posttoday

ขยายภาพโทษบุหรี่บนซองใหญ่เป็น85%

01 กุมภาพันธ์ 2556

ที่ประชุมยาสูบฯ แก้กฎกระทรวงขยายภาพมะเร็งปอด-มะเร็งกล่องเสียงบนซอง ใหญ่ที่สุดในโลก

ที่ประชุมยาสูบฯ แก้กฎกระทรวงขยายภาพมะเร็งปอด-มะเร็งกล่องเสียงบนซอง ใหญ่ที่สุดในโลก

วันที่ 1 ก.พ. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติ (คบยช.) ได้พิจารณาร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างกฎกระทรวงกำหนดเรื่องการแจ้งรายการส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ยาสูบประเภทบุหรี่ชิกาแรตและบุหรี่ชิการ์ โดยที่ประชุมได้มีมติให้นำไปปรับปรุงและเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 2 เดือนจะเสร็จ  เพราะมีรายละเอียดบางเรื่องอาจมีผลในทางปฏิบัติ  เช่น  ห้ามใส่ก้านชะพลูลงไปอาจมีบางประเทศออกมาคัดค้าน นอกจากนี้ ผู้ผลิตบุหรี่ยังต้องแจ้งสารประกอบในบุหรี่ และส่วนประกอบทุก 3 ปี โดยร่างที่แก้ไขใหม่จะบอกว่าต้องเปิดให้เจ้าหน้าที่ได้เห็นก่อนแล้วปิดเป็นความลับ ส่วนการจะเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชนต้องพิจาณาอีกครั้งว่าเปิดเผยได้กรณีไหน เช่น มีผู้เสียหายจากบุหรี่มาร้องเรียนว่า ได้รับพิษภัยจากสารเคมีต่างๆ ในบุหรี่ ก็มาดูหลักฐานว่าใช่หรือไม่ใช่

นอกจากนี้ จะมีการแก้ไขร่าง ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขรูปภาพ ข้อความคำเตือนเกี่ยวกับพิษภัยและช่องทางติดต่อ เพื่อการเลิกยาสูบในฉลากของบุหรี่ซิกาแรต  โดยขยายขนาดภาพคำเตือนจากเดิม 55% ให้ใหญ่ขึ้นเป็น 85 % ของพื้นที่ส่วนใหญ่ของซองบุหรี่ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยเชื่อว่าว่าจะทำให้คนสูบบุหรี่น้อยลง เป็นภาพสื่อความหมายได้ชัดเจน ตรงไปตรงมา10 ภาพ ได้แก่ โปรดงดสูบบุหรี่ในบ้าน ควันบุหรี่ฆ่าเด็กได้ สูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งกล่องเสียง สูบบุหรี่ทำให้หัวใจวาย สูบบุหรี่ทำให้เส้นเลือดสมองแตก สูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งปาก สูบบุหรี่ทำให้เซ็กซ์เสื่อม สูบแล้วปากเหม็นบุหรี่ สูบบุหรี่ทำให้เป็นมะเร็งปอด และสูบแล้วทรมานจนตายจากถุงลมโป่งพอง พิมพ์เป็นภาพ 4 สีโดยเป็นภาพคำเตือนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามด้วยออสเตรเลียที่ 82.5% รองลงมาได้แก่ แคนาดา อุรุกวัย และบราซิล

ทั้งนี้ ยังมีการพูดคุยเรื่องภาษีบุหรี่ โดยทางกรมสรรพสามิตรับไปปรับปรุงวิธีการเก็บภาษีใหม่ ซึ่งมีผลกระทบจากการเจรจาเอฟทีเอทั้งหมด เพราะเดิมมีการคำนวณจากค่าขนส่ง บวกด้วยภาษีศุลกากร ถ้าเป็น 0% ภาษีบุหรี่จะน้อยลง จึงต้องไปหามาตรการอย่างอื่น เป็นมาตรการรวม เช่น เก็บภาษีตามปริมาณหรือน้ำหนักบวกด้วยราคา ส่วนจะคิดที่ราคาขายส่งครั้งสุดท้ายหรือราคาขายปลีกต้องไปดูรายละเอียดอีกที

รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังกล่าวถึงการเจรจาเอฟทีเอ ว่าควรกำหนดเป็นหลักการชัดเจนไปเลยว่าไม่เอาเรื่องยาสูบมาเป็นหัวข้อเจรจา เพราะจะเกิดผลเสียมากกว่า แม้มีมติ ครม.ในแผนยุทธศาสตร์ว่าให้สินค้ายาสูบอยู่นอกกรอบการเจรจาแต่ก่อนเจรจาทุกครั้งต้องทำการบ้านก่อนว่า ประเทศที่เจรจาด้วยมีเรื่องยาสูบหรือไม่ และนำมาปรึกษาระหว่าง กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเห็นชอบว่าสมควรจะนำเข้าไปหรือไม่ และขออนุมัติ ครม.เป็นครั้ง ๆ ไป เพราะตามยุทธศาสตร์กำหนดว่าให้ยกเว้นได้เป็นครั้ง ๆ ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดข้อขัดแย้งกัน  เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องกระทรวงการต่างประเทศรับไปพิจารณาว่า การจะไปลงนามร่างสนธิสัญญาอะไรขอให้มีพิจารณาก่อนว่าเป็นไปตามมาตรา190 หรือไม่