก็มีความสำคัญที่ต้องรักษาไว้ เพราะต้องใช้ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องประชาชนให้นอนหลับ กินอิ่ม อย่าให้โจรร้ายมาย่างกราย ให้เหมือนกับวลีแต่เดิม ที่บอกไว้ชัดว่า “นักเลงกลัวตำรวจ” อย่าให้ตำรวจต้องไปกลัวนักเลงแทน

 

Thailand Web Stat