อีซีบีหั่นดอกเบี้ยทุบสถิติต่ำสุด หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอียู
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.75% จากระดับปัจจุบันที่ 1%
ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลงอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.75% จากระดับปัจจุบันที่ 1%
ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ในการประชุมกำหนดนโยบายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภูมิภาค ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้อย่างหนัก
ขณะเดียวกัน อีซีบีประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยที่อีซีบีจ่ายให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีเงินฝากอยู่กับอีซีบี ลงสู่ระดับ 0% จากระดับปัจจุบันที่ 0.25% เพื่อเปิดทางให้มีการปล่อยกู้ระหว่างธนาคารเพิ่มขึ้น และเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้บรรดาธนาคารต่างๆ นำปริมาณเงินฝากส่วนเกิน ซึ่งมีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านยูโร (ราว 31 ล้านล้านบาท) มาไว้ที่ธนาคารกลางมากเกินไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า การประกาศตัดลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนลงสู่ระดับต่ำที่สุดที่ 0% อาจไม่สามารถช่วยแก้วิกฤตได้มากนัก เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่ภาคธนาคารต่างๆ อาจไม่ต้องการเสี่ยงปล่อยกู้กับภาคธนาคารที่กำลังเผชิญวิกฤตทางการเงินอย่างหนักในช่วงเวลานี้
นอกจากนี้ อีซีบีกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากนักลงทุนให้ดำเนินมาตรการทางการเงินพิเศษ ไม่เพียงแต่การประกาศตัดลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แต่เพียงอย่างเดียว โดยล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกโรงเรียกร้องให้อีซีบีดำเนินการซื้อพันธบัตรรัฐบาลประเทศต่างๆ ในยุโรปที่กำลังเผชิญกับวิกฤตหนี้อย่างรุนแรง ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากอีซีบีให้เหตุผลว่า มาตรการดังกล่าวอยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของอีซีบี
ขณะเดียวกัน ทางด้านธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมไว้ที่ 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 พร้อมกับประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณรอบ 3 (คิวอี 3) ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีก 5 หมื่นล้านปอนด์ (ราว 2.45 ล้านล้านบาท) เพื่อเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจประเทศที่กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างเต็มที่ หลังอัตราเงินเฟ้อประเทศปรับตัวลดลงต่ำกว่าเป้าที่ 2.8%
ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางอังกฤษได้ประกาศอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษแล้ว 3.25 แสนล้านปอนด์ (ราว 15.9 ล้านล้านบาท) ตั้งแต่เมื่อเดือน มี.ค. 2554 โดยบีโออีมองว่า มาตรการคิวอี 3 จะสามารถกระตุ้นให้บรรดานักลงทุนหันไปซื้อสินทรัพย์ในบริษัทขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดทางบริษัทต่างๆ ในประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาการเงินสามารถระดมทุนได้ดีขึ้น
วันเดียวกัน ทางด้านธนาคารกลางจีนประกาศตัดลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน อีก 0.31% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีก 0.25% ซึ่งถือเป็นมาตรการทางการเงินล่าสุดของทางการจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 ก.ค.