แผนจัดการน้ำส่อขัดรัฐธรรมนูญ

ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จุดประเด็นว่า การเปิดให้เอกชนเสนอแผนงานบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

เพื่อประมูลงานกว่า 3 แสนล้านบาท โดยวิธีพิเศษ แม้รัฐบาลอาจจะอ้างว่ายังไม่มีข้อสรุป แต่ถือว่าสามารถเล็งเห็นผลชัดเจนแล้วว่าอาจจะสร้างปัญหาหรือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะจะมีการสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ 21 แห่ง ใน 5 ลุ่มน้ำ แล้วยังจะใช้พื้นที่ 2 ล้านไร่ไว้เป็นที่รับน้ำชั่วคราว สร้างฟลัดเวย์

“ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โครงการนี้ต้องดำเนินการให้ข้อมูลประชาชนก่อน หากส่งผลกระทบกับชุมชนก็ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 66 และมาตรา 67 และถ้าเป็นประชาชนในวงกว้างก็ต้องดำเนินการตามมาตรา 57 และหากนำไปสู่การตัดสินใจหรือมีคำสั่งทางการปกครอง ก็ต้องดำเนินการตามมาตรา 58 แต่ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ไม่เคยออกมาบอกอะไรประชาชนเลย” ศรีสุวรรณ กล่าว

ทั้งนี้ มาตรา 57 ว่าด้วยสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ก่อนการอนุญาตหรือการดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต และให้รัฐจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงก่อนดำเนินการ

มาตรา 58 ว่าด้วยสิทธิการมีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ของรัฐในการปฏิบัติราชการทางปกครองอันมีผลหรืออาจมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของตน

มาตรา 66 ว่าด้วยสิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม

และ มาตรา 67 ว่าด้วยการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงจะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้ศึกษาและประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน รวมทั้งได้ให้องค์กรอิสระซึ่งประกอบด้วยผู้แทนองค์กรเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือด้านสุขภาพ ให้ความเห็นประกอบก่อนมีการดำเนินการดังกล่าว

สิทธิของชุมชนที่จะฟ้องหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ ราชการส่วนท้องถิ่น หรือองค์กรอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคล เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัตินี้ ย่อมได้รับความคุ้มครอง m