ทุบกระจกรถระบาด ประมาทเป็นเสียทรัพย์

อาชญากรรมที่มีอยู่รอบด้าน ไม่ว่าในจุดใดก็ตามของเมืองกรุง หากประมาทขึ้นมาอาจจะสูญเสียทรัพย์สินเอาได้ง่ายๆ

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

อาชญากรรมที่มีอยู่รอบด้าน ไม่ว่าในจุดใดก็ตามของเมืองกรุง หากประมาทขึ้นมาอาจจะสูญเสียทรัพย์สินเอาได้ง่ายๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทรัพย์สินมีค่าที่หลายคนมักจะเก็บไว้ในรถยนต์ส่วนตัว เมื่อต้องไปทำธุระต่างๆ นานา และจอดรถยนต์ไว้ตามถนนหนทาง ตรอก ซอก ซอย หรือที่สาธารณะ กลายเป็นทรัพย์สินที่โจรร้ายหมายตาอยากได้ กระทำการขโมยทรัพย์สินด้วยการทุบกระจกรถลักทรัพย์ หยิบสิ่งของมีค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถือราคาแพง หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กราคาหลายหมื่นบาท หลบหนีลอยนวล

ในรอบครึ่งปีหลังของปี 2555 มักจะเกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกระบาดหนัก โดยเฉพาะย่านกลางเมืองกรุงเทพฯ อย่างถนนลาดพร้าว ย่านรามอินทรา หรือรถที่จอดอยู่ภายในซอยต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ สร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับประชาชน เพราะเสียทั้งทรัพย์สินของมีค่า และรถยนต์ที่ตัวเองรักยังต้องได้รับความเสียหายอีกด้วย ทุบกระจกรถแตกครั้งหนึ่ง เจ้าของรถก็ต้องไปเปลี่ยนกระจกใหม่ในราคาที่เหยียบหมื่นบาททีเดียว

ไล่เรียงพอให้เห็นภาพ “โดนัท” มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล ดารานักแสดงชื่อดัง รถยนต์ของเธอที่จอดไว้หน้าโรงหนังเฮาส์ ย่านอาร์ซีเอ สถานที่ที่หลายคนเชื่อว่าคนพลุกพล่าน ก็ยังเกิดเหตุคนร้ายทุบกระจกรถยนต์ของเธอ ก่อนจะขโมยคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและสิ่งของอื่นๆ อีกมูลค่านับแสนบาท

ขยับมาอีกหน่อย นักร้องนักดนตรี “แหนม” รณเดช วงศาโรจน์ ถูกคนร้ายทุบกระจกรถเบนซ์ ซึ่งจอดไว้ริมถนนราชดำริขโมยทรัพย์สินในรถหลายรายการ และทั้งสองคดีข้างต้นตำรวจก็ยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้

แต่ใช่ว่าตำรวจจะนิ่งเฉย โดยเฉพาะย่านรามอินทรา ท้องที่ สน.วังทองหลาง ที่ผู้เสียหายหลายคนเข้าไปแจ้งความว่าถูกทุบกระจกรถยนต์ ตำรวจชุดสืบสวนเจ้าของพื้นที่ ก็ลงสืบกระทั่งไปจับกุม นายวันชัย หรือนุก เรืองฤทธิ์ อายุ 22 ปี นายธีรพล หรือแป๊ะโอ ละอองสำลี อายุ 31 ปี และนายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ที่ริอ่านตั้งตนเป็นแก๊งลักทรัพย์ ออกตระเวนทุบกระจกรถยนต์รวมกว่า 60 คดี เพื่อลักทรัพย์เอาไปขายต่อแลกเงินมาซื้อยาเสพติด

ที่สำคัญแก๊งนี้ก่อเหตุในหลายพื้นที่ ทั้ง สน.วังทองหลาง สน.ประชาชื่น สน.ลาดพร้าว สน.หัวหมาก สน.โชคชัย สน.โคกคราม และ สน.ห้วยขวาง เป็นต้น

ก็ใช่ว่าจะมีแก๊งเดียวที่ออกตระเวน การข่าวของตำรวจนครบาลย้ำชัดเจนว่ายังมีคนร้ายอีกหลายแก๊งที่ออกก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว แน่นอนว่าในยุคของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นั่งเก้าอี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล อาชญากรรมต้องไม่มี โดยเฉพาะแก๊งไหนที่ยังระบาดอยู่ ต้องปราบต้องจับมาให้ได้

ขณะที่ พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. ในฐานะที่ต้องรับผิดชอบงานด้านป้องกันปราบปราม ระบุพร้อมยอมรับว่า ยังคงมีแก๊งทุบกระจกรถยนต์ออกอาละวาดอยู่ในหลายพื้นที่อยู่ ที่สำคัญวิธีการก็แทบจะไม่ได้ลงทุนสำหรับเครื่องมือโจรกรรมเลย

“ค้อน ก้อนหินห่อผ้าหนาๆ แล้วเหวี่ยงกระแทกกระจกรถให้แตก เพื่อไม่ให้เกิดเสียงจนเป็นที่สังเกต ประกอบกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ กระจกจะออกแบบให้ไม่แตกกระจาย แต่จะแตกเป็นเม็ดข้าวโพด เพื่อป้องกันอันตรายกับผู้ขับขี่ แต่ก็กลายเป็นช่องให้คนร้ายขโมยทรัพย์สินได้ง่ายขึ้นอีกด้วย เพราะเพียงแค่ใช้มือกระทุ้งนิดเดียวกระจกรถก็หลุดออกแล้ว”

ถือเป็นวิธีการที่แยบยลและเอื้อให้ก่อเหตุได้ง่าย ตำรวจก็ต้องวางกลยุทธ์ในการปราบปรามเอาไว้ให้เต็มที่รอบด้าน แต่ที่สำคัญคือ สัญญาณกันขโมย ยืนยันจาก พล.ต.ต.มานิต ว่าช่วยได้แน่นอน อย่างน้อยก็สร้างความสนใจให้กับประชาชนทั่วไปที่อาจจะมาพบเห็นเข้า

“ประชาชนทั่วไปที่สัญจรไปมาตามท้องถนน หากเห็นสิ่งผิดปกติ เช่น เห็นคนมีท่าทางพิรุธ เดินส่องไฟฉายเข้าไปในรถยนต์ที่จอดไว้ หรือทำท่าส่องดูสิ่งของภายใน ให้แจ้ง 191 ทันที เพื่อให้ตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ต้องขอความช่วยเหลือจากทางภาคประชาชนด้วย รวมถึง รปภ.ที่ดูแลในพื้นที่นั้นๆ ใกล้เคียง เพราะกำลังตำรวจที่มีอยู่คงไม่เพียงพอ”

ส่วนเจ้าของทรัพย์สินอันมีค่าและเจ้าของรถ พล.ต.ต.มานิต แนะนำว่าให้ระมัดระวัง “ไม่ควร” เก็บของมีค่าเอาไว้ในรถ หรืออย่าลืมเป็นอันขาด โดยเฉพาะกับการจำเป็นต้องจอดรถไว้ในที่เปลี่ยว หรือหากไปเที่ยวและต้องจอดรถไว้ไกลร้านอาหาร จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องย้ายสิ่งของเก็บไว้ที่กระโปรงหลังจะดีกว่า

เป็นปัญหาใหญ่ที่ตำรวจต้องดำเนินการ และล่าสุด “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ นายใหญ่ตำรวจนครบาล ก็สั่งการให้ศึกษาความพร้อมอย่างเร่งด่วน เพื่อตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม ที่มุ่งเน้นให้ปราบคนร้ายแก๊งทุบกระจกรถยนต์โดยเฉพาะ และกำลังเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งทุกหน่วย ทุกกองบังคับการตำรวจนครบาลทั้ง 9 แห่ง ทุก 88 สน. ต้องประสานงานและขจัดปัญหานี้ให้ออกไปจากเมืองกรุงให้ได้