นครบาลเอาจริง คุมโซนนิงสถานบริการ
ตั้งแต่ปี 2548 กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้กรุงเทพมหานครมีพื้นที่โซนนิง 3 แห่งสำหรับสถานบริการ สถานบันเทิงในยามค่ำคืน
โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ
ตั้งแต่ปี 2548 กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้กรุงเทพมหานครมีพื้นที่โซนนิง 3 แห่งสำหรับสถานบริการ สถานบันเทิงในยามค่ำคืน
1.โซนพัฒนพงษ์ ด้านเหนือ เริ่มจากแนวกึ่งกลางถนนสุรวงศ์ ออกมาจรดเส้นขนานที่ระยะ 100 เมตร ด้านใต้ เริ่มจากแนวกึ่งกลางถนนสีลม ออกมาจรดเส้นขนานระยะ 100 เมตร ด้านตะวันออกจรดถนนพระราม 4 ฟากตะวันตก ด้านตะวันตกจรดถนนสุรศักดิ์ ฟากตะวันออก ถนนมเหสักข์ ฟากตะวันออก และถนนเหนือใต้ ฟากตะวันออก
2.โซนรัชดาภิเษก ด้านเหนือจรดถนนลาดพร้าว ด้านใต้จรดถนนอโศกดินแดง และถนนพระราม 9 ด้านตะวันออกจรดเส้นขนานระยะ 300 เมตร กับแนวกึ่งกลางถนนรัชดาภิเษก ด้านตะวันตกจรดเส้นขนานระยะ 300 เมตร กับแนวกึ่งกลางถนนรัชดาภิเษก
3.โซนเพชรบุรีตัดใหม่ ด้านเหนือ เริ่มจากจุดลงทางด่วนพระราม 9 จรดถนนใต้ทางด่วน ด้านใต้จรดคลองแสนแสบฝั่งเหนือ ด้านตะวันออกจรดคลองแสนแสบฝั่งตะวันตก ด้านตะวันตกจรดสามแยก อสมท ตัดถนนเพชรบุรี
แต่ขณะนี้ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ร้านเหล้ามากมายเกิดขึ้นปานดอกเห็ดในเมืองกรุง ว่าแล้วต้องถึงทีตำรวจนครบาลต้องเข้ามาจัดการพื้นที่ให้เป็นระเบียบ ทั้งสถานที่ที่ให้อนุญาต รวมถึงใบอนุญาตให้เปิดสถานประกอบการ และตำรวจได้เร่งออกตรวจตราทุกพื้นที่ เพื่อตรวจสอบทั้งหมดว่ามีส่วนใดและร้านใดกระทำผิดกฎหมายหรือไม่
คนที่รับลูกต้องเข้ามาดูแลจัดการ คือ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ที่พาลูกน้องออกตรวจตราเกือบจะทุกคืนตามสถานบันเทิง สถานบริการต่างๆ ทั้งผับ บาร์ อาบอบนวด
พล.ต.ต.อดุลย์ เล่าว่า ที่ผ่านมาชุดเฉพาะกิจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ก็ออกตรวจตราตามสถานบันเทิง เพื่อตรวจใบอนุญาต รวมถึงสถานประกอบการแต่ละแห่งได้เปิดให้บริการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เช่น อาบอบนวดแห่งนี้ขอเปิดห้องไว้ 150 ห้อง แต่ไปตรวจสอบมีห้องอยู่ 200 กว่าห้อง และยังมีการลักลอบใช้น้ำบาดาลอย่างผิดกฎหมาย เป็นต้น เราก็ต้องดำเนินคดี
“รวมถึงมาตรการจัดทำโซนนิงของร้านต่างๆ จากการตรวจสอบพบว่าสถานบันเทิงที่อยู่ในโซนที่อนุญาตนั้น มีร้านที่มีใบอนุญาตอย่างถูกต้องเพียงแค่ 200 ร้านเท่านั้น นอกโซนมีอยู่ 300 กว่าราย แต่ยังมีร้านที่ไม่มีใบอนุญาตอีกกว่าพันราย เมื่อตำรวจไปจับพวกที่ไม่มีใบอนุญาต เราก็ต้องจับผู้จัดการร้าน สั่งเทียบปรับ 1 หมื่นบาท โทษจำคุกรอลงอาญา เพียงแค่แป๊บเดียวไม่พ้นข้ามวัน ก็เอาคนใหม่มานั่งเป็นผู้จัดการเปิดร้านอีก เราก็ไม่มีกำลังที่จะไปนั่งจับร้านพวกนี้ได้ทุกวัน”
พล.ต.ต.อดุลย์ เล่าอีกว่า พวกร้านค้าต้องทำให้ถูกต้องทั้งหมดตามกฎหมาย ต้องเอามาอยู่ในโซนนิงทั้งหมด แต่เรื่องการจัดโซนหรือพื้นที่ให้บริการตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น แน่นอนว่าไม่เพียงพอ ดังนั้นก็ต้องมาพิจารณาว่าพื้นที่ใดบ้างที่ควรจะต้องเป็นพื้นที่โซนนิงให้เปิดสถานบริการ
“ที่กำลังดำเนินการเพิ่มโซนนิงอีก 2 โซน ก็เป็นสถานบันเทิงย่านเกษตรนวมินทร์ และย่านรัชดาท่าพระ เนื่องจากมีร้านอยู่มากมาย ต้องมาดูว่ามีความเหมาะสมจะเปิดเป็นโซนนิงหรือไม่ รวมถึงร้านนอกโซนที่มีอยู่อีกกว่าพันแห่ง ที่จะต้องพิจารณาว่าสมควรให้ใบอนุญาตหรือไม่เช่นกัน”
พล.ต.ต.อดุลย์ ระบุอีกว่า พวกร้านที่แอบเปิดกันอยู่กว่าพันรายนั้น หากตรวจสอบและจัดพื้นที่อนุญาตให้เปิดสถานบริการได้ อย่างน้อยเงินก็จะเข้ารัฐเป็นรายได้อีกจำนวนมาก และสถานบันเทิงใดที่ยังไม่มีใบอนุญาต แต่ยังเปิดให้บริการท้าทายกฎหมาย ก็ขอให้เข้ามาทำให้ถูกต้องเสีย หากเข้าไปตรวจและพบว่าผิดกฎหมาย รับรองว่าต่อไปนี้ไม่ได้เปิดกิจการอีกแน่
“ต่อไปนี้สถานบริการจะต้องถูกควบคุมอย่างเข้มแข็ง ตำรวจเองก็อยากได้รับความร่วมมือที่ดีจากผู้ประกอบการ แต่หากยังปล่อยปละเปิดเกินเวลา ปล่อยเด็กเข้าไปเที่ยว มีปัญหายาเสพติด รวมถึงเกิดเรื่องทะเลาะบ่อยครั้ง ก็จะมีผลต่อการพิจารณาต่อใบอนุญาต แต่หากสถานบริการใดทำดีก็จะมีการพิจารณาประกาศให้สถานบริการนั้นๆ มีความปลอดภัย คล้ายๆ กับการให้ดาว มีระดับในการใช้บริการ เช่น ร้านนี้มีความปลอดภัย เที่ยวได้ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการควบคุมอีกทางเช่นกัน” พล.ต.ต.อดุลย์ ย้ำ
ท้ายสุด พล.ต.ต.อดุลย์ เน้นย้ำไปถึงท้องที่รับผิดชอบของตำรวจแต่ละแห่ง ที่หน่วยเฉพาะกิจออกไปตรวจสอบสถานบริการแต่ละครั้ง หากพบว่าท้องที่มีความหละหลวม ไม่ดูแลเอาใจใส่ ปล่อยให้เปิดเกินเวลา กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของเด็กเยาวชน ตรงนี้จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แน่นอนว่าจะต้องเอาผิดอย่างทันที ต้องถูกลงโทษทางวินัยและทางปกครองอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะถือว่าสร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
น่าจับตาดูว่าการคุมเข้มสถานบริการในครั้งนี้ของทางตำรวจ จะเป็นลักษณะของการทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกหรือไม่ เพราะหลายครั้งที่ดูเหมือนเมื่อตรวจแล้วก็ทิ้งงานกันไป ไม่มีความต่อเนื่อง แต่เรื่องนี้ พล.ต.ต.อดุลย์ ยืนยันชัดเจนว่า เป้าการตรวจสอบสถานบริการครั้งนี้มีเป้าหมายอย่างชัดเจน รวมถึงความมุ่งหวังที่ต้องการให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ปลอดภัย และทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เช่นนั้นก็จะจับไม่ละเว้นเช่นกัน